อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2136 นี่คือรังสีสวรรค์?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2136 นี่คือรังสีสวรรค์?
ดูเหมือนดาบของจางเซวียนกำลังเต้นรำไปตามจังหวะของปรมาจารย์ขงมากกว่า
แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไรในการต่อสู้แบบนี้?
“หรือนี่คือความสามารถของลิขิตสวรรค์?” จางเซวียนใจหายวาบ
เขาเคยได้ยินปรมาจารย์ขงพูดถึงความสามารถนี้มาก่อน แต่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้มันตอนที่ปะทะกับตัวโคลน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันน่าสะพรึงขนาดไหน
สิ่งนี้ดูคล้ายคลึงกับความสามารถของสายเลือดของขงซือเหยา…วาจาสิทธิ์!
ต่อให้เขาหาข้อบกพร่องเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายได้ก็ย่อมไร้ประโยชน์ ในเมื่อดาบของเขายินยอมพร้อมใจจะทำตามเจตจำนงของปรมาจารย์ขง
นี่มันเหนือชั้นไปกว่าระดับของศิลปะเพลงดาบ กลายเป็นกฎเกณฑ์ของโลกไปแล้ว ด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของโลก ปรมาจารย์ขงจะสามารถควบคุมทุกอย่างรอบตัวไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีอะไรทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้
นี่คือการต่อสู้ที่จางเซวียนไม่มีวันชนะ!
“ผมไม่มีทางพ่ายแพ้ให้นักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกันหรอก” จางเซวียนตวาดอย่างหงุดหงิด
นอกเสียจากตัวโคลน เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ใครก็ตามที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของเจตจำนงของปรมาจารย์ขง เขาจะแพ้ได้อย่างไร?
จางเซวียนไม่มีวันยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น!
เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโจมตี ขณะที่สำแดงศิลปะเพลงดาบด้วยมือขวา ก็ปล่อยเทคนิคการต่อสู้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยมือซ้าย
ราวกับจางเซวียนแยกร่างออกเป็นสองคนในชั่วพริบตา ร่างหนึ่งเชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบ ส่วนอีกร่างเชี่ยวชาญเทคนิคการต่อสู้ การโจมตีจากทั้ง 2 ฝั่งยังถูกหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า ด้วยพละกำลังนี้ เขายิ่งกว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะก่อตั้งสำนักของตัวเองและบงการทั้งทวีปที่ถูกลืม!
ด้วยสิ่งนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่า
“ไม่เลวนี่” เจตจำนงของปรมาจารย์ขงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา
ปรมาจารย์ขงทำตามแบบอย่างจางเซวียน เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบด้วยมือขวาและเทคนิคการต่อสู้ด้วยมือซ้าย ปัดป้องการโจมตีของจางเซวียนได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ
เห็นภาพนั้น จางเซวียนขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว
นี่คือพละกำลังที่แท้จริงของปรมาจารย์ขง?
หรือเหตุที่ตัวโคลนของเขาเคยเอาชนะปรมาจารย์ขงได้ก็เพราะในครั้งนั้นอีกฝ่ายยังไม่ได้ฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม?
หลังจากปะทะกันไปสิบกว่าครั้ง จางเซวียนก็รู้สึกว่าในท้ายที่สุดจะต้องพ่ายแพ้แน่ เขายังคงยืนไหว แต่รู้สึกได้ว่าทิศทางของการต่อสู้เริ่มจะเข้าทางปรมาจารย์ขงมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้เขากังวลใจมาก
จางเซวียนหรี่ตา นัยน์ตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยมออกมาแวบหนึ่ง
ดูเหมือนเราจะต้องทดลองเทคนิคใหม่กับเขาเสียแล้ว…
เวทนาสวรรค์
ตราบใดที่เป็นเทคนิควรยุทธ มันก็เป็นเทคนิคการต่อสู้เช่นกัน
เวทนาสวรรค์คือแนวคิดที่เขาได้มาจากแรงบันดาลใจ การจะปรับเปลี่ยนมันให้เป็นเทคนิคการต่อสู้จึงไม่ได้ยากเย็น
มนุษย์ที่อ่อนไหวล้วนเกิดจากสวรรค์ที่ไร้อารมณ์ สรวงสวรรค์คงอ่อนล้าหากพวกเขามีความรู้สึก
เมื่อแนวคิดนั้นผุดขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน ข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงก็เผยให้เห็นตรงหน้า
ที่ไหนก็ตามที่ดาบของปรมาจารย์ขงผ่านไป เส้นสายสีเทาจะปรากฏขึ้นมา เส้นสีเทาเหล่านี้ค่อยๆร้อยรัดเข้าด้วยกันจนกลายเป็นบางอย่างที่เหมือนกับตาข่าย
นี่คือพลังที่จำกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้ ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่เพลี่ยงพล้ำ
ลิขิตสวรรค์ แม้เส้นสายเหล่านี้จะกระจัดกระจายใช้ระเบียบ แต่ก็ยังมีรูปแบบและกฎเกณฑ์ของมัน เกือบจะเหมือนการถักทอขึ้นเป็นตาข่ายสวรรค์ มันไม่ได้แน่นหนาอะไรมากมาย แต่หากได้กัดใครแล้วก็ไม่มีวันปล่อย…จางเซวียนวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความเข้าใจที่ล้ำลึกในลิขิตสวรรค์ เป็นเพราะแนวคิดที่เกิดขึ้นใหม่ จางเซวียนจึงมองเห็นกฎเกณฑ์ที่อยู่เบื้องหลังศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงได้
การสะท้อน…นั่นคือหัวใจของศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขง เป็นคุณสมบัติที่ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกมี เป็นเนื้อแท้ของกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
ขอแค่วัตถุสองชิ้นเคลื่อนไหวในความถี่ที่สะท้อนซึ่งกันและกัน ต่อให้วัตถุที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย
พูดกันตามตรง จางเซวียนไม่รู้ว่าศิลปะเพลงดาบลิขิตสวรรค์มีข้อบกพร่องหรือไม่ แต่ด้วยการบีบบังคับคู่ต่อสู้ให้ทำตามกฎเกณฑ์ของเขา จางเซวียนก็ค่อยๆนำพาอีกฝ่ายเข้าสู่ความถี่เดียวกันกับเขาและเอาชนะได้สำเร็จ
ถ้าจะยกตัวอย่างแบบโง่ๆจากชีวิตเก่าของเขา ก็เหมือนกับการที่คนงี่เง่าสักคนจะลากคุณลงไปให้ตกต่ำอยู่ในระดับเดียวกันและใช้ประสบการณ์ของเขาเกทับคุณ!
จางเซวียนพลันเข้าใจ ศิลปะเพลงดาบลิขิตสวรรค์สามารถถักทอตาข่ายภาพลวงตาที่บังคับให้คู่ต่อสู้ยอมทำตามกฎเกณฑ์ของมัน ถ้าเราใช้ศิลปะเพลงดาบที่สามารถปฏิเสธกฎเกณฑ์ของเขา ก็จะเอาชนะเขาได้…
จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็ขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเข้าสู่ดาบถงซัง และรีบถักทอตาข่ายขนาดใหญ่ที่ทั้งเหมือนและไม่เหมือนกับตาข่ายของปรมาจารย์ขง
หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!
บทกวีบทหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน
ด้วยวิธีนี้ ศิลปะเพลงดาบชุดแรกของเวทนาสวรรค์ก็ถูกคิดค้นขึ้น
ด้วยการสะบัดดาบถงซัง ศิลปะเพลงดาบของปรมาจารย์ขงดูจะแข็งทื่อไปทันที ตาข่ายที่เขาถักทอขึ้นก่อนหน้านี้ทับซ้อนกับตาข่ายของจางเซวียน ทำให้มันพันกันยุ่งเหยิง สุดท้ายปรมาจารย์ขงก็ไม่อาจปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้
เมื่อระเบียบกฎเกณฑ์ที่เขาสร้างขึ้นเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมา ปรมาจารย์ขงสูญเสียการควบคุมพื้นที่โดยรอบ เขาไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมาบีบบังคับจางเซวียนได้อีกต่อไป
หากเป็นอย่างนี้ สุดท้ายจางเซวียนก็จะเป็นอิสระ
จางเซวียนก้าวออกไปทันทีเพื่อตามไปเล่นงานเจตจำนงของปรมาจารย์ขงให้สิ้นซาก แต่พริบตาต่อมา อีกฝ่ายก็ถอยไปหนึ่งก้าวและถอนตัวออกจากอาณาบริเวณของการต่อสู้
“การที่คุณค้นพบข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของผมและทำลายกฎเกณฑ์ของผมได้ภายในระยะเวลาอันสั้นบ่งบอกว่าคุณคือผู้ปราดเปรื่องและมีไหวพริบ คุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นเทพเจ้า” ปรมาจารย์ขงหัวเราะหึๆขณะลูบเครา
“เรายังสู้กันไม่จบเลย” จางเซวียนหรี่ตามองปรมาจารย์ขงอย่างสงสัย
เพราะสามารถทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบอันทรงพลัง ปรมาจารย์ขงจึงล่าถอยได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าเขายังไม่ได้ใช้พละกำลังเต็มพิกัด ถ้าการต่อสู้ดำเนินไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจางเซวียนจะได้ชัยชนะ
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ปรมาจารย์ขงถอยออกไปทำไม?
“สำหรับที่นี่ จะแพ้หรือชนะก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป้าหมายเดียวของผมคือทดสอบผู้เข้าท้าทายที่มีคุณสมบัติและความชอบธรรมเพียงพอจะได้เป็นเทพเจ้า คุณเอาชนะค่ายกลหัวใจสูญเสียความทรงจำได้โดยใช้เวลาเพียง 1 ใน 10 ของที่กำหนด ทั้งยังทำความเข้าใจเจตจำนงของเทพเจ้าได้ถึง 7 รูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองทะลุศิลปะเพลงดาบของผมและคิดค้นศิลปะเพลงดาบชนิดใหม่ที่รับมือกับมันได้ทันท่วงที ความปราดเปรื่องของคุณนั้นไม่มีใครเทียบได้จริงๆ” ปรมาจารย์ขงตั้งข้อสังเกต
“ทดสอบ? ผู้เข้าท้าทาย?” จางเซวียนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ปรมาจารย์ขงพยายามจะฆ่าเขาเพื่อเข้าครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าไม่ใช่หรือ?
ทำไมเปลี่ยนท่าทีปุบปับแบบนี้?
ดูเหมือนเจตจำนงที่อยู่ตรงหน้าเขาจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับปรมาจารย์ขงที่เขาเคยพบ
จางเซวียนกำลังจะซักไซ้สิ่งที่ค้างคาใจ ก็พอดีกับที่ปรมาจารย์ขงพูดขึ้นมา “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณได้รับการถ่ายทอดมลทินสวรรค์ใช่ไหม?”
คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนระแวดระวังขึ้นมาทันที
เขาเคยนึกสงสัยว่าเจตจำนงที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ปรมาจารย์ขงคนก่อนที่พูดถึงมลทินสวรรค์ แต่ดูเหมือนในที่สุดเขาก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
“เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ…หอเทพเจ้ายกย่องเชิดชูผู้แข็งแกร่งเสมอ ดังนั้น ผู้เข้าท้าทายที่ประสบความสำเร็จจะได้รับอนุญาตให้ทิ้งเจตจำนงของพวกเขาไว้เพื่อทำการทดสอบผู้เข้าท้าทายคนต่อไป คุณเองก็ควรทิ้งเจตจำนงของคุณไว้ที่นี่ด้วย เพื่อจะได้ทดสอบเหล่าผู้เข้าท้าทายรุ่นหลัง” ปรมาจารย์ขงพูดยิ้มๆ
ขณะที่เขาพูด ร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
จางเซวียนเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ถึงอย่างไรเจตจำนงก็เป็นแค่สิ่งที่ผ่านเข้ามาในโลกใบนี้ หลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ก็จะสูญสลายไป
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เมื่อไรก็ตามที่พยายามจะถามปรมาจารย์ขงเรื่องสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิด อีกฝ่ายก็จะรีบสลายตัวไปทุกครั้ง
“ส่วนเรื่องรังสีสวรรค์ พระราชวังแห่งนี้จะมอบมันให้คุณเองทันทีที่คุณออกจากที่นี่…”
จากนั้นก็เกิดเสียงป๊อบเบาๆ ปรมาจารย์ขงสลายตัวไป
เห็นภาพนั้น จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หรือว่าจะมีปรมาจารย์ขงตัวจริงกับปรมาจารย์ขงตัวปลอม?
ปรมาจารย์ขงที่เขาเพิ่งพบเมื่อกี้นี้เหมือนกับปรมาจารย์ขงที่เคยพบเมื่อตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ มีแววของความเมตตากรุณาอยู่ในส่วนลึกของดวงตาของเขา ให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือผู้ที่พร้อมปกป้องโลกจากพายุทั้งมวล สิ่งนี้แตกต่างกันลิบลับกับปรมาจารย์ขงที่ช่วยชีวิตเขาไว้จากหอเทพเจ้า!
หรือว่าเจตจำนงที่เพิ่งสูญสลายไปจะมาจากปรมาจารย์ขงตัวจริง?
ช่างมันเถอะ! ไม่ว่าปรมาจารย์ขงจะเป็นคนดีหรือไม่ ถ้าเราได้รับรังสีสวรรค์และกลายเป็นเทพเจ้าแล้ว ก็จะไม่มีอะไรสร้างปัญหาได้อีก!
จางเซวียนทิ้งเจตจำนงไว้ที่ชั้น 3 ก่อนจะลงบันไดหิน
การที่พระราชวังแห่งนี้อนุญาตให้เขาทิ้งเจตจำนงไว้ที่นี่ก็แปลว่าเขาได้การยอมรับจากมันแล้ว เมื่อจางเซวียนกลับถึงบริเวณทางเข้าที่เขาเดินเข้ามา ประตูนั้นก็ปรากฏอีกครั้ง เขาเห็นตัวโคลนยืนอยู่ข้างธรณีประตู กำลังรอคอยอย่างอดทนให้เขากลับออกไป
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเดินเข้าไปหาตัวโคลนก่อนจะหันไปมองรอบๆเพื่อเก็บภาพพระราชวังขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้าไว้
วังนี้ยังคงตั้งตระหง่านต้านทานกระแสลม ทันใดนั้น แสงสีทองอร่ามก็แผ่ซ่านออกมาแล้วพุ่งขึ้นไปตามช่องว่างระหว่างเสาหิน 2 ต้น
รังสีนี้ให้ความเจิดจ้าและอบอุ่น แผ่แรงกดดันมหาศาลเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้พบเห็น
นี่คือรังสีสวรรค์?
ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะไม่ได้โกหกเขา
แสงสีทองอร่ามนี้หนักอึ้งเหมือนพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทที่เขาได้พบในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขารู้สึกว่าทางเดินพลังปราณอาจฉีกขาดได้ถ้าบุ่มบ่ามซึมซับมันเข้าไป
เป็นไปได้ว่าพลังนี้เป็นสิ่งที่คู่ควรแต่กับเทพเจ้าตัวจริงเท่านั้น
พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเขาซึมซับรังสีสวรรค์เข้าไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เข้าถึงระดับขั้นของเทพเจ้า นั่นจะทำให้ไม่มีใครในทวีปที่ถูกลืมเทียบชั้นกับเขาได้อีก!