อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2170 เป็นค่ายกลที่น่าทึ่งจริงๆ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2170 เป็นค่ายกลที่น่าทึ่งจริงๆ
เมื่อมาถึงประตูเมือง โม่หย่วนนำตราสัญลักษณ์พิเศษที่เขาได้รับออกมาแสดง เหล่าองครักษ์อนุญาตให้ทุกคนเข้าไปโดยไม่ตรวจสอบอะไร
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เมืองตะวันรอน จางเซวียนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมมาก
โลกภายนอกแห้งแล้งและโหดร้าย ลมกรรโชกเกรี้ยวกราดโหมกระหน่ำทุกแห่งโดยไม่หยุดหย่อน ในยามค่ำคืน อุณหภูมิจะตกฮวบถึงขนาดที่นักรบทั่วไปแทบจะทนทานไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้น พลังจิตวิญญาณในบรรยากาศก็มีอยู่น้อยมาก
แต่พื้นที่ภายในเมืองตะวันรอนให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ พลังจิตวิญญาณที่อบอวลอยู่ในอากาศก็เข้มข้นและสดชื่น มันอยู่ห่างกันเพียงแค่ข้ามกำแพงเมืองไป แต่จางเซวียนรู้สึกราวกับได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง
“เป็นค่ายกลที่น่าทึ่งจริงๆ” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยความยำเกรง
จะต้องใช้ค่ายกลที่ทรงพลังมากถึงจะแยกเมืองทั้งเมืองออกจากโลกภายนอกได้โดยเด็ดขาด ถึงขนาดที่สภาวะของทั้ง 2 แห่งตรงกันข้ามกันในทุกๆด้าน
จางเซวียนรู้ดีว่าเขาไม่อาจแผลงฤทธิ์ใดๆได้ในสภาวะแบบนี้ โดยอย่างน้อยที่สุดก็จะต้องสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างให้ได้เสียก่อน
“ค่ายกลนี้คือกุญแจของการรักษาทั้งเมืองไว้ ไม่นานหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์การเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ เก้าจอมราชันย์ก็สั่งการให้บรรดาราชันย์เทพเจ้าที่อยู่ในสังกัดสร้างค่ายกลเหล่านี้ขึ้นทั่วเมืองใหญ่ๆเพื่อรักษาสภาวะเดิมไว้ เว้นเสียแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญสักคนลงมือเคลื่อนไหวหรือโจมตี ก็ไม่มีทางทำลายค่ายกลเหล่านี้ได้โดยเด็ดขาด” โม่หย่วนอธิบาย
จางเซวียนพยักหน้า
ดูเหมือนเขาจะประเมินทุกอย่างต่ำไป เขาคิดว่าค่ายกลนี้เป็นฝีมือของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง แต่กลับกลายเป็นว่าผู้นั้นจะต้องสำเร็จวรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้าเสียก่อนถึงจะสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งมั่นคงขนาดนี้ได้
จางเซวียนหลับตาและสูดหายใจลึกขณะเปิดรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย
พลังจิตวิญญาณจากบริเวณโดยรอบซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที ปลดปล่อยความอ่อนล้าที่สะสมมาเนิ่นนานให้หมดสิ้นไป
“พลังจิตวิญญาณของสรวงสวรรค์ช่างน่าทึ่งจริงๆ!” จางเซวียนพยักหน้าด้วยความยำเกรง
แค่สูดเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอจะทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยแล้ว
ตอนนี้จางเซวียนมาถึงสรวงสวรรค์ได้ราว 20 วัน ซึ่งแม้จะได้กินพืชและอาหารหลากหลายชนิด แต่วรยุทธของเขาก็ยังคงชะงักงัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ว่าพลังจิตวิญญาณในสรวงสวรรค์ทรงพลังแค่ไหน
มันไม่ได้เข้มข้นเหมือนรังสีสวรรค์ที่เขาเคยซึมซับคราวก่อน แต่ก็เพียงพอสำหรับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำอย่างเขา พลังจิตวิญญาณนี้เหนือชั้นเสียจนพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทของมิติเบื้องบนก็เทียบไม่ได้
ล่วงเข้าดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วตอนที่พวกเขามาถึงเมืองตะวันรอน แต่ถนนหนทางก็ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและยานพาหนะทุกชนิด
จางเซวียนกวาดสายตามองไปรอบๆ และพบว่าแม้แต่นักรบที่อ่อนแอที่สุดที่เห็นก็เป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ อีกทั้งเป็นคนส่วนน้อย
นั่นอธิบายได้ว่าทำไมโม่หย่วนถึงประหลาดใจเมื่อพบตัวเขา จ้าวหย่า และคนอื่นๆ น่าจะเป็นได้ว่าผู้ที่เกิดมาในสรวงสวรรค์นั้นมีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาตั้งแต่เกิด และขอเพียงได้รับรังสีสวรรค์สักหน่อย ก็จะกลายเป็นเทพเจ้า
ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังที่จะปรากฏตัวในมิติเบื้องบนทุกๆสองสามพันปีจึงไม่มีความหมายอะไรเลยเมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์
“น้องจาง ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา!” โม่หย่วนถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะมองจางเซวียนด้วยความสำนึกในบุญคุณ
เขาเคยคิดว่าหมอนี่เป็นแค่คนธรรมดาที่โชคดีพอจะเตะตาผู้อาวุโสหยางชวน แต่ก็เห็นกันแล้วว่าอีกฝ่ายซ่อนกลเม็ดเด็ดพรายไว้มากมาย
แม้แต่อู๋เฉียวเฉี่ยวก็เปลี่ยนความคิดไปหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอแอบชำเลืองมองจางเซวียนเป็นระยะด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความไม่เข้าใจ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความอับอาย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดว่าจางเซวียนกับพรรคพวกคือคนที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร เหตุผลเดียวที่ได้เดินทางพร้อมกับพวกเธอก็เพราะท่านอาจารย์ของพวกเขา
แต่ด้วยพละกำลังของคนเหล่านี้ พวกเขาเล่นงานสายเทาผู้โด่งดังจนแพ้ราบคาบ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นอาชญากรผู้ทรงพลังและเก่งกาจพอจะหลุดรอดเงื้อมมือท่านพ่อของเธอได้หลายต่อหลายครั้ง
แค่คิดถึงการที่เธอเย้ยหยันพวกเขาตลอดการเดินทางก็ทำให้ละอายใจแล้ว
อู๋เฉียวเฉี่ยวรู้ว่าเธอโชคดีที่จางเซวียนกับพรรคพวกไม่ถือสา เพราะไม่อย่างนั้น ต่อให้ตัวเธอ 10 คนก็ไม่เก่งกาจพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา!
“พวกเราก็สำนึกในบุญคุณของคุณเช่นกัน ถ้าไม่ได้คุณนำทาง ป่านนี้เราคงยังระเหเร่ร่อนอยู่ในภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่” จางเซวียนหัวเราะหึๆ
เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ดึงใบไม้ใบหนึ่งออกมาและยื่นให้โม่หย่วน “นี่คือรายละเอียดอีกครึ่งหนึ่งที่ท่านอาจารย์ของผมฝากให้คุณ”
“ขอบคุณมาก” โม่หย่วนตาโตขณะรับใบไม้จากมือของจางเซวียน
ตลอดการเดินทางกลับเมืองตะวันรอน เขาได้ปรับเปลี่ยนเทคนิควรยุทธตามรายละเอียดของข้อบกพร่องที่ผู้อาวุโสหยางชวนระบุไว้ และรู้สึกได้ทันทีว่าสภาวะร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ระดับวรยุทธที่เคยชะงักงันเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย การควบคุมพละกำลังก็เฉียบคมและแม่นยำกว่าเดิม
เพียงเท่านี้ก็มากพอจะชี้ชัดแล้วว่าผู้อาวุโสหยางชวนคือตัวจริง การได้พบกับผู้อาวุโสหยางชวนถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งในชีวิต
บางที คงมีแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับผู้อาวุโสหยางชวนเท่านั้นที่บ่มเพาะลูกศิษย์ผู้น่าทึ่งขนาดนี้ได้ ดูจางเซวียนเป็นตัวอย่าง แม้จะมีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าเขา แต่ก็เอาชนะสายเทาได้อย่างง่ายดาย
ถึงตอนนี้ โม่หย่วนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเสนอ “ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณมาถึงเมืองตะวันรอน ผมคิดว่าพวกคุณคงยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกว่าจะพักที่ไหน ทำไมไม่ตามผมไปที่สถาบันตะวันรอนล่ะ? ผมหาที่พักให้พวกคุณได้”
“แบบนั้นจะรบกวนคุณเกินไป คุณดูแลพวกเราอย่างดีตลอดการเดินทาง รบกวนคุณมากกว่านี้อีกคงไม่ดีเท่าไหร่ เอาล่ะ คุณกับลูกศิษย์ของคุณเหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
เหตุผลเดียวที่เขาเดินทางมากับโม่หย่วนก็เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเขาเอง ท่านพ่อท่านแม่ และลูกศิษย์ทุกคนจะเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย และในเมื่อตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกับโม่หย่วนแล้ว
อีกอย่าง ถ้าพวกเขายังไปกับโม่หย่วน ไม่ช้าไม่นานคนอื่นๆก็คงรู้ว่าเขาคือผู้เล่นงานสายเทา ซึ่งนั่นจะนำความยุ่งยากมาไม่น้อย
ข้อหนึ่ง ถึงท่านเจ้าเมืองจะไม่หน้าหนาพอจะขอให้พวกเขาคืนเงินและข้าวของที่ยึดมาได้จากสายเทา แต่ก็มีโอกาสที่บรรดาพ่อค้าที่เคยถูกสายเทาปล้นจะมาตามหาตัวเขาเพื่อหวังว่าจะได้เงินที่ถูกปล้นไปกลับคืน ซึ่งหากเขาปฏิเสธ ก็ย่อมดูไม่ดี
แถมจางเซวียนยังไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใครๆด้วย โดยเฉพาะเมื่อเขายังมีพละกำลังไม่แข็งแกร่งพอจะปกป้องตัวเอง ปกป้องท่านพ่อท่านแม่และบรรดาลูกศิษย์
เรื่องสำคัญที่สุดของเขาในเวลานี้คือพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งกว่าเดิมและหาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสรวงสวรรค์ให้มากขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการใดๆต่อไป
“ผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ มาพบผมที่สถาบันตะวันรอนได้เลย” โม่หย่วนตอบ
เขาคิดว่าผู้อาวุโสหยางชวนคงจะเตรียมแผนการไว้ให้จางเซวียนกับคนอื่นๆแล้ว จึงไม่เซ้าซี้
“ไปกันเถอะ” จางเซวียนร้องเรียกคนอื่นๆก่อนจะมุ่งหน้าสู่ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“นายน้อย เราจะไปไหน?” ซุนฉางถาม
“เราจะหาที่พัก และหาข้อมูลว่าจะพบรังสีสวรรค์ได้ที่ไหน เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับพวกคุณทุกคนในเวลานี้ก็คือสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้า” จางเซวียนพูด
เมื่อสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าแล้วเท่านั้น เหล่าศิษย์สายตรงของเขาจึงจะมีพละกำลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้ในโลกใบนี้ ไม่อย่างนั้น คงมีแต่จะอับจนหนทางหากเจอใครที่มีเจตนาทำร้าย
“ผมเข้าใจ” ซุนฉางพยักหน้า
เขามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการหาข้อมูลเบ็ดเตล็ดต่างๆ ไม่ช้าซุนฉางก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มไปอย่างเงียบๆ
ที่พักของจางเซวียนเป็นบ้านพักหลังใหญ่ที่ทุกคนพักอาศัยอยู่ด้วยกันได้โดยไม่แออัด ราคาก็ไม่แพง ค่าเช่าตกราว 2 เหรียญสวรรค์ต่อเดือนเท่านั้น
ถึงตอนนี้ จางเซวียนเพิ่งเข้าใจว่าอัตราแลกเปลี่ยนของเหรียญสวรรค์นั้นสูงกว่าที่เขาคิดไว้มาก
1 เหรียญสวรรค์แลกได้เป็น 1,000 เหรียญกึ่งสรวงสวรรค์ และเหรียญกึ่งสรวงสวรรค์ก็เป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้กันทั่วไปในโลกใบนี้
“น่าเสียดายที่บริเวณนี้ไม่มีรังสีสวรรค์ พวกคุณไม่มีทางฝ่าด่านวรยุทธได้หรอกหากฝึกฝนวรยุทธที่นี่ แต่ปริมาณพลังจิตวิญญาณที่มีอยู่ก็พอเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนวรยุทธอยู่บ้าง สองสามวันมานี้พวกคุณเหน็ดเหนื่อยกันไม่น้อย เพราะฉะนั้นก็พักผ่อนเสียหลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธแล้ว” จางเซวียนพูด
พวกเขาเพิ่งย้ายเข้าที่พักได้ราว 4 ชั่วโมง ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า
หลังจากทุกคนเข้าที่พัก จางเซวียนก็เข้าห้องของเขาและทรุดตัวลงนั่ง
เขาเพ่งสมาธิเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติที่ยึดมาจากสายเทา เพียงครู่เดียว ยาเม็ดและสมุนไพรกองใหญ่ก็มาอยู่ในมือ
นี่คือของล้ำค่าที่สายเทาสะสมไว้ตลอดระยะเวลาหลายปีของการออกปล้น
ด้วยการสัมผัสสมุนไพรแต่ละชนิด ไม่ช้าจางเซวียนก็เข้าใจคุณสมบัติทั้งหมดของมัน ทุกชนิดล้วนมีราคาแพง แต่ไม่มีเลือดอสูรหม่าหยางที่เขาต้องการรวมอยู่ในสมุนไพรกองนี้
มันคือส่วนผสมที่เขาต้องการนำมาผสมกับหญ้าโบราณอสูรเขียวเพื่อช่วยยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ
จางเซวียนรู้ดีว่าเขาคงยกระดับไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างในรวดเดียวไม่ได้ แต่ก็คงดีหากได้เป็นเทพเจ้าขั้นสูงเสียก่อน
ยิ่งเขารู้จักสรวงสวรรค์มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าจำเป็นต้องเพิ่มพูนพละกำลังของตัวเองให้มากขึ้นโดยเร็วที่สุด และที่นี่ก็ไม่เหมือนมิติเบื้องบน เขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง จางเซวียนไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์สายตรงและท่านพ่อท่านแม่ของเขาได้
ในเมื่อส่วนผสมที่เขาต้องการไม่ได้รวมอยู่ในข้าวของกองนี้ จางเซวียนจึงหันไปมองยาเม็ด มันมีอยู่มากมายหลายชนิด รวมถึงยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายที่ใช้สำหรับบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณให้กลับคืนมา
รวมแล้ว มียาเม็ด 3 ขวดที่ช่วยบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ
ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า นั่นคือชื่อยา
มันสามารถฟื้นฟูแก่นสารภายในร่างกายของเทพเจ้า ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของพลังงานสวรรค์ที่เทพเจ้ามีอยู่ในครอบครอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหนังสือจำนวนหนึ่งอยู่ในแหวนเก็บสมบัติด้วย จางเซวียนรีบพลิกดูหนังสือเหล่านั้น มันช่วยเพิ่มความเข้าใจที่มีต่อสรวงสวรรค์ให้เพิ่มขึ้นอีกมาก