อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2288 ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณจึงสำคัญมากต่อการที่นักรบผู้หนึ่งจะได้รับตำแหน่งทรงเกียรติ
จริงอยู่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่ไม่ช้าไม่นานก็คงได้เป็นราชันย์เทพเจ้าเต็มขั้นหากมีความปราดเปรื่องระดับนี้ ด้วยการฝ่าด่านวรยุทธของจิตวิญญาณของเขา โอกาสที่ในอนาคตอีกฝ่ายจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็มีอย่างน้อย 50% แล้ว!
เหตุผลที่ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองมาตลอดก็เพราะบรรพบุรุษเก่าแก่ คือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟ หากมีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติปรากฏตัวในหมู่พวกเขาอีกสักคน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตำแหน่งตระกูลหมายเลข 1 ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด หรือแม้แต่ทั้งสรวงสวรรค์…จะต้องตกเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน!
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เห็นความสำคัญของผม แต่เกรงว่าคงต้องปฏิเสธ” จางเซวียนตอบ
เห็นความไม่เต็มใจของอีกฝ่าย หัวหน้าตระกูลรู้ดีว่าคงหว่านล้อมได้ยาก จึงตัดสินใจพักเรื่องนี้ไว้ก่อน “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ทำไมเราไม่ทำแบบนี้แทนล่ะ? มีประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินอยู่ด้านนอกตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ใช้ควบคุมค่ายกลที่อยู่ภายในตำหนักและทดสอบศักยภาพของราชันย์เทพเจ้า ต่อให้คุณไม่สนใจ แต่ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรใช่ไหม?”
การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนที่ไม่อยากเพิ่มจำนวนราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่พวกเขามีอยู่
สำหรับทั่วทั้งน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด ถือว่าชายหนุ่มคนนี้เข้าใกล้การได้ตำแหน่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมากที่สุด!
ขอแค่เขาพิสูจน์ความปราดเปรื่องของอีกฝ่ายให้อีกสองตระกูลเห็น ก็คงสามารถชักนำให้สองตระกูลนั้นยอมมอบทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ เพื่อช่วยให้ชายหนุ่มฝ่าด่านวรยุทธของพลังปราณได้สำเร็จ
ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ไม่เพียงแต่พละกำลังของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดจะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญกว่าก็คือ ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟในอีกหนึ่งแสนปีข้างหน้านั้นเป็นอันรับประกันได้!
“ถึงอย่างไรคุณก็ต้องเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณอยู่แล้ว เมื่อไปถึงที่นั่น ทำไมไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ?” หัวหน้าตระกูลย้ำเจตนารมณ์เดิม
จางเซวียนพยักหน้า “ก็ได้…”
หัวหน้าตระกูลพูดถูก
ลองดูสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหาย โดยเฉพาะเมื่อเขาอยากเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณอยู่แล้ว
…..
ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณลอยตัวอยู่เหนือเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด จางเซวียนบินตามหลังหัวหน้าตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ ไม่ช้าก็ถึงที่หมาย
มีคนอีก 2 คนยืนรออยู่นอกตำหนัก
ทั้งคู่คือหัวหน้าอีก 2 ตระกูลใหญ่ที่เหลือ
“ฝงหยวนชี คุณบอกว่าระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้วหรือ?”
ทันทีที่ทั้งคู่ร่อนลงพื้น หัวหน้าตระกูลคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา นัยน์ตาของเขาเปล่งรังสีเย็นเยียบของความไม่พอใจ
เขาคือหัวหน้าตระกูลนกฟีนิกซ์น้ำแข็ง, ฝงฮั่นเฉว่
ควรจะเป็นฝงฮั่นชิวจากตระกูลของเขาที่ได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ แต่ลงท้ายก็ถูกคนของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟปาดหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟก็เพิ่งได้ราชันย์เทพเจ้ากับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดอีกคนหนึ่งเมื่อ 2-3 ชั่วโมงที่ผ่านมา…
ไม่มีทางที่เขาจะรู้สึกยินดีปรีดากับเรื่องนี้
“ใช่แล้ว” ฝงหยวนชี, หัวหน้าตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟพยักหน้า
ฝงฮั่นเฉว่หันมามองจางเซวียน พบว่าจิตวิญญาณของอีกฝ่ายล้ำลึกเกินหยั่งถึง แม้ตัวเขาจะเป็นราชันย์เทพเจ้า แต่ก็ไม่อาจมองทะลุระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของชายหนุ่มได้
เรื่องนี้ทำให้เขาอึดอัดมากขึ้นอีก แต่จะตีโพยตีพายก็คงไม่เหมาะ จึงโบกมืออย่างหงุดหงิดและพูดต่อ “เริ่มการทดสอบกันเถอะ ผมขอเตือนล่วงหน้านะ การทดสอบของตำแหน่งทรงเกียรติมีอันตรายมาก ประมาทเลินเล่อเพียงนิดเดียวอาจส่งผลให้จิตวิญญาณของคุณถูกทำลายได้!”
ฝงหยวนชีพยักหน้าก่อนจะหันไปมองจางเซวียนและแอบส่งโทรจิตหาอีกฝ่าย “เป้าหมายของคุณคือทดสอบว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอที่จะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหรือไม่ ซึ่งนั่นจะทำให้เราอยู่ในฐานะได้เปรียบที่จะเรียกร้องทรัพยากรเพิ่มจากอีก 2 ตระกูลที่เหลือ เพราะฉะนั้น ถ้าทำจนสุดกำลังแล้วก็ถอยออกมา อย่าฝืนตัวเอง เข้าใจไหม?”
จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะถามกลับ “การทดสอบเป็นอย่างไร?”
“คุณเห็นประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินที่อยู่ตรงนั้นไหม? ที่ด้านหลังประติมากรรมนั้น คุณจะพบแผนที่กลุ่มดาวของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด เมื่อคุณถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ประติมากรรมนกฟีนิกซ์หิน กลุ่มดาวในแผนที่จะเรืองแสงขึ้นมา ซึ่งหากคุณทำให้ดาวดวงหนึ่งเรืองแสงได้ก็แปลว่าคุณมีความสามารถ ซึ่งหากทำให้กลุ่มดาวเรืองแสงได้ร้อยดวง ก็แปลว่าคุณมีโอกาสได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว” ฝงหยวนชีพูดขณะชี้นิ้วไป
จางเซวียนมองตาม ที่ด้านนอกตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ มีประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินตัวใหญ่อยู่ตรงนั้นจริงๆ ส่วนด้านหลังคือแผนที่กลุ่มดาวที่มีขนาดใหญ่กว่าประติมากรรมนั้นเสียอีก ดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนเปล่งประกายระยิบระยับอยู่บนนั้น น่าจะมีอย่างน้อยหลายหมื่นดวง
เมื่อมองจากระยะไกล ก็เหมือนนกฟีนิกซ์ตัวใหญ่ที่ผงาดเงื้อมอยู่กลางท้องฟ้าไร้ขอบเขต
ต้องทำให้ดวงดาวจำนวน 100 ดวงบนแผนที่กลุ่มดาวเรืองแสงให้ได้เพื่อให้มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ….ง่ายไปหน่อยไหม?
ฝงหยวนชีเดาออกว่าจางเซวียนคิดอะไร เขาอธิบายพร้อมกับหัวเราะเจื่อนๆ “อย่าสบประมาทการทดสอบนี้นะ ประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินได้รับการถ่ายทอดเจตจำนงของฝ่าบาทเข้าไป ดังนั้น คุณจะต้องเจอกับแรงกดดันมหาศาลเมื่อพยายามถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณของคุณเข้าไปในนั้น พูดอีกอย่างก็คือ คุณต้องเอาชนะเจตจำนงของฝ่าบาทให้ได้เพื่อทำให้ดวงดาวเรืองแสง บททดสอบนี้จึงยากมาก ตัวผมกับหัวหน้าตระกูลอีก 2 คนเคยพยายามแล้ว แต่ลงท้าย…พวกเราก็ทำให้ดวงดาวเรืองแสงไม่ได้แม้แต่ดวงเดียว!”
“ผมเข้าใจ” จางเซวียนพยักหน้า
การจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้น ทั่วทั้งน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดคงไม่มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเพียง 3 คนอย่างทุกวันนี้
หัวหน้าตระกูลทั้ง 3 หารือเรื่องนี้กันไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง
จางเซวียนเดินเข้าหาประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินและทาบฝ่ามือลงไป
ทันทีที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสกับนกตัวนั้น ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากภายในประติมากรรม จางเซวียนรีบถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณของเขาเข้าสู่ประติมากรรมโดยไม่ลังเล
จิตวิญญาณของจางเซวียนสั่นไหวเล็กน้อย ภายใต้แรงกดดันนั้น เขาเห็นนกฟีนิกซ์ตัวใหญ่ปรากฏตัวอย่างเลือนรางอยู่ตรงหน้า ถ้าจะเปรียบเทียบกับนกฟีนิกซ์ตัวนี้ พลังจิตวิญญาณที่เขามีไม่ต่างอะไรกับฝุ่นหยิบมือหนึ่งในทะเลทราย
เราต้องเอาชนะนกฟีนิกซ์ตัวนี้ให้ได้เพื่อให้ผ่านการทดสอบอย่างนั้นหรือ?
อะไรๆดูจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
แรงกดดันจากนกฟีนิกซ์มีมากเกินไป แม้จางเซวียนจะฝ่าด่านวรยุทธของจิตวิญญาณสำเร็จแล้ว การเอาชนะมันก็ยังไม่ง่าย
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลอง…
เขามาถึงที่นี่แล้ว ต่อให้ยากเย็นแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องสู้กันสักตั้ง
เหนือกว่าราชันย์เทพเจ้าคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ หากเขาอยากเป็นจอมราชันย์เหมือนปรมาจารย์ขง นี่ก็คือเส้นทางที่ต้องเดินไป ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะวิ่งหนี
จางเซวียนรีบรวบรวมพลังจิตวิญญาณของเขาก่อนจะปล่อยมันเข้าใส่นกฟีนิกซ์ที่อยู่ตรงหน้า
เอ๊ะ? แบบนี้ไม่ใช่แล้ว…
เขารู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ จางเซวียนคิดว่าการผลักดันพลังจิตวิญญาณของเขาเข้าไปคงจะทำได้ยากกว่าเดิม แต่ยิ่งเข้าใกล้ประติมากรรมนกฟีนิกซ์มากขึ้นเท่าไหร่ ก็กลับรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและคุ้นเคยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
แทนที่จะถูกต่อต้าน เขากลับถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณผ่านนกฟีนิกซ์ไปยังแผนที่กลุ่มดาวได้อย่างง่ายดาย
จางเซวียนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยินดีปรีดาที่ตอนนี้ผ่านนกฟีนิกซ์ไปได้ เขาปล่อยพลังจิตวิญญาณเข้าใส่ดาวดวงหนึ่ง
วิ้งงงง!
ราวกับมีใครเปิดสวิตช์ ดวงดาวทั้งหมดเรืองแสงเจิดจ้าขึ้นพร้อมกัน
จางเซวียนถึงกับผงะ…ดาวเรืองแสงหมดทุกดวง แบบนี้จะง่ายไปหน่อยไหม?
การทำให้ดาวดวงหนึ่งบนแผนที่กลุ่มดาวเรืองแสงขึ้นมาก็น่าจะยากเอาการไม่ใช่หรือ? ทำไมทุกดวงถึงลุกพรึ่บพร้อมกันทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย?
ขณะที่จางเซวียนกำลังขบคิดถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น หัวหน้าตระกูลทั้ง 3 คนที่อยู่ด้านหลังก็ขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีก เกรงว่าจะตาฝาด
การทำให้ดวงดาวร้อยดวงเรืองแสงได้หมายความว่าผู้นั้นเก่งกาจพอจะได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากจอมราชันย์ แต่หากดวงดาวทั้งหมดเรืองแสงพร้อมกัน นั่นจะหมายความว่า…ต่อให้ตำแหน่งทรงเกียรติก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับผู้นั้นหรือเปล่า?
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
หัวหน้าตระกูลทั้ง 3 แทบรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะชายหนุ่มไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ดวงดาวทั้งหมดเรืองแสงได้ แต่ยังทำอย่างรวดเร็วด้วย!
เขาเพิ่งสัมผัสประติมากรรมนกฟีนิกซ์ได้เพียงสิบอึดใจเท่านั้น แล้วดาวทุกดวงก็เปล่งประกายเจิดจ้าออกมา ราวกับกำลังประชันขันแข่งกัน
แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขาซึ่งเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเต็มขั้นก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้!
“หรือว่าแผนที่กลุ่มดาวทำงานผิดพลาด?” ฝงฮั่นเฉว่ตั้งข้อสงสัย
“เจตจำนงของฝ่าบาทอยู่ในนั้น จะทำงานผิดพลาดได้อย่างไร?” ฝงหยวนชีปัดความคิดนั้นตกไปทันที
นี่คือแผนที่กลุ่มดาวของดวงดาวทั้งหมดบนน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด เจตจำนงของจอมราชันย์อมตะก็ถูกถ่ายทอดไว้ในนั้น การจะคิดว่ามันทำงานผิดพลาดคงเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!
มีความเป็นไปได้ข้อเดียว ซึ่งแม้จะทำใจให้เชื่อได้ยากเหลือเกิน แต่ความจริงข้อนั้นก็คือชายหนุ่มผ่านการทดสอบได้ด้วยความสามารถที่แท้จริงของเขา
ระหว่างนั้น จางเซวียนประเมินประติมากรรมนกฟีนิกซ์หินที่อยู่ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
เมื่อแรงกดดันจากนกฟีนิกซ์สลายตัวไป เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ารังสีที่มันแผ่ออกมาช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน ราวกับเขาเคยสัมผัสมันมาแล้วหลายครั้ง
นี่มัน…รังสีของไก่น้อย? จางเซวียนคิดขณะกำหมัดแน่น
หรือว่าสมมติฐานก่อนหน้านี้ของเขาจะถูกต้อง เจ้านั่นคือจอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดจริงๆ?