อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2198 เขาคงมีเงินเยอะ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2198 เขาคงมีเงินเยอะ
“ภูเขาสวรรค์สร้างจะเปิดเป็นเวลา 1 วัน แต่ภายในช่วงเวลานี้ ผู้ที่ยังไม่ได้สำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสามารถสำรวจพื้นที่เพื่อเสาะหารังสีสวรรค์ต่อไปได้ ส่วนผู้ที่ทำสำเร็จแล้วจะถูกส่งทะลุมิติกลับมาที่จุดเดิม” อู๋ฟังชิงอธิบาย
จางเซวียนตาโต
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นั่นลูกชายของผมเอง เพิ่งผ่านไปแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็สำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าแล้ว!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ในหมู่ฝูงชนหัวเราะลั่นอย่างยินดีปรีดาขณะเดินออกไปที่ลานบ้าน
ต่อให้นักรบสักคนจะตั้งต้นจากยอดเขา แต่ก็ถือเป็นวีรกรรมน่าทึ่งที่ได้รังสีสวรรค์มาภายในเวลา 2 ชั่วโมงและฝ่าด่านวรยุทธได้ด้วย สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเก่งกาจของเขาได้เป็นอย่างดี
ผลการทดสอบนี้จะถูกบันทึกไว้ และมีผลต่อการจัดอันดับโดยรวม
“ยินดีด้วย! มีลูกชายที่เก่งกาจแบบนี้ ผมเชื่อว่าในอนาคตตระกูลหูจะต้องรุ่งเรืองแน่!”
“พี่หูชู่ หลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ผมคิดว่าผมควรจะร่วมมือทำธุรกิจกับคุณตามที่เราเคยหารือกันไว้ แม้เราจะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ผมก็ได้ยินกิตติศัพท์ของคุณมามากมาย และขอบอกเลยว่ารู้สึกสบายใจที่จะร่วมงานกับคุณ”
“พี่หู ทั้งลูกชายและลูกสาวของคุณถึงวัยที่ควรแต่งงานได้แล้วนะ ทำไมถึงไม่รีบจัดการเรื่องนี้?”
ฝูงชนพากันรุมล้อมชายวัยกลางคนที่ชื่อหูชู่ด้วยนัยน์ตาเป็นมัน
การได้พบรังสีสวรรค์และฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จภายใน 2 ชั่วโมงถือว่าเกินพอจะทำให้ลูกชายของหูชู่ก้าวขึ้นเป็นสุดยอดนักรบของเมืองตะวันรอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
นี่คือโอกาสดีที่สุดที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดหูชู่ เพราะไม่อย่างนั้น ไม่ช้าอีกฝ่ายก็คงอยู่ไกลเกินเอื้อม
หูชู่เชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจขณะตอบคำถามของฝูงชนอย่างอดทนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ต่างอะไรกับสีหน้าของพ่อแม่ที่รู้ข่าวว่าลูกชายได้เข้าสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ
หลังจากจัดการฝูงชนที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวแล้ว หูชู่ก็หันมามองจางเซวียนและคำรามเยาะ
จริงอยู่ว่าลูกชายของเขาเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับบรรดาลูกศิษย์ของจางเซวียน แต่ดูเหมือนตอนนี้สถานการณ์จะพลิกผัน ลูกชายของเขาฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ แล้วบรรดาลูกศิษย์ของอีกฝ่ายล่ะ?
พวกนั้นยังคงกระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่บนภูเขาสวรรค์สร้าง!
ในท้ายที่สุด ต่อให้มีพละกำลังเหนือชั้นแค่ไหน ศักยภาพก็ยังอ่อนด้อยอยู่ดี การที่พวกนั้นยังเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งที่อายุขนาดนี้แล้วก็บ่งบอกอะไรได้มาก พวกเขาอาจจะเก่งกาจทรงพลังในหมู่นักรบรุ่นเดียวกัน แต่ความสำเร็จก็คงหยุดอยู่แค่นี้
“นายน้อยจางเซวียน ลูกชายของผมดูจะโชคดีที่ประสบความสำเร็จก่อนบรรดาศิษย์สายตรงของคุณ ผมจะรอดูนะว่าลูกศิษย์ของคุณจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้เป็นเทพเจ้า” หูชู่เดินเข้ามาเยาะเย้ยจางเซวียน
เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่พ่อแม่จะต้องอวดเรื่องความสำเร็จของลูก จะน่าเบื่อขนาดไหนหากอยู่ในโลกที่ใครๆก็ถ่อมตัว!
ในเมื่อเขาเพิ่งถูกหยามหน้า ก็จะต้องเอาคืนกับจางเซวียนให้สาสม
ส่วนจางเซวียนก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของหูชู่
ใช่ว่าเขาจะหงุดหงิดกับการยั่วยุ แค่อดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกๆ เพราะในเมื่อเขาถ่ายทอดเทคนิควรยุทธให้ศิษย์สายตรงของเขาแล้ว พวกนั้นก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากได้รังสีสวรรค์
ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปนานโข แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ยังไม่กลับมาสักคน หรือว่า…พวกนั้นเจออันตรายบางอย่าง?
แต่ก็ไม่น่าใช่!
เขายังมั่นใจในความสามารถของจ้าวหย่ากับคนอื่นๆ
ขนาดซุนฉางยังรับมือกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทีละหลายคนได้ จึงยิ่งมีโอกาสน้อยลงไปอีกที่จ้าวหย่ากับพรรคพวกจะพบเจออันตรายบนภูเขาสวรรค์สร้าง
“ผมเชื่อว่าพวกนั้นคงล่าช้าด้วยเหตุผลบางอย่าง” จางเซวียนตอบ
นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่เขาคิดออกในเวลานี้
ด้วยความแตกต่างของมิติระหว่างภูเขาสวรรค์สร้างกับพื้นที่อื่นๆ จางเซวียนจึงไม่อาจรับรู้ได้ว่าพลังปราณเทียบฟ้าที่เขาถ่ายทอดลงไปในยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าที่มอบให้พวกนั้นใช้การได้หรือไม่
“ล่าช้า? ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมขอภาวนาให้ลูกศิษย์ของนายน้อยจางเซวียนแก้ปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้ก็แล้วกัน…” ชายวัยกลางคนเย้ยหยันขณะเชิดหน้าสูงกว่าเดิม
ต่อให้ลูกศิษย์ของคุณแข็งแกร่งกว่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์โดยทั่วไป ก็แล้วอย่างไร?
ตราบใดที่ยังไม่ได้สำเร็จวรยุทธเป็นเทพเจ้า ก็เปล่าประโยชน์!
แอ๊ดดดดด!
ขณะที่ชายวัยกลางคนเดินวนไปมารอบลานบ้านอย่างลิงโลด ประตูที่อยู่ใจกลางจัตุรัสก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นกลุ่มของนักรบ 12 คน
จางเซวียนรีบสำรวจคนกลุ่มนั้น แต่ไม่มีผู้ที่เขากำลังมองหา
“นายน้อยจางเซวียน ดูเหมือนลูกของผมก็กลับมาแล้วเหมือนกัน”
“ศิษย์สายตรงของคุณเข้าไปเป็นกลุ่มแรก ทั้งยังได้ตำแหน่งที่ใกล้ยอดเขาที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่มากกว่าในการได้รับรังสีสวรรค์ ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะที่ป่านนี้พวกเขายังไม่กลับ…”
“พวกเขามีปัญหาในการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าหรือเปล่า? คงไม่นะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็หมายความว่าศักยภาพของพวกเขายังอ่อนด้อย…”
ผู้ที่ถูกจ้าวหย่ากับพรรคพวกหยามหน้าเมื่อครู่นี้พากันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มสะใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าเมืองอู๋คอยปกป้องชายหนุ่ม แถมลูกหลานของพวกเขาก็สู้กับศิษย์สายตรงของของอีกฝ่ายไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้ากล้ำกลืนความผิดหวัง แต่ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว จะพลาดโอกาสเยาะเย้ยและเอาคืนชายหนุ่มได้อย่างไร?
ผมยอมรับว่าลูกศิษย์ของคุณทรงพลังสำหรับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่แล้วอย่างไรล่ะ? สุดท้ายสติปัญญาก็ยังอ่อนด้อยอยู่ดี?
หากเปรียบเทียบกับลูกชายผู้ปราดเปรื่องของผม ก็ถือว่าไม่เอาไหน!!
คงกลายเป็นเรื่องตลกของศตวรรษแน่หากพวกนั้นไม่อาจสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าได้ทั้งที่มีเงื่อนไขเหมาะสมขนาดนี้…
“นายน้อยจางเซวียน อย่าใส่ใจพวกนั้นเลย โชคชะตามีผลอย่างมากในการตัดสินว่าใครจะได้พบรังสีสวรรค์หรือไม่ หรือบางที…พวกเขาอาจเป็นกลุ่มต่อไปที่มาถึงก็ได้” อู๋ฟังชิงปลอบอย่างกระอักกระอ่วน
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือสาหรอก” จางเซวียนส่ายหน้า
เขาไม่รู้ว่าทำไมจ้าวหย่ากับคนอื่นๆถึงยังไม่กลับมา แต่เชื่อมั่นในความสามารถของพวกนั้น อีกอย่าง เขาก็มอบยาเม็ดให้คนละ 5 เม็ดแล้ว ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
4 ชั่วโมงผ่านไปในชั่วพริบตา นักรบกว่า 300 คนจากจำนวน 1,200 คนที่เข้าสู่ภูเขาสวรรค์สร้างต่างก็ทยอยกลับมา แต่จ้าวหย่า ซุนฉาง และคนอื่นๆยังคงไม่ปรากฏตัว
คำล้อเลียนค่อยๆกลายเป็นคำเย้ยหยัน
การที่พวกนั้นไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธได้ทั้งที่เวลาก็ผ่านไปแล้วเนิ่นนานบ่งบอกชัดว่าสติปัญญาของพวกเขายังอ่อนด้อย ไม่น่าเชื่อว่าท่านเจ้าเมืองอู๋จะยกให้เป็นวีไอพี! คนแบบนี้จะคู่ควรกับการขึ้นมาอยู่ในสถานภาพเดียวกับพวกเขาได้อย่างไร?
“มีบางอย่างผิดปกติแน่…” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาพอเข้าใจที่บรรดาลูกศิษย์ของเขายังไม่กลับมาภายใน 2 ชั่วโมง โดยเป็นไปได้ว่าอาจเจอกับสภาวะของความยากลำบากบางอย่าง แต่ 3 ชั่วโมงก็ผ่านไปแล้ว…ยังไม่มีใครสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าเลยหรือ? แบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย!
ในฐานะนักรบผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่าย พวกนั้นควรจะฝ่าด่านวรยุทธได้เร็วเสียยิ่งกว่าตัวเขากับ ‘เวทนาสวรรค์’ ของเขาเสียอีก ไม่มีทางที่จะต้องใช้เวลามากขนาดนั้น!
แต่ทำไมถึงไม่มีใครปรากฏตัว?
จางเซวียนหันไปถามอู๋ฟังชิงอย่างร้อนใจ “ท่านเจ้าเมืองอู๋ คุณรู้วิธีที่จะตรวจสอบสภาวะของผู้ที่อยู่ในภูเขาสวรรค์สร้างไหม?”
“ตรวจสอบ?” อู๋ฟังชิงพยักหน้า “ทำได้อยู่แล้ว แต่ราคาสูงลิ่ว การตรวจสอบแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินถึง 100 เหรียญสวรรค์!”
โดยปกติ ภูเขาสวรรค์สร้างถือว่าปลอดภัย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เหล่านักรบจะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพแวดล้อมหรือจากกลุ่มนักรบด้วยกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่กังวล ก็มีวิธีตรวจสอบสภาวะของผู้เข้าท้าทายที่อยู่ภายในได้ เพียงแต่การทำอย่างนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
โควต้า 1 ที่มีราคาเพียง 1 เหรียญสวรรค์ แต่การตรวจสอบสภาวะของนักรบแต่ละคนต้องใช้เงินถึง 100 เหรียญสวรรค์ ต่างกันสุดขั้ว
จางเซวียนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ผมจะตรวจสอบสภาวะของคนที่ผมพามา”
เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อท่านแม่ บรรดาลูกศิษย์ หรือพ่อบ้านของเขาได้ คนเหล่านั้นคือผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากที่สุดในโลก เขาคงเป็นบ้าแน่หากเกิดความผิดพลาด
“ผมเข้าใจ ตามผมมา” อู๋ฟังชิงพยักหน้าขณะเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์เจ้าเมือง
“พวกเราควรตามไปดูไหม?”
“มีอะไรให้ต้องดู? ก็แค่ศิษย์สายตรงของเขาฝ่าด่านวรยุทธไม่สำเร็จ ทั้งหมดก็มีเท่านั้นแหละ!”
“เขาคงมีเงินเยอะทีเดียว”
“ไปดูเสียหน่อยก็ไม่ได้เสียเวลามากมาย ถ้าศิษย์สายตรงของเขาพบรังสีสวรรค์แต่ไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธได้ ก็คงสนุกน่าดูชม คุณไม่คิดแบบนั้นหรือไง?”
“ก็จริง”
ได้ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ กลุ่มชายวัยกลางคนที่เคยเยาะเย้ยจางเซวียนต่างกระหยิ่มยิ้มย่องขณะตามไปติดๆ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีเวลาเหลือเฟือ และก็น่ายินดีปรีดาไม่น้อยที่จะได้เห็นชายผู้เคยเย่อหยิ่งถูกจับโยนหัวทิ่มดิน
ทุกคนเดินทะลุคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองเข้าไป ไม่ช้าก็มาถึงห้องแคบๆห้องหนึ่ง
อู๋ฟังชิงชี้นิ้วไปที่ผนังซึ่งอยู่ตรงหน้าและพูดว่า “เขียนรายชื่อของผู้ที่คุณต้องการตรวจสอบลงไป และวางเงิน 100 เหรียญสวรรค์ไว้บนแท่นตรงนั้น ผนังจะแสดงสภาวะปัจจุบันของผู้ที่คุณกำลังตามหา…”
หลังจากรู้แล้วว่าผนังทำงานอย่างไร จางเซวียนนำเงิน 100 เหรียญสวรรค์ออกมาวางบนแท่นอย่างไม่ลังเล
วิ้งงงง!
เงินหายวับไป ผนังเปล่งแสงสีขาวเป็นประกายระยิบระยับออกมา เกิดเป็นจอภาพ
จางเซวียนรีบเดินเข้าไปเขียนชื่อจ้าวหย่า
ในบรรดาทุกคนที่เข้าสู่ภูเขาสวรรค์สร้าง ผู้ที่น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้มากที่สุดควรจะเป็นจ้าวหย่า เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่ทำให้เธอไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จภายใน 6 ชั่วโมง
จอภาพสั่นสะท้านเล็กน้อย ดูเหมือนพร้อมปรากฏภาพได้ทุกขณะ
“นี่คือช่วงวัดใจ…”
“คุณจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังเสี่ยวเมื่อ 3 ปีก่อน? เขาไม่ยอมเชื่อว่าลูกชายของเขาน่ะไม่เอาไหน จึงใช้เงิน 100 เหรียญสวรรค์ตรวจสอบสภาวะของเด็กคนนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าแท้ที่จริงแล้วลูกชายของเขาม่อยหลับไปบนภูเขาสวรรค์สร้าง! จนถึงวันนี้ ผมยังอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงสีหน้าของเขาตอนที่เห็นภาพบนผนัง!”
“เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่ว ตระกูลหวังเสื่อมเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีในชั่วข้ามคืน ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของเมืองตะวันรอน แต่เพียงวันเดียวก็ตกต่ำจนถึงจุดที่ไม่อาจเป็นได้แม้ตระกูลขั้น 3!”
“ตัวเขาก็ย่ำแย่ ท่านเจ้าเมืองอู๋มองคนที่ผลงาน เหตุผลเดียวที่เขาปฏิบัติต่อหมอนั่นอย่างดีก็เพราะอาจได้ผลประโยชน์บางอย่าง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหมดค่าหมดราคาไปแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าเมืองจะต้องเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ!”
กลุ่มชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังส่ายหัวพร้อมกับยิ้มเยาะ