อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2236 ฝ่าด่านวรยุทธ
“คุณหมายถึงนักปรุงยาโจวเฟิง?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้
“ใช่ เขานั่นแหละ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำตอบ
“โจวเฟิงเป็นศิษย์สายตรงของฟู่เจียงเฉิน, ใช่ไหม? ทักษะการหลอมยาของเขาย่อมเหนือชั้นกว่าเราสองคนมาก แต่คนอย่างเขาก็ไม่อาจทำความเข้าใจยาเม็ดเพิ่มความงามได้?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาถามอย่างไม่อยากเชื่อ
ฟู่เจียงเฉินคือนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์ ร่ำลือกันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยหลอมยาเม็ดให้เหล่าจอมราชันย์
ฟู่เจียงเฉินมีศิษย์สายตรงอยู่มากมายทั่วทั้งสรวงสวรรค์ แต่ละคนได้เป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักปรุงยาด้วยกัน ซึ่งโจวเฟิงก็เป็นหนึ่งในศิษย์สายตรงระดับหัวกะทิของเขา
“ตอนนี้ นักปรุงยาคนหนึ่งที่ผมเคยชี้แนะก็อยู่ในสมาคมนักปรุงยาของเมืองหลวง เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ดูเหมือนสมาคมนักปรุงยาจะซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามที่วางขายในท้องตลาดมา 3 เม็ด พวกเขาตรวจสอบคุณสมบัติทางยาและกระบวนการหลอมจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ข้อสรุปที่ได้แต่ละครั้งก็เหมือนเดิม-มันไม่ต่างอะไรกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาพูด
การตรวจสอบกรรมวิธีการหลอมยาไม่ใช่งานง่าย ผู้ตรวจสอบจะต้องมีทั้งความรู้ เวลา และความพยายาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่พอเป็นไปได้ ซึ่งนั่นทำให้ในท้ายที่สุด ยาเม็ดราคาแพงหลายขนานก็ถูกด้อยคุณภาพลงไป
“จะต้องมีส่วนผสมบางอย่างในยาเม็ดเพิ่มความงามที่ทำให้มันแตกต่างจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้า เพียงแต่พวกเรายังหาไม่เจอ…” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด
เขารู้แน่แก่ใจว่ายาเม็ดเพิ่มความงามจะต้องมีบางอย่างที่พิเศษ แต่มันก็ไม่ยอมเผยความลับนั้นออกมาเสียที ทำให้ขัดอกขัดใจมาก
ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาก็อุทานออกมา “เดี๋ยวก่อน…ดูนั่นสิ! ใช่อาจารย์ฟู่เจียงเฉินหรือเปล่า?”
ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำรีบมองตาม เห็นอสูรบินได้ตัวหนึ่งลอยอยู่ไม่ห่างออกไป ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดคือชายชราคนหนึ่งที่มีเคราขาวโพลน และมีอีกสองสามคนยืนระวังหลังให้อย่างแข็งขัน ดูเหมือนไม่กล้าหาที่นั่งหากผู้อาวุโสยังอยู่
หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นนักปรุงยาโจวเฟิงที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง
“เขานั่นแหละ!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ “ผมเคยได้รับเกียรติให้พบเขาและฟังการบรรยายของเขาครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ผมท่องตระเวนไปทั่วทั้ง 9 น่านฟ้า คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมประทับใจการสอนของเขาแค่ไหน…แล้วทำไมเขาถึงมาด้วยตัวเอง?”
“จริงด้วย เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์เทพเจ้า แต่ก็ยังมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง หรือว่าเขากำลังค้นคว้าเรื่องยาเม็ดเพิ่มความงามเหมือนกัน และยังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้?” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาตั้งข้อสังเกตอย่างลังเล
นั่นเป็นเหตุผลข้อเดียวที่เขาคิดออก
“ก็เป็นไปได้…ถ้าแม้แต่นักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในสรวงสวรรค์ยังไม่สามารถทำความเข้าใจยาเม็ดเพิ่มความงาม ผมก็จินตนาการไม่ถูกแล้วว่าผู้หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามจะน่าทึ่งขนาดไหน!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีดำหันไปมองเวทีด้วยสายตาที่บ่งบอกความทึ่งจัด
นั่นคือฟู่เจียงเฉิน, นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยหลอมยาเม็ดให้จอมราชันย์! หากคนระดับนี้ยังล้วงความลับของยาเม็ดเพิ่มความงามไม่ได้ เรื่องนี้คงใหญ่โตกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
…..
“ถ้ายาเม็ดเพิ่มความงามมันน่าทึ่งขนาดนั้น ทำไมเราไม่ลักพาตัวนักปรุงยาและบังคับให้เขาเปิดเผยสูตรยาล่ะ?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในหมู่ฝูงชนถามสหายของเขา “อย่าบอกนะว่าคุณไม่กล้าทำอะไรเพียงเพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน!”
ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ระเบียบและกฎหมายจึงถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด แต่อาชญากรรมก็ยังเกิดขึ้นเนืองๆ
เห็นได้ชัดว่ายาเม็ดเพิ่มความงามเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรมหาศาล ทั้งยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจของนักปรุงยาอีกหลายคนในเมืองหลวง จึงเป็นธรรมดาที่น่าจะมีผู้คนมากมายอยากสังหารเขา
“ไม่ใช่อยู่แล้วล่ะน่ะ! ในสายตาคุณ ผมดูเหมือนพลเมืองดีหรือไง?” สหายของชายวัยกลางคนผู้นั้นคำราม แต่แล้วก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมส่งทีมเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนออกไปลักพาตัวเขา แต่ก็ขาดการติดต่อกับคนพวกนั้นระหว่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจ เมื่อตรวจสอบอีกที ก็พบว่าทั้ง 3 เสียชีวิตแล้ว!”
“นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนถูกฆ่า? นักปรุงยานั่นเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?” ชายวัยกลางคนหรี่ตาด้วยความตกใจ
ด้วยจำนวนราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีอยู่จำกัดในสรวงสวรรค์ นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง 3 คนจึงถือเป็นกองกำลังชั้นยอด แต่พวกเขากลับต้องตายระหว่างการปฏิบัติภารกิจ หรือว่านักปรุงยาผู้นั้นเป็นราชันย์เทพเจ้า?
“หมอนั่นน่ะไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก เรื่องนี้เป็นฝีมือตระกูลฉี!” สหายของเขาตอบ
“ตระกูลฉี?”
“ใช่ หัวหน้าตระกูลฉีประกาศว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องนักปรุงยาผู้นี้จะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลฉี และมีราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งคัดค้านคำประกาศดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ”
“แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกเล่นงานอย่างหนัก แถมถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงด้วย ว่ากันว่าบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉีเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง” สหายของเขาพูดต่อ
“บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉี? คุณหมายถึง…ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติฉีเหมิง?” ชายวัยกลางคนหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง
ถ้ายาเม็ดเพิ่มความงามมีมูลค่ามหาศาลอย่างที่ใครๆร่ำลือกัน ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเข้าไปจับตัวนักปรุงยาและรีดเอาสูตรยาจากเขา แต่หากบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลฉีเข้ามาเกี่ยวข้อง…
ฉีเหมิงคือนักรบคนหนึ่งที่เคยกุมอำนาจของโลกใบนี้เคียงคู่กับจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น อำนาจของเขาในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนนั้นยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใครเทียบ ไม่มีใครขัดขวางความโกรธเกรี้ยวของเขาได้ เว้นเสียแต่จอมราชันย์จะออกโรงด้วยตัวเอง!
ถ้านักปรุงยาผู้นั้นได้รับการคุ้มครองจากคนระดับนี้ พวกเขาก็ไม่ควรยื่นมือเข้าไปแตะต้อง เว้นเสียแต่จะอยากตายเต็มที
“คุณเข้าใจแล้วสิ ใช่ไหม? ผมบอกเรื่องนี้ก็เพราะเห็นแก่ความสนิทสนมของเราหรอกนะ ขอแนะนำคุณให้ล้มเลิกความคิดเสีย ไม่อย่างนั้นจะตายไม่รู้ตัว!” สหายของเขาเตือน
ถ้านักปรุงยาไม่มีหนทางปกป้องตัวเองหลังจากปล่อยยาที่มีอานุภาพไร้เทียมทานขนาดนี้ออกมา ป่านนี้ก็คงถูกสังหารไปหลายรอบแล้ว
สรวงสวรรค์หรือแม้แต่เมืองหลวงของทั้ง 9 น่านฟ้าไม่ได้สงบสุขอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น
…..
ที่คฤหาสน์ลอยได้ขนาดมหึมาในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งประสานมือขณะรายงาน “บรรพบุรุษเก่าแก่ ผมตรวจสอบเรื่องนั้นแล้ว เป็นฝีมือของตระกูลฉี”
เสียงหนึ่งที่บ่งบอกความสงสัยดังออกมาจากในห้อง “ฉีเหมิงเคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมตัวเขาก็ไม่ต่างจากผม อายุขัยของเขาใกล้สิ้นสุดแล้วเหมือนกัน เขาเก็บตัวเงียบมาตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเลือกปกป้องนักปรุงยานิรนามคนหนึ่ง? ต่อให้ยานั่นจะน่าทึ่งสักแค่ไหน ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมากนักหรอก!”
เขาคือราชันย์ผู้ทรงเกียรติอีกคนหนึ่งของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน, ไป๋ถังเฉว่!
เมื่อสำเร็จวรยุทธระดับนี้แล้ว ก็แทบไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้อีก
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่ปลีกตัวจากกิจธุระทางโลก พวกเขาแสวงหาการใช้ชีวิตแบบเงียบๆและสงบสุข ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆฉีเหมิงถึงลุกขึ้นมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำร้ายราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัสด้วย…
ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดศึกกับกลุ่มอำนาจที่สนับสนุนราชันย์เทพเจ้าคนนั้น ทำให้ตระกูลฉีมีศัตรูที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีก
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดนะ รู้แค่ว่าตระกูลฉีซื้อยาเม็ดเพิ่มความงามจำนวน 1,000 เม็ดเพื่อมอบให้สมาชิกรุ่นหลัง ทำให้ศักยภาพและประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะฉีเยว่ ผมได้ยินว่าตอนนี้เขาเริ่มเข้าถึงความลับของราชันย์เทพเจ้าแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าคงฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จในอนาคตอันใกล้” ชายวัยกลางคนรายงาน
“เขาใกล้จะฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ? ยานั้นน่าทึ่งขนาดนั้นจริงๆหรือ?”
“ใช่” ชายวัยกลางคนตอบ เขาหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นออกไป “ลองตรวจสอบดูเถอะ”
กล่องหยกลอยเข้าไปในห้อง
เป่ยถังเฉว่ที่อยู่ในห้องเปิดกล่องหยกแล้วหยิบยาเม็ดออกมาตรวจสอบด้วยความสงสัย จากนั้นก็กลืนมันลงไป
“ฮะ…” เป่ยถังเฉว่หรี่ตาด้วยความตกใจ “ผมสัมผัสได้ถึงรังสีของจอมราชันย์ในยาเม็ดนี้!”
“จอมราชันย์?” ชายวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง
“ใช่! ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ยาเม็ดนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำธรรมดา แต่พลังปราณของจอมราชันย์ที่อยู่ภายในส่งผลให้มันมีอานุภาพพิเศษ” เป่ยถังเฉว่วิเคราะห์อย่างเคร่งขรึม
“นี่คือความเห็นของผมในเวลานี้ เท่าที่ผมรู้ พลังปราณของจอมราชันย์ตัวจริงน่าจะบริสุทธิ์กว่าที่เห็น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่น่ามีอานุภาพเยียวยาอาการบอบช้ำภายในได้ ผมคิดว่าคงต้องหาทางพบปะฉีเหมิงเพื่อไขข้อข้องใจเรื่องนี้แล้วล่ะ”
เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉีเหมิงและจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นมาเนิ่นนานแล้ว จึงมีโอกาสได้รับรู้พละกำลังมหาศาลของจอมราชันย์
พลังงานของจอมราชันย์นั้นบริสุทธิ์มาก ทั้งยังมีแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลกกำลังถล่มใส่
เขามีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับยาเม็ดเพิ่มความงาม แต่ความเข้มข้นของพลังงานในนั้นลดลงไปหลายเท่า
“บรรพบุรุษเก่าแก่ คุณตั้งใจจะพบปะคนผู้นั้นจากตระกูลฉีหรือ?” ชายวัยกลางคนถาม
“ผมก็ควรทำแบบนั้นแหละ ผมเคยคิดว่าตาเฒ่านั่นล้างมือจากทุกอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนจะมองเขาผิดไป กลับกลายเป็นผมที่ล้าหลังใครเขาหมด ต่อให้ผู้ที่หลอมยาเม็ดเพิ่มความงามไม่ใช่จอมราชันย์ แต่ก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ถ้าเราไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว ก็คงทำหูหนวกตาบอดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตระกูลเป่ยถังของเราจะล้าหลังตระกูลฉีตลอดกาล!” เป่ยถังเฉว่พูดขณะลุกขึ้นยืน
แม้เขาจะไม่รู้ว่ายาเม็ดถูกหลอมขึ้นด้วยวิธีไหน แต่ประสิทธิภาพระดับนี้ก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันคือของจริง
ถ้ายังมีบางสิ่งในโลกที่แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอย่างเขายังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีจอมราชันย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เรื่องนี้เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง หากเขาได้ร่วมมือกับตระกูลฉี ก็มีโอกาสได้ผลประโยชน์อย่างงาม แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ตระกูลเป่ยถังก็มีแต่จะล้าหลังไปเรื่อยๆ