อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2201 นายน้อยจาง!
บางทีสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับความลับของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน จึงไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือที่เขาได้อ่าน
ส่วนอู๋ฟังชิงก็รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขามีสถานภาพสูงส่งขนาดไหน จึงไม่กล้าปิดบังข้อมูลใดๆ
“พูดให้ง่ายเข้า จิตปรารถนาก็คือความมุ่งมาดปรารถนาของใครสักคน ยกตัวอย่าง หากคนที่เรารักคนหนึ่งเสียชีวิตไป ก็เป็นธรรมดาที่เราย่อมอยากให้เขาฟื้นคืนชีพ ความปรารถนานี้เติบโตขึ้นเป็นจิตปรารถนา ซึ่งจะถูกซึมซับและสะสมไว้ในสระบาดาล เมื่อเวลาล่วงเลยไป มันก็ช่วยบ่มเพาะเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณที่แตกสลายอยู่ภายในสระบาดาลนั้น และนำพาจิตใต้สำนึกกลับคืนสู่พวกเขาอีกครั้ง
“แต่มันเป็นกระบวนการที่กินระยะเวลายาวนานมาก หลายร้อยปี หลายพันปี หรืออาจถึงหลายหมื่นปีเลยทีเดียว มนุษย์ธรรมดาสามัญไม่อาจมีชีวิตยืนยาวพอที่จะเห็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการ เมื่อพวกเขาจากโลกนี้ไป จิตปรารถนาที่ช่วยเติมเต็มเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณที่แตกสลายจะสิ้นสุดลงเพราะไม่มีใครจดจำพวกเขาได้อีก ดังนั้น ต่อให้นักรบธรรมดาสามัญคนหนึ่งจะฝังจิตวิญญาณไว้ในสระบาดาล พวกเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ แต่กับทายาทของราชันย์เทพเจ้านั้นไม่เหมือนกัน”
“ราชันย์เทพเจ้ามีอายุขัยยาวนานกว่ามาก ทำให้พวกเขาส่งมอบจิตปรารถนาเข้าสู่สระบาดาลได้อย่างต่อเนื่อง จึงมีบ่อยครั้งที่บุคคลที่พวกเขาตั้งจิตปรารถนาให้สามารถกลับคืนสู่โลกใบนี้ได้ ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่มีความดีความชอบต่อน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนก็จะได้รับสิทธิพิเศษให้วางป้ายชื่อบรรพบุรุษของพวกเขาไว้บนแท่นบูชาหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป จิตปรารถนาของผู้คนที่พากันมาคารวะเขาจะสั่งสมและก่อตัวขึ้น ทำให้คนเหล่านั้นคืนชีพกลับสู่โลกใบนี้ได้”
“ผมเข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้า
เขานึกไม่ถึงว่าน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนจะทำได้ขนาดนี้ ใช้จิตปรารถนาคืนชีพจิตวิญญาณหลังความตาย…ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน
เซียนดาบเหมิงอดถามไม่ได้ “พูดอีกอย่างก็คือ ตราบใดที่ผู้ล่วงลับยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะได้มีชีวิตอมตะในสระบาดาลใช่ไหม?”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้” อู๋ฟังชิงพยักหน้า
ตราบใดที่ใครสักคนยังคงเป็นที่จดจำ พวกเขาจะได้รับจิตปรารถนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังมีชีวิตอยู่ได้ในสระบาดาล ซึ่งก็แน่นอนว่าปริมาณของจิตปรารถนาที่คนคนหนึ่งได้รับจะเป็นเครื่องกำหนดว่าผู้นั้นจะได้ร่างกายและจิตใต้สำนึกกลับคืนมาหรือไม่
“แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือจะต้องมีการประกอบพิธีกรรมในสระบาดาลให้กับร่างของผู้ล่วงลับ ไม่อย่างนั้น จิตปรารถนาก็ไม่อาจช่วยฟื้นคืนชีพให้กับจิตวิญญาณของผู้นั้นได้” อู๋ฟังชิงอธิบาย
“ผมเข้าใจ แล้วนอกเหนือจากน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน คุณรู้จักกลุ่มอํานาจอื่นที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องการประกอบพิธีกรรมไหม?” จางเซวียนถามต่อ
“ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออก แต่ถ้าคุณอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม การเดินทางสู่เมืองหลวงอาจช่วยได้ ผู้คนที่นั่นมีเครือข่ายข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมโยงถึงกัน คุณน่าจะพบสิ่งที่คุณตามหาได้ง่ายขึ้น…อ้อ พันธมิตรทางธุรกิจของคุณ, ฉีหลิงเอ๋อน่ะมาจากเมืองหลวง เธอน่าจะพอมีเส้นสายที่จะช่วยให้คุณ ได้ข้อมูลที่ต้องการ” อู๋ฟังชิงพูด
“อย่างนั้นหรือ? ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ” จางเซวียนตอบ
…..
หลังจากเสร็จธุระที่คฤหาสน์เจ้าเมือง จางเซวียนรีบกลับบ้านพักและสั่งการให้ซุนฉางส่งข้อความหาฉีหลิงเอ๋อ
เพียงไม่ถึง 15 นาที สุภาพสตรีเรือนร่างยั่วยวนก็มาถึงประตูทางเข้าบ้านพัก
“นายน้อยจาง!”
ท่าทีของฉีหลิงเอ๋อดูนอบน้อมเป็นพิเศษ
แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าจางเซวียนมาจากกลุ่มอำนาจไหน แต่ก็รู้ดีว่าคงตายแน่หากคนระดับเธอกล้ามีปัญหากับผู้ที่ครอบครองสายเลือดจอมราชันย์
“ผมอยากให้คุณช่วยผมตามหาบางอย่าง คุณเคยได้ยินคำว่า ‘เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ’ หรือชื่อ ‘หลัวลั่วชิง’ บ้างไหม?” จางเซวียยถาม
ฉีหลิงเอ๋อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อพวกนั้นเลย”
“แล้วคุณพอมีเส้นสายที่จะช่วยผมตรวจสอบเรื่องนี้ได้ไหม?” จางเซวียนถามต่อ
“เรื่องนั้นฉันทำได้ แต่ต้องกลับเมืองหลวงก่อน เมืองตะวันรอนน่ะห่างไกลเกินไป อยู่ที่นี่ หาอะไรก็ไม่เจอหรอก” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอรบกวนคุณฉีให้เดินทางไปเมืองหลวงกับพวกเรา ไม่ทราบว่าคุณพอมีเวลาไหม?” จางเซวียนถาม
แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองตะวันรอน, อู๋ฟังชิง ก็เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ ถ้าจางเซวียนอยากได้ข้อมูลและเรียนรู้เรื่องสรวงสวรรค์มากกว่านี้ ก็ต้องมุ่งหน้าสู่เมืองที่มีระดับขั้นสูงกว่า
แต่ปัญหาก็คือเขาไม่รู้จักใครและไม่มีเส้นสายใดๆในเมืองหลวง การไปไหนมาไหนจึงทำได้ยาก แน่นอนว่าทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากใช้เส้นสายของฉีหลิงเอ๋อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ถ้าคุณเป็นคนเอ่ยปากล่ะก็ นายน้อยจาง, ฉันยิ่งกว่ายินดีที่จะช่วยคุณ” ฉีหลิงเอ๋อตาโตด้วยความตื่นเต้นขณะรีบตอบรับ
เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มคนนี้อย่างไร ก็พอดีกับที่โอกาสตกลงมาบนหน้าตัก หัวสมองอันเฉียบคมของเธอคิดคำนวณแล้วว่าจะได้ประโยชน์แค่ไหนหากได้สนิทชิดเชื้อกับผู้ที่มีสายเลือดจอมราชันย์
ฉีหลิงเอ๋อแสร้งทำเป็นลังเลเล็กน้อยและตั้งข้อสังเกตอย่างกังวล “เพียงแต่ว่า…”
“คุณต้องการอะไรก็บอกผมมาเถอะ ผมไม่คิดจะให้คุณช่วยผมฟรีๆอยู่แล้ว” จางเซวียนพูด
เขารู้ดีว่าฉีหลิงเอ๋อไม่ใช่คนใจกว้าง เหตุผลเดียวที่เธอยอมช่วยเขาก็เพราะหวังว่าจะได้รับบางอย่างตอบแทน
“ได้ฟังแบบนี้ก็ค่อยคลายใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ค่อยคุยกันเมื่อเราไปถึงเมืองหลวงแล้วก็ได้ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่บีบบังคับให้คุณทำอะไรที่ขัดกับความต้องการของคุณแน่” ฉีหลิงเอ๋อพูด
“ตามนั้น” จางเซวียนพยักหน้า
ในเมื่อเธอไม่อยากพูด ก็ไม่จำเป็นต้องบังคับ
“เมืองหลวงอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? เราจะไปถึงที่นั่นได้อย่างไร?” ซุนฉางถาม
“เมืองหลวงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนอยู่ไกลจากที่นี่หลายล้านลี้ ถ้าเราขี่อสูรสวรรค์ไป ก็คงเหนื่อยตายเสียก่อนที่จะถึง วิธีที่ดีกว่าคือใช้ค่ายกลทะลุมิติ ซึ่งบังเอิญว่าเมืองตะวันรอนก็มีอยู่อันหนึ่ง” ฉีหลิงเอ๋อพูดยิ้มๆ
“ค่ายกลทะลุมิติ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
มีของแบบนั้นอยู่ในเมืองตะวันรอนจริงๆหรือ? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน?
ฉีหลิงเอ๋อพยักหน้า “ใช่ ความสามารถในการเคลื่อนย้ายหรือเคลื่อนไหวทะลุมิติคือการเลียนแบบการเคลื่อนที่อย่างฉับพลันของจอมราชันย์ คนคนหนึ่งจะเดินทางไกลได้หลายล้านลี้ในชั่วพริบตาโดยไม่มีอะไรขัดขวาง…แต่ค่ายกลทะลุมิติคือเครื่องอำนวยความสะดวกที่มีแต่ท่านเจ้าเมืองกับขุนนางเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ นักรบทั่วไปใช้ไม่ได้”
“มีแต่ท่านเจ้าเมืองที่มีสิทธิ์ใช้?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แปลว่าการใช้ค่ายกลทะลุมิติจะต้องมีเงื่อนไขเข้มงวด จึงไม่น่าแปลกใจที่นักรบทั่วไปจะไม่เคยได้ยินเรื่องของมันมาก่อน
“ใช่แล้ว นอกจากเป็นสิทธิพิเศษ มันยังเป็นสภาวะที่ช่วยปกป้องผู้ที่ถูกส่งทะลุมิติด้วย อย่างที่คุณคงรู้แล้ว สรวงสวรรค์คือสุดยอดของโลกต่างๆที่มีอยู่หลายใบ ดังนั้น กฎเกณฑ์แห่งมิติที่ควบคุมสรวงสวรรค์จึงทรงพลังมาก แม้แต่จอมราชันย์ผู้ทรงเกียรติก็ยังเอาชนะกฎเกณฑ์เหล่านั้นไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ การใช้ค่ายกลทะลุมิติจึงอาจก่อให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติอย่างรุนแรงที่เป็นความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ผู้ที่แข็งแกร่งไม่มากพออาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย” ฉีหลิงเอ๋ออธิบาย
“ตราสัญลักษณ์เจ้าเมืองของแต่ละเมืองจะมีจิตปรารถนาของเมืองทั้งเมืองอยู่ ทำให้เขาต้านทานอันตรายจากคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติได้”
“จิตปรารถนา?” จางเซวียนทวนคำ
เขาได้ยินคำนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว
“การทำตามกฎเกณฑ์ที่เจ้าเมืองตั้งขึ้นถือเป็นสัญลักษณ์ของการยอมอยู่ในโอวาท ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเมือง ทั้งเมืองจะเข้าสู่ความปั่นป่วนวุ่นวาย ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจะประสบกับความยากลำบาก ดังนั้น ความปรารถนาของผู้คนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและสงบสุขจึงก่อเกิดเป็นจิตปรารถนาที่สะสมอยู่ในตราสัญลักษณ์เจ้าเมือง ช่วยปกป้องความปรารถนาของพวกเขาไว้ ด้วยเหตุผลนี้ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่เพิ่งปรากฏตัวจึงตั้งใจแสวงหาการยอมรับจากทั้ง 9 จอมราชันย์ เพราะการได้การยอมรับจาก 9 จอมราชันย์เป็นเครื่องหมายของการยอมรับจากทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา สิ่งนี้จะทำให้จอมราชันย์พิชิตสวรรค์รวบรวมจิตปรารถนาได้มากขึ้นอีก” ฉีหลิงเอ๋ออธิบายต่อ
จางเซวียนพยักหน้า
แสดงว่าสิ่งที่เรียกกันว่าจิตปรารถนานั้นทรงพลังและเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับสรวงสวรรค์
จางเซวียนเชื่อว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คือปรมาจารย์ขง และจากข้อมูลที่เขารู้มาเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ของโลก อีกฝ่ายคือผู้อุทิศตัวเพื่อการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น สำหรับเขา ชื่อเสียงและเกียรติยศมีความสำคัญเพียงน้อยนิด
ดังนั้น การกระทำของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่พยายามเสาะแสวงหาการยอมรับจาก 9 จอมราชันย์จึงออกจะดูผิดแปลก เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
แต่ก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังการกระทำนี้
การได้การยอมรับจากอีกฝ่ายจะทำให้จอมราชันย์พิชิตสวรรค์รวบรวมจิตปรารถนาได้มากขึ้น และบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วกว่าเดิม
“เพราะฉะนั้น ถ้าผมอยากเดินทางไปเมืองหลวงหรือที่ไหนๆในสรวงสวรรค์โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆมากำหนดล่ะก็ ผมจะต้องได้สถานภาพเจ้าเมืองมาก่อนใช่ไหม?” จางเซวียนถาม
“ใช่” ฉีหลิงเอ๋อตอบยิ้มๆ
“ง่ายนิดเดียว ผมกับเจี้ยน้อยจะไปคฤหาสน์เจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ เพื่อปาดคออู๋ฟังชิงซะ” ซุนฉางพูด
น่าตลกไม่น้อยที่หลังจากเสร็จสิ้นการปะทะคารมครั้งแรก ซุนฉางกับอสูรเกราะเรืองแสงก็สนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี กลายเป็นคู่หูที่เออออกันได้ทุกเรื่อง
ต่อให้อู๋ฟังชิงมีของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ ก็คงลำบากไม่น้อยหากจะต้องรับมือกับอสูรเกราะเรืองแสง
จางเซวียนส่ายหน้าและปฏิเสธข้อเสนอของซุนฉาง
อู๋ฟังชิงไม่ได้มีเรื่องกับเขา จึงไม่ถูกต้องหากจะสังหารอีกฝ่ายเพื่อยึดครองตำแหน่ง
“ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอก แม้ดูเผินๆสรวงสวรรค์จะเป็นสถานที่ที่สงบสุข แต่ที่จริงน่ะมีการสู้รบเกิดขึ้นทุกหนแห่ง ตอนนี้มีหลายเมืองที่ตำแหน่งเจ้าเมืองยังว่าง” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
“อีกอย่าง ที่จริงฉันเองก็เป็นเจ้าเมือง ดินแดนที่ฉันปกครองอาจไม่ใหญ่โตหรูหราเหมือนเมืองตะวันรอน แต่จิตปรารถนาที่ฉันได้รับจากตราสัญลักษณ์เจ้าเมืองของฉันก็มากพอจะทำให้ใช้ค่ายกลทะลุมิติได้”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น