อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2225 บรรพบุรุษเก่าแก่?
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ฉีชุนเอ๋อกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลังเลและปล่อยพลังจากฝ่ามือชุดใหญ่เข้าใส่อีกฝ่าย
“ไม่เลว!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยอาการยอมรับเมื่อเห็นภาพนั้น
ฉีชุนเอ๋อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคนิคการต่อสู้ที่เขามอบให้และสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขมันจนมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมาก แม้จะยังอ่อนด้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาคาดไว้ แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสติปัญญาและความปราดเปรื่องของเธอ
จากนั้น ชายวัยกลางคนหันไปมองฉีหลิงเอ๋อ เขาเลิกคิ้วทันทีด้วยความตกใจ “อะไรกัน…”
เขาเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ทำให้งุนงงสุดขีด
ฉีหลิงเอ๋อยังสำแดงกระบวนท่าของเธอไม่เสร็จ แต่เพียงแค่ได้เห็นเส้นทางการไหลเวียนพลังงานสวรรค์ของเธอ เขาก็ดูออกว่าเธอสามารถปรับเปลี่ยนเทคนิคการต่อสู้จนอยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่าที่เขาเคยทำได้!
มันเป็นแค่การปรับเปลี่ยนอย่างง่ายๆ แต่เทคนิคการต่อสู้ขั้น 2 ได้กลายเป็นเทคนิคที่เหนือชั้นสุดยอดจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำความเข้าใจได้ยาก
ฉีหลิงเอ๋อทำได้อย่างไร?
ควั่บ!
เสียงคล้ายการสะบัดแส้ดังขึ้นกลางอากาศ
ฉีชุนเอ๋อที่แสนจะมั่นอกมั่นใจถูกเล่นงานอย่างจังที่แก้ม ร่างของเธอหมุนคว้างกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
“คุณแพ้แล้ว”
ฉีหลิงเอ๋อไม่โจมตีซ้ำหลังจากที่เอาชนะฉีชุนเอ๋อได้ในกระบวนท่าเดียว เธอเอาสองมือไพล่หลังขณะลดสายตาลงมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก
ตลอดหลายปีที่มีเรื่องกับฉีชุนเอ๋อทำให้เธอทั้งโกรธแค้นและเสียศักดิ์ศรี แต่ในที่สุด เธอก็มีโอกาสตบหน้าแม่นี่แล้ว!
“คุณ…” ฉีชุนเอ๋อถึงกับจังงัง
เธอคิดว่าคงเล่นงานฉีหลิงเอ๋อได้สบายด้วยเทคนิคการต่อสู้ที่พี่ชายถ่ายทอดให้ แต่ลงท้ายก็ถูกอีกฝ่ายเล่นงานยับ!
เมื่อกี้นี้ฉีหลิงเอ๋อยังพยายามทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้อยู่เลยไม่ใช่หรือ?
แล้วจู่ๆเกิดเชี่ยวชาญขนาดนี้ได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้!
ฉีเยว่ที่เฝ้าดูทุกอย่างผ่านแมลงปีกแข็งในร่างของฉีชุนเอ๋อก็ขมวดคิ้ว
ในฐานะอัจฉริยะชั้นยอดของตระกูลฉี เขาดูออกว่าแรงตบของฉีหลิงเอ๋อน่าสะพรึงแค่ไหน
แต่มันก็ยังเป็นเทคนิคการต่อสู้เดียวกันกับที่หัวหน้าตระกูลถ่ายทอดให้…แล้วฉีหลิงเอ๋อปรับเปลี่ยนมันจนเหนือชั้นขนาดนี้ได้อย่างไร? แม้แต่หัวหน้าตระกูลซึ่งเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าก็ยังแก้ไขเทคนิคให้มีประสิทธิภาพขนาดนี้ไม่ได้!
หรือว่าจะเป็น…บรรพบุรุษเก่าแก่?
นี่คือคำเตือนจากบรรพบุรุษเก่าแก่หรือเปล่า? เขาอาจไม่พอใจกับความขัดแย้งภายในตระกูล จึงใช้ฉีหลิงเอ๋อเป็นเครื่องมือปรามพวกเราไม่ให้ทำอะไรหนักข้อไปกว่านี้? ฉีเยว่ครุ่นคิด รู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง
มีเพียงคนเดียวในตระกูลฉีที่สามารถปรับเปลี่ยนเทคนิคการต่อสู้จนเหนือชั้นระดับนี้ได้ คือบรรพบุรุษเก่าแก่, ฉีเหมิง!
ถ้าบรรพบุรุษเก่าแก่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ พวกเขาคงต้องทบทวนแผนการของตัวเองใหม่
ขณะที่ฉีเยว่กำลังคิดหนัก ฉีชุนเอ๋อก็หายตกใจ สีหน้าซีดเผือดของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยแรงโทสะขณะคำรามก้อง “แก นังงูพิษ! แกไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ที่เราได้รับเมื่อครู่ ฉันจะฆ่าแกซะ!”
ฉีชุนเอ๋อปลดปล่อยวรยุทธและพุ่งเข้าใส่ฉีหลิงเอ๋อทันที
เธอทนไม่ได้ที่ถูกเหยียดหยามด้วยการตบหน้าจากผู้ที่มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าเธอมาก
ฉีเยว่ตกตะลึง เขารีบออกจากภวังค์และกระโจนเข้าห้ามฉีชุนเอ๋อ “จะทำอะไรน่ะ? เท่านี้ยังอับอายขายหน้าไม่พอใช่ไหม?”
การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาหัวหน้าตระกูล การตั้งคำถามถึงผลลัพธ์ของการแข่งขันก็ไม่ต่างอะไรกับการแสดงความสงสัยแคลงใจในคำตัดสินของหัวหน้าตระกูล
ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธเกรี้ยว
“พี่ชาย ฉันรู้จักแม่นี่มาหลายปีแล้ว คนอย่างมันน่ะไม่มีทางทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้และปรับเปลี่ยนมันจนยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้หรอก แม่นี่ไม่มีทางทำได้!” ฉีชุนเอ๋อตวาดลั่นด้วยความหงุดหงิด
ถึงเธอจะไม่เคยยอมรับ แต่ก็เห็นฉีหลิงเอ๋อเป็นคู่แข่งมาตลอด และรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เก่งกาจขนาดนี้
ฉีหลิงเอ๋ออาจเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ แต่ความปราดเปรื่องเรื่องวรยุทธยังอ่อนด้อยกว่าเธอแน่นอน ทะเลสาบจันทร์กระจ่างก็บอกชัดเจน!
ฉีหลิงเอ๋อไม่มีทางเทียบชั้นกับเธอได้!
แถมเธอยังใช้เทคนิคการต่อสู้ที่พี่ชายปรับปรุงให้เป็นการส่วนตัวด้วย
เห็นพฤติกรรมของฉีชุนเอ๋อ ชายวัยกลางคนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะตัดสินด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจของราชันย์เทพเจ้า “คุณแพ้แล้ว อย่าทำให้ตัวเองอับอายขายหน้ากว่านี้เลย”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับฉีหลิงเอ๋อ “สำแดงเทคนิคการต่อสู้ที่คุณทำความเข้าใจเมื่อครู่นี้ให้ผมดูอีกที”
“ได้ ท่านหัวหน้า”
ฉีหลิงเอ๋อสูดหายใจลึกก่อนจะสำแดงเทคนิคการต่อสู้อีกครั้ง
บึ้มมมม!
พละกำลังมหาศาลถูกบีบอัดเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงกึกก้องกลางอากาศ
“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อจริงๆ! ผมไม่เคยคิดเลยว่าการทำแบบนี้จะเป็นไปได้…”
ชายวัยกลางคนนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความอัศจรรย์ใจ ดูเหมือนเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
การคิดค้นเทคนิคการต่อสู้ที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะแรงบันดาลใจที่เข้ามาอย่างปุบปับ แต่นักรบยังต้องทบทวนมันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบด้วย
กระบวนการนี้ไม่ต่างอะไรกับการรังสรรค์บทกวีของกวีสักคนหนึ่ง ซึ่งแม้แต่รายละเอียดที่เรียบง่ายที่สุดก็อาจส่งผลต่อความกลมกลืนและพลังโดยรวมของเทคนิคการต่อสู้นั้น
สิ่งที่ฉีหลิงเอ๋อสำแดงออกมาปราศจากข้อบกพร่องอย่างสิ้นเชิง หาที่ติไม่ได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ชายวัยกลางคนได้เห็นเทคนิคการต่อสู้แบบนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะระงับความตื่นเต้นไม่ไหว
บางที…กุญแจของการพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้ากว่าเดิมอาจอยู่ตรงนี้ก็ได้!
“คุณทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ด้วยตัวเองใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนถาม
พูดกันตามตรง เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าฉีหลิงเอ๋อจะมีสติปัญญาระดับนั้น เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตระกูลฉีคงไม่มองข้ามเธออย่างที่เป็นอยู่!
แม้ฉีหลิงเอ๋อจะอดทนอยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่างได้เพียง 15 นาที แต่ลำพังความสามารถในการคิดค้นและขัดเกลาเทคนิคการต่อสู้ก็เกินพอจะทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่มีสถานภาพทัดเทียมกับฉีเยว่แล้ว คือมีโอกาสได้เป็นราชันย์เทพเจ้า!
“ใช่ ฉันทำเอง” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
เธอไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอถึงแสดงออกแบบนั้น แต่สัญชาตญาณบอกเธอว่าจางเซวียนจะต้องมีส่วนแน่ ซึ่งจางเซวียนเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว เขาคงไม่ชอบการดึงดูดความสนใจของใครๆมากเกินไป
ดังนั้น เธอจึงต้องยอมรับ
“ไม่เลว ไม่เลวเลย!” ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า” ฉีหลิงเอ๋อตอบอย่างนอบน้อม
จากนั้นเธอก็หันไปถามฉีชุนเอ๋อ “คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ฉีชุนเอ๋อกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ แต่เมื่อเห็นสายตากำราบของพี่ชาย ก็ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นและตอบว่า “ฉันไม่มีอะไรจะพูด…”
ฉีชุนเอ๋อเป็นคนเลือดร้อน แต่ไม่โง่ ต่อให้ฉีเยว่ไม่ห้ามไว้ เธอก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เข้าข้างเธอแล้ว ฉีหลิงเอ๋อได้การยอมรับจากหัวหน้าตระกูล และเธอก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้
นับจากนี้ สถานภาพของฉีหลิงเอ๋อในตระกูลฉีจะเปลี่ยนไป
ฉีหลิงเอ๋อหันไปประสานมือให้ชายวัยกลางคน “ท่านหัวหน้า อย่างที่คุณเห็นแล้ว…ฉีชุนเอ๋อจงเกลียดจงชังฉันเหลือเกิน และพยายามใช้เรื่องนี้ชำระความแค้นของเธอ ซึ่งในเมื่อฉันเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ฉันคิดว่าฉันก็มีสิทธิ์ใช้เดิมพันนั้นกับเธอเหมือนกัน”
“เดิมพันก็เป็นแค่สิ่งที่พูดกันลอยๆ ถือเป็นเรื่องจริงจังไม่ได้หรอก” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับโบกมือ แสดงออกชัดเจนว่าเขาต้องการจบเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “คุณคงลำบากไม่น้อยสินะที่ต้องต่อสู้และดูแลตัวเองที่เมืองตะวันรอนตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ รับหน้าที่ดูแลตลาดจันทร์กระจ่างของตระกูลของเราก็แล้วกัน”
คำพูดนั้นทำให้ฉีชุนเอ๋อหน้าซีดกว่าเดิม
ตลาดจันทร์กระจ่างเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลฉีที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง ที่ผ่านมา เธอเป็นคนดูแลมาตลอด แต่แล้วหัวหน้าตระกูลก็มอบความรับผิดชอบนี้ให้ฉีหลิงเอ๋อ ไม่ต่างอะไรกับการยึดอำนาจจากเธอ!
สุดท้าย ตระกูลฉีก็ลงโทษเธออยู่ดี
เธอคิดว่าความช่วยเหลือของพี่ชายจะทำให้เธอเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้แน่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นก็กลับตาลปัตรไปหมด
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองลงนอนให้ฉีหลิงเอ๋อเหยียบหน้า!
“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า!” ฉีหลิงเอ๋อโค้งคำนับอย่างงาม
ในที่สุดเธอก็ถือไพ่เหนือกว่าเสียที เพราะเมื่อคนอื่นๆในตระกูลฉีรู้ว่าเธอได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลตลาดจันทร์กระจ่าง ก็จะเข้าใจทันทีว่าทิศทางลมเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่มีใครกล้าเอาเปรียบสายเลือดของเธออีก
ชายวัยกลางคนหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉีหลิงเอ๋อ “ชายผู้นี้คือ…”
การที่ฉีหลิงเอ๋อเต็มใจพาอีกฝ่ายมาที่ตระกูลฉีด้วยย่อมหมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา
ที่สำคัญกว่านั้น ถึงชายหนุ่มจะอายุยังน้อย แต่ก็ดูสุขุมสง่างามอย่างน่าประหลาด ขนาดยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก็ไม่แสดงอาการหวาดกลัวสักนิด
อย่าว่าแต่สมาชิกรุ่นหลังของตระกูลฉี แม้แต่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของตระกูลฉีที่เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงก็ยังไม่อาจรักษากิริยาให้สงบนิ่งได้แบบนี้
“ผมชื่อจางเซวียน, ลูกน้องของคุณหลิงเอ๋อ เป็นเกียรติที่ได้พบท่านหัวหน้าตระกูลฉี!”
ยังไม่ทันที่ฉีหลิงเอ๋อจะได้ตอบ จางเซวียนก็ก้าวออกมาและกล่าวทักทาย
ชายวัยกลางคนสังเกตสังกาจางเซวียนอย่างละเอียด อีกฝ่ายยืนนิ่งพร้อมกับก้มศีรษะ ไม่สะทกสะท้านกับสายตาของเขาแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็พยักหน้าก่อนจะเปรย “หลิงเอ๋อ คุณมีลูกน้องที่เข้าท่าทีเดียวนะ อีกอย่าง การที่คุณสามารถทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ได้ถึงระดับนี้ก็บ่งบอกชัดว่าสติปัญญาของคุณก้าวหน้ากว่าเดิม ถ้าตอนนี้คุณพอมีเวลาล่ะก็ ไปทะเลสาบจันทร์กระจ่างเถอะ มาดูกันว่าคุณจะอดทนอยู่ที่นั่นได้นานแค่ไหน”
“ขอบคุณ ท่านหัวหน้า!” ฉีหลิงเอ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พวกเราไปดูด้วยได้ไหม?” ฉีเยว่โพล่งออกมา
ชายวัยกลางคนพยักหน้า
ลำพังการตีความเทคนิคการต่อสู้ของฉีหลิงเอ๋อเมื่อครู่นี้ก็บ่งบอกชัดว่าเธอไม่ใช่คนเดิมแล้ว ทั้งตัวเธอกับฉีเยว่มีโอกาสที่จะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าในอนาคต ซึ่งหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตระกูลฉีจะกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่มีอิทธิพลสูงสุดของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน!
ทะเลสาบจันทร์กระจ่างอยู่ไม่ไกลจากห้องโถงใหญ่มากนัก เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนกระจกเงาที่ฝังตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา