อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2120 มันเกิดอะไรขึ้น?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2120 มันเกิดอะไรขึ้น?
“ตัวโคลนอย่างคุณทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?” ปรมาจารย์ขงแทบไม่เชื่อสายตา
เขาจับตามองจางเซวียนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่อีกฝ่ายเข้าสู่มิติเบื้องบน ซึ่งแม้ความพยายามหลากหลายวิธีเพื่อจับตัวจางเซวียนจะล้มเหลว แต่ก็พอประเมินคร่าวๆได้ว่าจางเซวียนมีพละกำลังแค่ไหน
แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายมีตัวโคลน แถมนึกไม่ถึงด้วยว่าตัวโคลนจะทรงพลังขนาดนี้…
เขามีชีวิตอยู่หลายพันปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นนักรบขั้นสุดยอดของมิติเบื้องบน ทำให้เก่งกาจเหนือชั้นกว่าใครๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางสังหารหมู่เหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าและเข้าแทนที่คนเหล่านั้นได้…
แต่ตอนนี้เขาทำอะไรตัวโคลนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย
มันเกิดอะไรขึ้น?
“จับเขาไว้!”
จางเซวียนไม่แยแสความตกตะลึงของปรมาจารย์ขง เขาโบกมือและทำลายค่ายกลที่กักขังอสูรในบริเวณนั้นไว้ ทำให้พวกมันยืนขึ้นได้อีกครั้ง
ฟี่บ!
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 8 ตัวกับของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกกว่า 12 ชิ้นผนึกกำลังกัน เกิดเป็นค่ายกลขนาดมหึมาที่ตรงเข้าเล่นงานจุดอ่อนของปรมาจารย์ขงอย่างไม่ลดละ
ปรมาจารย์ขงกำลังต่อสู้ติดพันกับตัวโคลน แล้วจะรับมือกับอสูรกลุ่มหนึ่งที่คอยจับตามองเขาจากด้านข้างและจ้องจะเล่นงานซ้ำทุกครั้งที่เขาเผยจุดอ่อนได้อย่างไร?
เพียงครู่เดียว เขาก็ถูกเล่นงานอย่างจังที่หน้าอก ทำให้ต้องถอยกรูดก่อนจะล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
“ฆ่าเขา!”
ตัวโคลนพุ่งเข้าใส่และซ้ำไปอีกหมัดหนึ่ง
พละกำลังของการโจมตีครั้งนี้หนักหน่วงพอจะฉีกกระชากมิติให้แยกเป็น 2 ส่วนได้
“คุณมันชั่วร้าย! ถ้าไม่ใช่เพราะผมถูกเขากดข่มมาตลอดหลายพันปีและยังไม่ฟื้นตัวดีล่ะก็ คุณคิดว่าคนอย่างพวกคุณจะทำให้ผมบาดเจ็บได้หรือ? ฮึ่มมม! ไม่มีทางที่ผมจะถูกพวกคุณสังหารในบ้านของตัวเองหรอก!”
ฟึ่บ!
ปรมาจารย์ขงกระโจนพรวด จากนั้นก็ทะลุมิติข้ามสิ่งกีดขวางและหายไปจากจุดนั้นในชั่วพริบตา
“เร็วเข้า พวกเราต้องไปแล้ว!”
เมื่อปรมาจารย์ขงหายตัวไป จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบเก็บของล้ำค่าเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็เก็บบรรดาอสูรที่อยู่ในกระสอบอสูร ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ
ฟิ้วววว!
ตัวโคลนสวมแหวนเก็บสมบัติไว้ จากนั้นก็พุ่งออกไป
นั่นคือบริเวณที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของค่ายกลอารักขาที่ถูกติดตั้งไว้ในหอนิรันดร์ ซึ่งจางเซวียนได้ส่งโทรจิตบอกตัวโคลนตั้งแต่เมื่อครู่ก่อน
บึ้มมมม!
แต่ยังไม่ทันที่ตัวโคลนจะสามารถฉีกกระชากค่ายกลและหลบหนีไป หอนิรันดร์ก็พลันระเบิด เกิดเปลวเพลิงที่มีอานุภาพทำลายล้างและคลื่นความสั่นสะเทือนอันทรงพลังกวาดไปโดยรอบ แทบจะฉีกทั้งโลกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตัวโคลนที่ยังไม่ทันได้ออกไปถูกรอยแยกของมิติที่ปรากฏโดยรอบเฉือนร่างเป็น 2 ท่อน
ฟึ่บ!
ร่างที่เหลืออยู่ครึ่งตัวทั้ง 2 ท่อนเชื่อมติดกันอย่างรวดเร็วก่อนจะรุดหน้าต่อไป
โชคดีที่ผู้ถูกเล่นงานคือตัวโคลน ถ้าเป็นจางเซวียนล่ะก็ การโจมตีนั้นคงคร่าชีวิตเขาไปนานแล้ว
หลังจากหลบหนีออกมาถึงจุดที่ปลอดภัย จางเซวียนออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ เขามองมิติโดยรอบที่พังทลายซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีหอนิรันดร์ตั้งอยู่ จากนั้นก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว
“ไอ้สารเลวนั่นติดตั้งค่ายกลทำลายล้างไว้มากมายในฐานที่มั่นของตัวเอง เขาโหดร้ายกว่าที่ผมคิดไว้มาก!”
ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบโต้อันรวดเร็วของเขา ทุกคนคงตายไปพร้อมกับหอนิรันดร์
“เร็วเข้า รีบสำรวจให้ทั่ว ดูว่าเขาหายไปไหน เราจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้!” จางเซวียนสั่งการ
ตัวโคลนพยักหน้า จากนั้นก็รีบสำรวจโดยรอบ
การระเบิดของสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์กวาดล้างโลกทั้งโลกจนเกือบสิ้นซาก ยากที่จะบอกได้ว่าจุดไหนเป็นที่โล่งอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะทุกคนที่อยู่ในนั้นเสียชีวิตไปหมดเพราะแรงระเบิด
“เขาหนีไปแล้วจริงๆ…”
ตัวโคลนค้นหาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบปรมาจารย์ขง
ถึงปรมาจารย์ขงจะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่สู้กับตัวโคลนของจางเซวียนอย่างสมน้ำสมเนื้อ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับอสูรและของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกมากมาย ก็มีความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายเขาน่าจะพ่ายแพ้
ดังนั้น หลังจากระเบิดหอนิรันดร์แล้ว เขาก็หนีไปทันที
เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนจนปัญญา
เขาพยายามใช้ดวงตาหยั่งรู้สำรวจโดยรอบ แต่ไม่พบร่องรอยของปรมาจารย์ขงเลย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหนีไปได้จริงๆ!
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่นึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์ขงจะหลบหนี
นั่นคือครูบาอาจารย์ของโลก นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาคือบุคคลที่ไม่มีใครกล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องใส่ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา…จางเซวียนคิดไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายถึงกลายเป็นคนแบบนี้
อันที่จริง ถ้าเขาส่งข่าวนี้กลับไปยังทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสภาปรมาจารย์กับร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์คงเห็นเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ โทษฐานที่ใส่ร้ายปรมาจารย์ขง!
“จี้ของคุณ…” ตัวโคลนมองหน้าจางเซวียน
ปรมาจารย์ขงหนีไปแล้ว และจี้ก็อยู่ในมือของเขา
“นั่นน่ะของปลอม หลังจากที่ผมพบว่าฟู่เฉิงสื่อสมรู้ร่วมคิดกับหอเทพเจ้า ผมก็เริ่มสงสัยว่าหอนิรันดร์อาจมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่สลับตัวกับคุณก่อนเข้าสู่หอเทพเจ้าหรอก” จางเซวียนตอบ
เขาไม่ได้พูดถึงสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาดังๆก็จริง แต่นั่นไม่อาจระงับความระแวงสงสัยได้ ในเมื่อเขาแคลงใจในเจตนาของปรมาจารย์ขงแล้ว ก็ทำไมจะต้องไว้วางใจมอบจี้ของหลัวลั่วชิงให้อยู่ในมือของอีกฝ่าย?
หลัวลั่วชิงกำชับเขาไว้ไม่ให้ถอดจี้ออก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเขาก็ไม่โง่พอจะใช้มันเป็นเหยื่อล่อ
“คุณใช้จี้ปลอมหลอกหมอนั่นหรือ?” ตัวโคลนประหลาดใจ
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ จางเซวียนเก็บเป็นความลับมาตลอด
อันที่จริง จางเซวียนก็ไม่เคยเล่าเรื่องราวของหลัวลั่วชิงให้เขาฟังด้วย
“ผมเองก็สงสัย ผมคิดว่าเขาคงไม่รู้หรอกว่าจี้นั้นมาจากไหนและมีอานุภาพอย่างไร” จางเซวียนส่ายหน้า
จะว่าไป ทั้งหมดที่เขาทำก็คือใส่หยดเลือดของเขาลงไปในจี้ปลอม เขาคิดว่าปรมาจารย์ขงน่าจะรู้ แต่อีกฝ่ายกลับเชื่อคำพูดของเขา
เป็นไปได้ว่าลิขิตสวรรค์ที่ปรมาจารย์ขงครอบครองไม่ได้มีความสามารถแบบเดียวกับหอสมุดเทียบฟ้า เขาจึงแยกแยะของจริงของปลอมไม่ได้
ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของจางเซวียน
“นี่คุณยังไม่รู้อีกหรือไง?”
เจ้าของเสียงคือไอ้โหดซึ่งเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จตอนที่อยู่บนแท่นรูปวงกลม
“ไม่รู้อะไร?”จางเซวียนขมวดคิ้ว
“หมอนั่นน่ะ เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ขงตัวจริง!” ไอ้โหดตอบ
ประโยคนั้นทำให้จางเซวียนขมวดคิ้ว
“รังสีของจิตวิญญาณของเขาเหมือนกันเป๊ะ และความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ก็อยู่ในระดับเดียวกันกับเทคนิคเทียบฟ้า”
ในใจลึกๆ จางเซวียนก็ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นครูบาอาจารย์ของโลก แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ทั้งคู่ก็เป็นคนคนเดียวกัน!
การที่ใครสักคนจะลอกเลียนแบบรังสีจิตวิญญาณของปรมาจารย์ขงย่อมเป็นไปได้ แต่แน่นอนว่าไม่มีทางลอกเลียนความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ จริงไหม?
ถ้าไม่ใช่เพราะการฝ่าด่านวรยุทธและการผนึกกำลังกันของอสูรกับของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกมากมาย ชัยชนะคงไม่อาจตกเป็นของพวกเขา
พูดอีกอย่างก็คือ อีกฝ่ายไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาซึ่งเป็นนักรบที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า!
ถ้าหมอนั่นไม่ใช่ปรมาจารย์ขงตัวจริง พูดกันตามตรง…จางเซวียนก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครที่ทรงพลังได้ขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายด้วย ซึ่งนอกเสียจากผู้ที่ครอบครองลิขิตสวรรค์ จะมีใครกันที่สามารถปกปิดตัวเองจากหอสมุดเทียบฟ้าได้?
“ชั่วชีวิตของผม ผมรบรากับปรมาจารย์ขงมาแล้วหลายครั้ง รู้ดีว่าเขาเป็นคนแบบไหน ต่อให้คนที่คุณปะทะด้วยเมื่อครู่จะมีทุกอย่างเหมือนปรมาจารย์ขง แต่ผมก็แน่ใจว่าไม่ใช่เขา! ถ้าเขาคือปรมาจารย์ขงตัวจริงล่ะก็ ตัวโคลนกับเหล่าอสูรของคุณเอาชนะเขาไม่ได้ง่ายๆหรอก!” ไอ้โหดพูด
คำพูดนี้ทำให้จางเซวียนครุ่นคิดหนัก
“ในครั้งนั้น ผมแอบจับตัวศิษย์สายตรงคนหนึ่งของเขาไว้เพื่อล่อให้เขามาติดกับ เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ได้เพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ปรมาจารย์ขงก็พุ่งเข้าใส่กับดักของผมโดยไม่ลังเล…ทั้งที่รู้ว่ามีความเป็นความตายรออยู่ เขาก็ยังเต็มใจที่จะเชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ เขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับผมมาทั้งชีวิต แต่ผมก็เคารพความเป็นตัวเขาด้วยใจจริง ไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรอย่างที่ทำลงไปเมื่อครู่นี้หรอก!” ไอ้โหดพูด
“อีกอย่าง ถ้าสิ่งที่หมอนั่นพูดเป็นความจริง ไม่มีทางที่เขาจะพยายามฉกฉวยมลทินสวรรค์ของคุณไปหรอกในเมื่อเขามีลิขิตสวรรค์อยู่แล้ว การครอบครองเศษเสี้ยวสวรรค์ 2 รูปแบบพร้อมกันน่ะก็เท่ากับขุดหลุมฝังศพตัวเอง”
จางเซวียนพยักหน้า
แค่อันตรายจากเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์ก็เกินพอจะทำให้ใครสักคนย่ำแย่แล้ว ถ้าปรมาจารย์ขงรับเอามลทินสวรรค์ไปอีก ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ลงท้ายเขาจะถูกสวรรค์กลืนกิน
แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ปรมาจารย์ขง แล้วจะเป็นใครได้?
“คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เราควรช่วยชีวิตตู้ชิงหย่วนก่อน เธอน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าเรา…”
แท่นบูชาถูกปรมาจารย์ขงนำติดตัวไปด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะมัวอ้อยอิ่งที่นี่ จางเซวียนรีบหาทางออกจากมิติลี้ลับและออกจากบริเวณที่เรียกว่าสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์ เขากลับสู่ทวีปที่ถูกลืม
เมื่อกลับถึงเส้นทางเดิมอีกครั้ง ก็พบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบดูคุ้นตาอย่างประหลาด เขากำลังลอยตัวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ห่างออกไปราว 200 ลี้ มีเสาหินสูงตระหง่านตั้งอยู่-โขดหินสมอสววรรค์!
ใครจะไปคิดว่าสำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์จะตั้งอยู่ใกล้กับโขดหินสมอสวรรค์ขนาดนี้ คงเป็นเพราะทั้ง 6 สำนักใหญ่ก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้ จึงไม่เคยตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
จางเซวียนรุดหน้าสู่โขดหินสมอสวรรค์แล้วปีนขึ้นไปถึงยอด เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ สะพานเบื้องบนหายไปแล้ว และหอเทพเจ้าก็หายไปท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด
“เจ้าสำนักจาง คุณเป็นอะไรไหม?”
เห็นจางเซวียนรอดชีวิตกลับมาได้ หานเจี้ยนชิว คุ่ยเฉี่ยว และคนอื่นๆชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
ตอนที่สะพานเบื้องบนเริ่มถอนตัวกลับ ผู้อาวุโสหงอู่กับคนอื่นๆที่สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้วก็กลับถึงโขดหินสมอสวรรค์ แต่ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหน จางเซวียนก็ไม่ปรากฏตัว พวกเขาคิดว่าชายหนุ่มน่าจะเผชิญกับอันตรายบางอย่างและเสียชีวิตไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆอีกฝ่ายจะปรากฏตัวที่โขดหินสมอสวรรค์ แทนที่จะเป็นสะพาน?
“เรื่องมันยาวน่ะ แล้วไป่ซวนเฉิงกับกู้จุ้ยอวิ๋นอยู่ไหน?” จางเซวียนสำรวจโดยรอบก่อนจะตั้งคำถาม