อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2157 เราเข้าใจ!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2157 เราเข้าใจ!
ขอแค่นักรบคนหนึ่งทำตามกระบวนท่าและลำดับที่ปรากฏในหนังสืออย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถดึงดูดรังสีของวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่พบบริเวณแท่นรูปวงกลมในสะพานเบื้องบนได้ นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์โดยไม่ต้องท้าทายสะพานเบื้องบน!
“ขอบคุณมาก เจ้าสำนักจาง!” หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆรับหนังสือมาด้วยมือสั่นเทา
นี่คือสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษของสำนักของพวกเขาตามล่าไขว่คว้ามาเนิ่นนาน แต่ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ใครจะไปคิดว่าเจ้าสำนักคนปัจจุบันของพวกเขาจะคว้าตัวอักษรคำว่าเทพเจ้ามาได้ถึง 7 ตัวพร้อมกันในคราวเดียว…
จางเซวียนส่ายหน้าและพูดต่อ “อย่าเรียกผมว่าเจ้าสำนักอีกเลย คุณรับตำแหน่งของคุณคืนไปหรือหาใครสักคนที่เหมาะสมมาแทนก็ได้ เพราะผมจะออกจากทวีปที่ถูกลืมเร็วๆนี้”
เขารู้สึกได้หลังจากเข้าถึงวรยุทธระดับเทพเจ้า ว่าโลกนี้ไม่อาจขัดขวางเขาได้อีก ขอแค่เขาต้องการ ก็สามารถฉีกกระชากมิติและขึ้นสู่โลกที่สูงกว่าได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่เคยให้ความสนใจตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่แล้ว เหตุผลเดียวที่ยอมรับตำแหน่งก็เพราะอยากมีเส้นสายที่เข้าถึงความสัมพันธ์ระหว่างสำนักต่างๆ เพื่อจะได้รวบรวมทุกสำนักให้เป็นหนึ่งเดียวและต่อต้านตัวโคลนของปรมาจารย์ขง
แต่ในเมื่อตัวโคลนของปรมาจารย์ขงพ่ายแพ้ไปแล้ว และภารกิจของเขาในมิติเบื้องบนก็ได้รับการคลี่คลาย จางเซวียนก็ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งผู้นำอีก โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังจะจากไปในไม่ช้า
“เราเข้าใจ!”
ทุกคนพยักหน้า ความไม่เต็มใจเจืออยู่ในน้ำเสียงของพวกเขา
เกิดความขัดแย้งไม่น้อยเมื่อพวกเขาเสนอชื่อชายหนุ่มคนนี้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ พวกเขาเลือกจะเดินหน้าต่อไปแม้จะมีเสียงคัดค้านมากมายจากเหล่าผู้อาวุโสและศิษย์สายตรงภายในสำนัก แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ นี่คือการตัดสินใจอันชาญฉลาดที่สุดในชีวิตที่พวกเขาเคยทำลงไป
หากไม่ได้เสนอชื่อชายหนุ่ม ก็มีโอกาสที่ทุกคนจะลงเอยด้วยการเดินตามรอยสำนักป้อมปราการกระจกดำกับสำนักอมตะเลือนหาย
ถึงชายหนุ่มจะเป็นเจ้าสำนักของพวกเขาในระยะเวลาที่สั้นมาก แต่การบรรยายของอีกฝ่ายก็ให้ประโยชน์สูงสุดกับเหล่าศิษย์สายตรงและผู้อาวุโส ทำให้ทุกคนยกระดับค่าเฉลี่ยของวรยุทธภายในสำนักได้อีกมาก แถมเขายังนำตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ที่สมบูรณ์มาให้อีกด้วย!
คาดการณ์ได้ล่วงหน้าเลยว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญในสำนักของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 4 สำนักจะเติบโตและรุ่งเรืองในอีกไม่ช้า
“หัวหน้าตู้ ผมอยากให้คุณเดินทางไปเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกับผม”
หลังจากจัดการเรื่องของ 4 สำนักใหญ่แล้ว จางเซวียนก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายพร้อมกับตู้ชิงหย่วน
เมื่อได้เป็นเทพเจ้า บรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อบอวลอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีก จางเซวียนใช้เวลาเพียงสิบอึดใจก็ถึงจุดที่เขาเคยพบแท่นบูชา
“อ้าว? แท่นบูชาอยู่ไหนล่ะ?” จางเซวียนพึมพำอย่างประหลาดใจ
ทั้งคู่รีบสำรวจแถวนั้น แต่แท่นบูชาก็ไม่ปรากฏ ราวกับมันไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน
จางเซวียนปลดปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
“ดูเหมือนโครงกระดูกสีดำจะซ่อนแท่นบูชาไว้ไม่ให้ใครเห็น” จางเซวียนส่ายหน้า
ด้วยระดับวรยุทธของเขาในเวลานี้ ต่อให้แท่นบูชาถูกเคลื่อนย้ายไป เขาก็สามารถแกะร่องรอยการเคลื่อนไหวของมันได้ การที่เขาไม่พบร่องรอยใดๆเลยก็หมายความได้อย่างเดียว…
คือโครงกระดูกสีดำไม่ต้องการให้เขาหามันพบ
ว่าแต่…ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?
เท่าที่เขารู้ แท่นบูชาอยู่ที่เดิมมาหลายพันปีแล้ว และตัวโคลนของปรมาจารย์ขงก็เคยมาที่นี่หลายครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าโครงกระดูกสีดำไม่ได้หวั่นเกรงว่าจะมีใครพบแท่นบูชา แล้วทำไมมันถึงจงใจซ่อนแท่นบูชาไม่ให้เขาเห็น?
จางเซวียนค้นหาต่อ แต่ไม่พบเงื่อนงำใดๆ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารีบกลับสู่ตำหนักคว้าดาวพร้อมกับตู้ชิงหย่วน
ทั้งคู่เข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งพร้อมกัน จากนั้นจางเซวียนก็จับจ้องตู้ชิงหย่วนและตั้งคำถาม “บอกผมมาว่าคุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับลั่วชิง?”
มีหลายเรื่องที่เขาต้องจัดการหลังจากช่วยชีวิตตู้ชิงหย่วนจากหอนิรันดร์สำนักงานใหญ่ เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอ
“หลายพันปีก่อน ตอนที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายถูกขับออกจากสรวงสวรรค์ พวกเราสูญเสียการติดต่อกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังทำตามธรรมเนียมเดิมต่อไปและยังคงบูชาเซ่นสรวงเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อสร้างภาพให้สำนักอื่นๆเข้าใจว่าพวกเรายังคงสนิทชิดเชื้อกับเทพเจ้า ทำให้พวกนั้นไม่กล้าโจมตีเรา” ตู้ชิงหย่วนอธิบายพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เธอหัวเสียขึ้นมาทันที และถึงกับพยายามใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนเรื่องเวลาที่กลุ่มอำนาจอื่นๆพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักคว้าดาวกับเทพเจ้า…ด้วยการแสร้งทำเป็นอารมณ์เสียประกอบกับท่าทีที่ซับซ้อนและเข้าถึงยาก เธอจึงหลีกเลี่ยงการตอบข้อสงสัยแคลงใจของคนอื่นๆได้
ตำหนักคว้าดาวแตกต่างจาก 5 สำนักที่เหลืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเฉพาะหรือต้นกำเนิดของประชากร ซึ่งความแตกต่างนี้อาจถูกทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยความละโมบโลภมากของสำนักอื่นๆ
ก็เพราะเหตุนี้ เกาะคว้าดาวทั้งเกาะถึงแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคนนอก เพื่อให้แน่ใจว่าความลับข้อนี้จะไม่รั่วไหล
“แต่เมื่อ 4 เดือนก่อน ขณะที่เรากำลังประกอบพิธีกรรมตามปกติ เราก็ได้รับข้อความจากเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ เธอบอกเราว่าเธอตั้งใจจะลงมายังทวีปที่ถูกลืมโดยผ่านทางพิธีกรรม และสั่งการให้พวกเราเตรียมการล่วงหน้า” ตู้ชิงหย่วนพูด
“เธอถ่ายทอดกรรมวิธีการประกอบพิธีกรรมให้พวกเราด้วย และในเมื่อนั่นคือคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ พวกเราจึงทำตามคำสั่งของเธอ”
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่คุณรู้ แม้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจะมีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันจากปราการแห่งมิติได้ เธอจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดของเธอหยดลงสู่ทะเลพลัดดาว เข้าบ่มเพาะเต่าหลังดำ ฉลามสามพี่น้อง และอสูรตัวอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน ฉันก็มอบหยดเลือดของเธอให้หวู่เฉินกับเจียงเหยา ทำให้พวกเขาสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์” ตู้ชิงหย่วนพูด
จางเซวียนพยักหน้า
ที่เขาสรุปได้ก็ประมาณนี้
“หลังจากเธอมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ก็ได้รับการเรียกตัวจากหวู่เฉินและลงสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่เรื่องหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือตอนนี้เธอกลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว เธอไม่ได้พักอยู่ในมิติเบื้องบนนานนัก แค่สั่งการฉันให้ดูแลคุณให้ดีก่อนจะรีบกลับสู่สรวงสวรรค์”
“แล้วเธอได้บอกไหมว่าเธออยู่ที่ไหนในสรวงสวรรค์?” นี่คือสิ่งที่จางเซวียนอยากรู้มากที่สุด
ตู้ชิงหย่วนส่ายหน้า “ฉันเกรงว่าจะไม่รู้อะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น แต่เพราะเธอเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ฉันจึงคิดว่าเธอน่าจะอยู่ในตำหนักของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งก็คือตำหนักเดียวกับที่ฉันเคยบอกคุณก่อนหน้านี้ เธอมอบหมายให้ฉันบอกคุณว่าสุดท้ายคุณทั้งคู่จะได้พบกันอีกถ้าเธอเอาชีวิตรอดจากการทดสอบได้ แต่ถ้าอะไรๆไม่เป็นไปตามแผน คุณก็ไม่ควรจะคร่ำครวญให้มากนัก”
“เอาชีวิตรอดจากการทดสอบ?” จางเซวียนตาโตด้วยความพรั่นพรึง “เธอบอกหรือเปล่าว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับอะไร?”
การที่หลัวลั่วสามารถฉีกกระชากปราการแห่งมิติและเข้าสู่สรวงสวรรค์ได้โดยตรงนั้นเป็นหลักฐานที่บ่งชัดถึงความแข็งแกร่งของเธอ แน่นอนว่าเธอคงมีพละกำลังมากกว่าตัวเขาในตอนนี้มาก
แต่คำพูดแบบมองโลกในแง่ร้ายก็หลุดจากปากของเธอทั้งที่มีพละกำลังมากขนาดนั้น เธอกำลังเจอปัญหาบางอย่างที่แก้ไม่ตกหรือเปล่า?
“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไม่ได้อธิบายรายละเอียด ฉันจึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่เท่าที่เธอบอก ดูเหมือนจะเป็นการดวลแบบชี้เป็นชี้ตายกับใครคนหนึ่ง” ตู้ชิงหย่วนตอบอย่างเคร่งเครียด
ในฐานะบริวาร ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือปฏิบัติตามคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คงเป็นการล้ำเส้นเกินไปหากเธออยากรู้อยากเห็นเรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่าย
จางเซวียนตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนจะไม่รู้เรื่องราวของหลัวลั่วชิงมากนัก สุดท้ายเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ปรมาจารย์จาง คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป?” ตู้ชิงหย่วนถาม
“เท่าที่ดู ผมคงต้องเดินทางเข้าสู่สรวงสวรรค์แล้วล่ะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ค่อยสบายใจ
เขาห่างกับหลัวลั่วชิงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การได้รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่ด้วยความกังวล
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะได้พบกับป้ายหินฝังศพของราชันย์ผู้ไม่มีวันตาย เขาคงคิดว่าเหล่าเทพเจ้าคือผู้เป็นอมตะและมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ก็เห็นกันชัดๆแล้วว่าเขาเข้าใจผิดมหันต์ ต่อให้ผู้ที่มีพละกำลังมหาศาลและยิ่งใหญ่อย่างเทพเจ้าก็ไม่อาจควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้
ตู้ชิงหย่วนเดาออกว่าจางเซวียนจะต้องตัดสินใจแบบนี้ จึงพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ
หลังจากได้คำตอบที่ต้องการจากตู้ชิงหย่วน จางเซวียนเรียกรวมพลจ้าวหย่ากับคนอื่นๆเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจของเขา
“ท่านอาจารย์ พวกเราอยากไปกับคุณ!” จ้าวหย่าก้าวออกมาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
“ฉันก็อยากเข้าสู่สรวงสวรรค์พร้อมกับท่านอาจารย์เหมือนกัน” เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า น้ำเสียงของเธอปราศจากความลังเล
“ท่านอาจารย์ พวกเราอยากขอติดตามคุณไป หวังว่าคุณจะไม่ทิ้งเราไว้ข้างหลังอย่างคราวก่อน…” เจิ้งหยางกับคนอื่นๆพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
เห็นความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของบรรดาลูกศิษย์ จางเซวียนรู้สึกปวดหัว เขามองทุกคนอย่างเคร่งขรึมและพูดว่า “ผมไม่รู้นะว่าสถานการณ์ของสรวงสวรรค์ในเวลานี้เป็นอย่างไร แต่มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะต้องเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง เราอาจถูกคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติฉีกกระชากเป็นชิ้นๆก่อนที่จะไปถึงที่นั่นด้วยซ้ำ พวกคุณรู้แบบนี้แล้ว…แน่ใจหรือว่ายังอยากตามผมไป?”
ในครั้งก่อน จางเซวียนเผชิญหน้ากับคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติและได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเดินทางจากทวีปแห่งปรมาจารย์เข้าสู่มิติเบื้องบน หากเขาไม่บังเอิญโชคดีที่ได้ตั้นเฉี่ยวเทียนช่วยชีวิตไว้ ก็ยากจะจินตนาการได้ว่าตัวเขาจะเป็นอย่างไร