อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2150 ตัวโคลนของจางเซวียน!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2150 ตัวโคลนของจางเซวียน!
เมื่อฝ่าปราการเข้าสู่ความเป็นเทพเจ้าได้แล้ว อีกฝ่ายก็มีพละกำลังเหนือกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
ฟึ่บ!
เกิดรูขนาดมหึมาบนตาข่าย
จางเซวียนถอยไปหลายร้อยเมตรก่อนจะตั้งตัวได้อีกครั้ง ใบหน้าของเขาซีดเผือดและกระอักเลือดออกมา
แค่การปะทะครั้งเดียว เขาก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว!
แต่ถึงจะเจอแบบนั้น จางเซวียนก็ยังดำเนินการบรรยายต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตยังคงตั้งใจฟังคำบรรยายของเขาโดยไม่รู้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มานี่” ปรมาจารย์ขงหันไปมองแท่นบูชาและส่งเสียงเรียก
เขารู้ดีว่ารังสีสวรรค์คือกุญแจของการสู้รบครั้งนี้ หากได้มันมาเมื่อไหร่ ชัยชนะก็อยู่ในกำมือ
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาจะหมดหนทางต่อสู้อย่างสิ้นเชิง
ฟึ่บ!
รังสีสวรรค์สีดำที่อยู่บนแท่นบูชาลอยละลิ่วเข้าสู่มือของปรมาจารย์ขง
“ไม่นะ!” หวู่เฉินกับตู้ชิงหย่วนร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ทั้งคู่กระโจนขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อช่วงชิงรังสีสวรรค์สีดำ
แต่ด้วยการชำเลืองมองเพียงแวบเดียวของปรมาจารย์ขง ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ ทำให้พวกเขากระอักเลือดออกมา
แม้หวู่เฉินกับตู้ชิงหย่วนจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังอ่อนด้อยกว่าจ้าวหย่ากับพรรคพวกอยู่มาก ไม่มีทางรับมือกับปรมาจารย์ขงได้เลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ตอนนี้ความหวังสุดท้ายที่พวกคุณดิ้นรนไขว่คว้ากันเหลือเกินก็อยู่ในกำมือของผมแล้ว มาดูกันว่าคุณจะทำอะไรได้!” ปรมาจารย์ขงหัวเราะลั่นขณะมองจางเซวียนด้วยแววตาเย้ยหยัน
ตราบใดที่จางเซวียนยังไม่อาจเข้าถึงระดับเทพเจ้าเหมือนอย่างตัวเขา ก็ไม่มีวันสู้กับเขาได้ การสู้รบเป็นอันจบสิ้น
“คุณคิดจริงๆหรือว่าผมจะไม่มีทางเล่นงานคุณเพียงเพราะผมไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธ?” เสียงสุขุมเสียงหนึ่งดังขึ้นเคียงข้างการบรรยายของจางเซวียน
หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันพุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์ขงด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง
“หน้าหนังสือสีทอง? ตกลงว่าคุณมีมันหรือนี่! แต่คิดหรือว่าผมจะไม่มีวิธีกำจัดเจ้าสารเลวนั่น?”
เห็นหนังสือที่กำลังพุ่งเข้ามามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปรมาจารย์ขงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มเยาะ จากนั้นก็ยกมือขึ้นและโบกเบาๆ
รังสีแปลกประหลาดชนิดหนึ่งแผ่ซ่านออกมาโอบล้อมทั้งร่างของเขาไว้ การปรากฏตัวของเขาดูจะหายวับไปจากโลก ราวกับหายตัวออกจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน
เมื่อไม่เห็นปรมาจารย์ขง หน้าหนังสือสีทองหยุดชะงัก มันไม่พบเป้าหมายในการโจมตี
ปรมาจารย์ขงมีสภาวะของการปฏิเสธสวรรค์เช่นกัน ทั้งยังใช้ศาสตร์ลับเพื่อหลบหนีคำพิพากษาของสวรรค์ด้วย ต่อให้หน้าหนังสือสีทองจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์หากไม่มีเป้าหมาย…จางเซวียนคิดอย่างเคร่งเครียด
แม้หน้าหนังสือสีทองจะแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องการเงื่อนไขบางอย่างที่จำเป็นสำหรับการโจมตี แถมยังมีช่วงเวลาระยะหนึ่งก่อนที่หน้าหนังสือสีทองจะเข้าเล่นงาน ทำให้คู่ต่อสู้สามารถเตรียมตัวรับมือได้ล่วงหน้า
ในเมื่อปรมาจารย์ขงรู้จักธรรมชาติของหน้าหนังสือสีทอง การที่เขาจะเตรียมการตอบโต้มันก็ไม่ได้ยากเกินไป!
สิ่งที่ปรมาจารย์ขงทำคือปกปิดตัวตนของเขาไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้สวรรค์มองเห็น หน้าหนังสือสีทองจึงหมดหนทางในการตามตัวเขา
“คุณเองก็ประเมินผมต่ำไปนะ ผมไม่ได้มีไม้ตายเพียงอย่างเดียวไว้เล่นงานปรมาจารย์ขงผู้ยิ่งใหญ่หรอก คุณอยากลองคิดดูไหมว่าทำไมผมถึงใช้หน้าหนังสือสีทองกับคุณ แม้จะรู้ดีว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะรู้จักมัน?” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมขณะดำเนินการบรรยายต่อไป
ขณะที่คำพูดเหล่านั้นพรั่งพรูออกมา เปลวเพลิงบนแท่นบูชาก็ลุกโชนขึ้นสู่กลางอากาศ ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับดาบในมือ
ตัวโคลนของจางเซวียน!
ตัวโคลนซ่อนตัวอยู่ในเปลวเพลิงของแท่นบูชา รอเวลาเข้าโจมตีเมื่อปรมาจารย์ขงถูกหน้าหนังสือสีทองเบี่ยงเบนความสนใจ
ปรมาจารย์ขงมัวแต่ระแวดระวังจางเซวียนกับหน้าหนังสือสีทองจนไม่ทันเห็นการปรากฏตัวของตัวโคลน ขณะที่ไม่ได้ระวังตัวให้ดี ก็ถูกแทงเข้าที่ฝ่ามืออย่างจัง ทำให้เลือดสดๆทะลักออกมา
แต่ดาบก็หยุดอยู่แค่นั้น ตัวโคลนพบว่าเขาไม่อาจจ้วงแทงลึกกว่าเดิมได้
กายเนื้อของเทพเจ้าแข็งแกร่งมาก แม้ด้วยความแข็งแกร่งเหนือชั้นของตัวโคลนซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าก็ทำได้แค่ถากๆผิวหนังของปรมาจารย์ขงเท่านั้น ต่อให้อย่างดีที่สุด ก็บาดเจ็บได้พอๆกับการฉีดยาที่ผิดพลาด
“ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าทึ่งจริงๆ! คุณทำร้ายผมได้ด้วย! การที่คุณได้รับเลือกจากสวรรค์คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผลสินะ…แต่คุณคิดจริงๆหรือว่าของแบบนั้นจะทำอะไรเทพเจ้าอย่างผมได้?”
ปรมาจารย์ขงสอยตัวโคลนกระเด็นไปด้วยการโบกมือ ก่อนจะหันกลับมามองจางเซวียนด้วยทีท่าของผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้การจัดฉากของจางเซวียนได้ผลก็เพราะปรมาจารย์ขงปล่อยให้มันเกิดขึ้น เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างแล้วตั้งแต่ตอนที่ตัวโคลนของจางเซวียนไม่ปรากฏตัวในสนามรบ
แม้จะรู้ดีว่านี่คือหลุมพราง แต่ปรมาจารย์ขงก็ไม่ได้ใส่ใจจะระวังตัว นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าการจัดฉากทุกอย่างย่อมล้มเหลวเมื่อเจอกับพละกำลังที่แข็งแกร่ง
ต่อให้ผมยืนเฉยๆ ปล่อยให้คุณโจมตีตามใจ คุณก็คิดว่าจะฆ่าผมได้งั้นหรือ?
เมื่อเผชิญหน้ากับเทพเจ้าตัวจริง นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับมด!
“ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยคงไม่มีความหมายอะไรกับเทพเจ้า แต่รังสีสวรรค์ในมือของคุณจะเปลี่ยนไป…” จางเซวียนหัวเราะหึๆ
ปรมาจารย์ขงชะงักกับคำพูดนั้นและก้มลงมอง เห็นบรรยากาศการเสื่อมถอยสีดำที่อยู่ในรังสีสวรรค์กำลังพุ่งพล่านอยู่ในบาดแผลของเขา มือของเขาเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นภาพน่าขยะแขยง
“คุณ…”
ปรมาจารย์ขงรีบปล่อยรังสีสวรรค์สีดำในมือด้วยพรั่นพรึง มันร่วงลงสู่แท่นบูชาอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น รังสีสวรรค์สีดำก็ยังคงปล่อยบรรยากาศการเสื่อมถอยออกมา ซึ่งถูกดึงดูดเข้าสู่บาดแผลที่มือของปรมาจารย์ขง
รังสีสวรรค์สีดำเป็นสิ่งที่โครงกระดูกสีดำสร้างขึ้นด้วยการบีบอัดบรรยากาศเสื่อมถอยในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเข้าด้วยกัน ความเข้มข้นของมันจึงสูงมาก อย่าว่าแต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ต่อให้เทพเจ้าตัวจริงก็ไม่อาจต้านทานได้!
“บ้าเอ๊ย!”
ปรมาจารย์ขงสาปแช่งอย่างโกรธเกรี้ยวขณะปล่อยพลังงานทั้งหมดของเขาออกมาเพื่อยับยั้งบรรยากาศการเสื่อมถอย
ด้วยพละกำลังที่ได้มาใหม่ในฐานะเทพเจ้า แม้บรรยากาศเสื่อมถอยโดยทั่วไปก็ไม่อาจยับยั้งเขาได้ นั่นทำให้เขาคิดว่าในมิติเบื้องบนแห่งนี้ คงไม่มีอะไรทำอันตรายเขาได้อีก แต่ความคิดแบบนั้นย้อนกลับมาเล่นงานเขาเอง
ฟึ่บ!
เมื่อรู้สึกเสื่อมเสียเกียรติจากการถูกเหยียดหยาม ปรมาจารย์ขงพุ่งเข้าใส่จางเซวียน
แม้จะถูกบรรยากาศเสื่อมถอยสีดำเล่นงาน แต่พละกำลังของปรมาจารย์ขงก็ยังเหนือชั้นกว่าทุกชีวิตในมิติเบื้องบน เขาปล่อยพลังเต็มพิกัดจากฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียนด้วยความโกรธเกรี้ยว
มันคือการโจมตีอันทรงพลังที่สามารถฉีกกระชากได้แม้แต่มิติ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง
พละกำลังมหาศาลถาโถมเข้าใส่จางเซวียน แต่ยังไม่ทันจะได้ชี้ชะตาของเขา ไก่น้อยสีเหลืองตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวตรงหน้าปรมาจารย์ขง มันอ้าปากกว้างจนผิดธรรมชาติ งับปรมาจารย์ขงไว้ทั้งตัว
ร่างของมันพองออกมาจนเห็นเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ ก้อนเนื้อนั้นดิ้นรนเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงเพื่อจะเป็นอิสระ
“กลืนไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าไม่ไหว ก็รีบคายเขาออกมานะ!” จางเซวียนสั่งการอย่างกังวล
หมอนี่สามารถเขมือบเต่าหลังดำตัวยักษ์ได้ทั้งตัว และทำให้อีกฝ่ายหมดสภาพ บ่งบอกชัดว่าความสามารถในการกลืนกินคือทักษะพิเศษของมัน
แต่เรื่องจริงก็คือไก่น้อยมีวรยุทธแค่อมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ขณะที่ปรมาจารย์ขงเป็นเทพเจ้าตัวจริง ต่อให้ปรมาจารย์ขงได้รับบาดเจ็บ ช่องว่างระหว่างวรยุทธของทั้งคู่ก็ยังห่างกันมาก
ทั้งหมดที่จางเซวียนหวังให้ไก่น้อยทำก็คือกลืนกินปรมาจารย์ขงไว้ให้ได้สักระยะหนึ่ง จนกว่านักรบอมตะตัวจริงทั้งหนึ่งแสนชีวิตจะรวบรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
เรื่องหนึ่งที่เป็นความโชคดีอย่างมากก็คือเมื่อครู่นี้ปรมาจารย์ขงได้ซึมซับบรรยากาศการเสื่อมถอยสีดำเข้าไปในปริมาณไม่น้อย ทำให้รังสีสวรรค์สีดำเปลี่ยนจากสีดำสนิทกลายเป็นสีเหลืองเข้ม
มันยังไม่บริสุทธิ์เต็มที่ แต่ก็ถือว่าพัฒนาไปได้มาก ก่อนหน้านี้ เปลวเพลิงบนแท่นบูชาจะต้องเปลี่ยนเป็นสีทอง การชำระรังสีสวรรค์จึงจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ด้วยสภาวะปัจจุบันของรังสีสวรรค์ ก็คงทำได้ต่อให้เปลวเพลิงยังเป็นสีเหลืองนวล
นั่นหมายความว่าเวลาที่เขาต้องใช้จะลดน้อยลงมาก แต่ก็ยังเป็นคำถามว่าจะยื้อปรมาจารย์ขงไว้ได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า
จางเซวียนเพ่งสมาธิทั้งหมดเข้าสู่การบรรยาย ค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นของการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ บรรยากาศของการบ่มเพาะและปลอบประโลมอบอวลไปทั่วบริเวณ
ระหว่างนั้น ร่างของไก่น้อยก็ยังหมุนติ้วอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์ขงกำลังพยายามหาทางออกมา
ในครั้งนั้น เต่าหลังดำซึ่งมีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เกือบตายหลังจากถูกกลืนกินเข้าไปทั้งตัว แต่ปรมาจารย์ขงยังมีเรี่ยวแรงเคลื่อนไหว…ความแข็งแกร่งของเทพเจ้าช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน!
“เร็วเข้า เร็วเข้าสิ…”
รู้ดีว่าไก่น้อยคงต้านทานไม่ได้นานนัก จางเซวียนจับจ้องรังสีสวรรค์บนแท่นบูชาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ตลอดการบรรยายของเขา เปลวเพลิงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นกับรังสีสวรรค์ด้วย สีดำค่อยๆถูกขับออกจากรังสีสวรรค์ ทำให้มันเปลี่ยนจากสีเหลืองเข้มไปเป็นสีเหลืองนวล
“ใกล้แล้ว!”
เห็นการเปลี่ยนสี จางเซวียนรู้ทันทีว่าในที่สุดพิธีกรรมก็เป็นผลสำเร็จ หัวใจของเขาเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้น มิติที่อยู่เหนือร่างของเขาก็สั่นสะท้าน
ดาบเล่มหนึ่งฟันฉับ จากนั้น ท้องของไก่น้อยก็แบะออกเป็น 2 ซีก ปรมาจารย์ขงที่อยู่ในสภาพยับเยินถือดาบไว้แน่นและก้าวออกมาจากข้างใน ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาทุกคนอีกครั้ง
สีหน้าของเขาบูดเบี้ยวด้วยฤทธิ์โทสะ
เขาหันกลับไปและฟาดฟันร่างของไก่น้อยอย่างคลุ้มคลั่ง
เกิดประกายแสงเย็นวาบ ศีรษะของไก่น้อยหลุดออกไป ร่างของมันถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ
ราวกับเท่านั้นยังไม่พอ ปรมาจารย์ขงใช้เปลวเพลิงแผดเผาร่างของไก่น้อยจนเป็นเถ้าถ่าน
“ไม่นะ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนจางเซวียนไม่ทันได้ทำอะไร เขายืนตัวแข็ง ใจหายวาบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ไม่จริงใช่ไหม…ไก่น้อยตายแล้วหรือ?