อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2329 ผมไม่ได้กลัว แต่…
พวกเขารับใช้จอมราชันย์มาเนิ่นนาน มีผลงาน ความดีความชอบ และมีส่วนทำให้น่านฟ้าของพวกเขาเจริญเติบโต แต่แทนที่จะรับพวกเขาเป็นศิษย์สายตรง เหล่าจอมราชันย์กลับเลือกบ่มเพาะนักรบรุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งแทน จะให้เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
แต่เพราะเป็นการตัดสินใจของจอมราชันย์ พวกเขาก็ได้แต่กล้ำกลืนความเคียดแค้นและความช้ำใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ราวกับเท่านั้นยังเลวร้ายไม่พอ เจ้าเด็กพวกนั้นก็กลับกลายเป็นวายร้ายที่วางตัวโอหังและทำอะไรตามอำเภอใจ!
พวกนั้นกวาดของล้ำค่าไปหมดทุกชิ้น ไม่เหลืออะไรไว้ให้พวกเขาเลย หากพวกเขากลับไปมือเปล่า จอมราชันย์จะไม่คิดหรือว่าพวกเขาไร้ประโยชน์?
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ตำแหน่งของพวกเขาคงง่อนแง่นเต็มทีเมื่อกลับไป จอมราชันย์อาจหาคนใหม่มาแทนที่ก็ได้!
ก็เพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงรีบมารวมตัวกันเมื่อเห็นการปรากฏของใบบัว
“พวกเรา, เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า จะต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเราเอง หากเราได้ใบบัวนั้นมาและได้มอบให้จอมราชันย์ นั่นจะพิสูจน์ได้ว่าเราไม่ได้อ่อนแอกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเยาว์พวกนั้น!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนประกาศ
“หากเราปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนตัดหน้า ต่อไปคงลำบากแน่ พวกนั้นจะกดขี่เราเสียจนไม่มีวันเงยหน้าอ้าปากได้อีก เราจะสูญเสียแม้แต่ศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายที่มี! เอาล่ะ อ้าวเฟิง, คุณมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”
“ผม…”
อ้าวเฟิงไม่คิดว่าจะถูกตั้งคำถามปุบปับแบบนี้ เขาหันไปสบตาจางเซวียนเพื่อขอความเห็น
อ้าวเฟิงดูออกจากการเฝ้ามองปฏิกิริยาของจางเซวียนเมื่อครู่ว่าเขามีความสนิทสนมกับเจิ้งหยางและพรรคพวก จึงรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่น่าจะมีหวัง เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างที่อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแพ้เพราะอะไร
เพราะนอกจากจางเซวียนจะมีพละกำลังมากพอที่จะเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ เจิ้งหยางกับพรรคพวกก็ยังหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เหล่าราชันย์เทพเจ้ารุ่นเก๋าจะรับมือไหว
เขาเคยสู้กับพวกนั้นครั้งหนึ่ง และรู้ตัวดีว่าอยู่กันคนละชั้น
มารวมตัวกันต่อหน้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าแบบนี้…
พวกเขากล้าหาญ หรือเบื่อชีวิตเต็มที?
“อะไรกัน คุณไม่กล้าสู้กับพวกนั้นหรือ?” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนคำรามเยาะเมื่อเห็นความลังเลของอ้าวเฟิง “ก็แค่สู้กันเพื่อแย่งใบบัว ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเยาว์พวกนั้นจะโมโหที่ต้องพ่ายแพ้ ก็แล้วจะทำอะไรเราได้? ในฐานะมังกรเลือดบริสุทธิ์จากน่านฟ้ามังกรเมฆ คุณไม่สมควรจะกลัวหัวหดแบบนี้นะ”
“ผมไม่ได้กลัว แต่…” อ้าวเฟิงตอบอย่างลังเล
“คุณไม่กลัวก็ดีแล้ว เป็นอันตกลงเรื่องนี้ก็แล้วกัน!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนไม่ยอมปล่อยอ้าวเฟิง จากนั้นก็หันไปถามจางเซวียนกับหลัวฉีฉี “คุณสองคนจะว่าอย่างไร?”
“พวกเราขอผ่าน” จางเซวียนตอบ
“ช่างเถอะน่ะ เขาก็มีดีแค่ของล้ำค่าเท่านั้น ผมเชื่อว่าหากต่อสู้กันจริงๆ เขาก็ช่วยอะไรพวกเราได้ไม่มากหรอก ส่วนหลัวฉีฉี ผมไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อของเธอด้วยซ้ำ แถมยังไม่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ต่อให้มารวมกลุ่มกับพวกเรา ผมก็ไม่คิดว่าทั้งคู่จะทำอะไรได้”
“เด็กเมื่อวานซืน 2 คนจะมีปัญญาสู้กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้อย่างไร?”
…..
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆไม่แยแสการปฏิเสธของจางเซวียน
ขณะที่พวกเขายังพูดคุยกัน จู่ๆราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนก็อุทานออกมา “พวกนั้นมาแล้ว!”
เกิดคลื่นรบกวนของมิติอยู่ไกลๆ แต่เมื่อเพ่งดูให้ดี ก็จะเห็นร่างหนึ่งพุ่งปราดเข้ามาด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ
อีกฝ่ายเป็นสาวน้อยร่างสูงและบอบบางพร้อมดาบในมือ ท่วงท่าของเธอสง่างามและทรงอำนาจ
“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า…”
เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังพุ่งเข้ามา นัยน์ตาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนพลันแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว
แม่สาวคนนี้ตัดหน้าเขา คว้าเอาของล้ำค่าที่เขาหมายตาไว้ไป
ฟึ่บ!
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนชูดาบและชี้ไปที่สาวน้อยซึ่งอยู่กลางอากาศ “จ้าวหย่า, ผมรู้ว่าคุณมีพละกำลังเหนือกว่า แต่พวกเราเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าได้รวมตัวเป็นพันธมิตรกันแล้ว ถอยไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อน”
จ้าวหย่าตวัดสายตามองราชันย์เทพเจ้าหลัวเหยียนแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไป ไม่แยแสคำพูดของอีกฝ่าย เธอพุ่งเข้าหาใบบัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เห็นจ้าวหย่าตั้งใจถือกรรมสิทธิ์ในใบบัวโดยไม่เกรงใจใคร เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรีบชักอาวุธออกมาก่อนจะกระโจนเข้าขวางทาง
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา จ้าวหย่าสร้างชื่อเสียงโด่งดังในฐานะหนึ่งในราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ พวกเขามั่นใจว่าหากผนึกกำลังกันก็น่าจะเอาชนะเธอได้ แต่ก็รู้ดีว่าถ้าการต่อสู้ปะทุขึ้นจริงๆ ก็คงไม่มีทางที่จะรอดพ้นกลับมาโดยไม่บาดเจ็บ
แถมการรวมตัวเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ เพราะมันไม่ใช่การรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ และผลประโยชน์ก็ไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่สมาชิกสักคนจะทรยศ
ดังนั้น พวกเขาจึงหวังแค่จะขู่เธอให้หวาดกลัวจนต้องถอย ไม่ได้อยากให้เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ
“คุณคิดจะขวางทางฉันหรือ?” จ้าวหย่าลดสายตาที่เปี่ยมอำนาจลงมามองคนเหล่านั้น
เส้นผมดำขลับของเธอตัดกับชุดเกราะเงินที่สวม ดูราวกับเทพธิดาแห่งสงครามผู้เก่งกล้า
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติลั่วหยิงคำราม “มันก็เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมดีอยู่แล้วนี่, ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า”
“ฉันไม่มีเวลาจะเสียกับพวกคุณ!” จ้าวหย่าโบกมืออย่างไม่แยแสขณะรุดหน้าต่อไป
“บังอาจ!”
“คุณกล้าดีอย่างไร!”
“ดูเหมือนคุณจะไม่เห็นหัวพวกเราเลยจริงๆ!”
ทั้งที่พวกเขาเปิดเผยเจตจำนงชัดเจนแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังดึงดันจะผ่านไปให้ได้ หลิวเหยียนกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆโมโหเดือดขึ้นมาทันทีและเริ่มเปิดการโจมตี
พวกเขาผนึกกำลังกัน จากนั้นก็สร้างปราการขนาดมหึมาที่ทำจากพลังปราณขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นจ้าวหย่า
พละกำลังทำลายล้างที่ไหลเวียนอยู่ในปราการนั้นทรงพลังเสียจนไม่มีนักรบคนไหนจะไม่รู้สึกจนปัญญาหากต้องเผชิญหน้า ใครก็ตามที่อาจหาญรุกล้ำปราการจะต้องบาดเจ็บสาหัสหรือแม้แต่เสียชีวิต!
จ้าวหย่าขมวดคิ้วเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม เธอเงื้อดาบแล้วฟันฉับลงไปบนปราการ
บึ้มมมม!
ปราการนั้นฉีกขาดออกจากกันก่อนจะสลายตัวไป แรงตีกลับบีบให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าต้องถอยไปหลายสิบก้าว พวกเขาหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึงขณะจับจ้องสาวน้อยที่อยู่กลางอากาศอย่างไม่อยากเชื่อ
ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลังขนาดนี้!
เธอพัฒนาตัวเองจนถึงขั้นทำลายปราการที่พวกเขาสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย
“อ้าวเฟิง รีรออะไรอยู่? จัดการสิ!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนตวาดอย่างร้อนใจ
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ จ้าวหย่าก็ร่อนลงมายังจุดที่อ้าวเฟิงกับคนอื่นๆยืนอยู่ เธอทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น นัยน์ตาแดงก่ำ
“ศิษย์อกตัญญูจ้าวหย่าคารวะท่านอาจารย์!”
“ศิษย์?”
“ท่านอาจารย์?”
เงียบกริบ
ทุกคนงุนงงจนพูดไม่ออก
ก็เพราะผู้ที่จ้าวหย่ากำลังคุกเข่าให้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนที่พวกเขาเพิ่งเหน็บแนมไปเมื่อครู่ ไม่เพียงเท่านั้น เธอดูตื่นเต้นจนร่างสั่นสะท้านไม่หยุด น้ำตาปริ่มขอบตา
ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวน้อยผู้อาจหาญคนนี้จะมีด้านอ่อนแอด้วย
มันเกิดอะไรขึ้น?
นี่หมายความว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่าผู้แสนจะกล้าแกร่งและมีพละกำลังเหนือมนุษย์เป็นศิษย์ของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนหรือ?
แต่เขาเป็นแค่นักปรุงยานี่?
กลายเป็นท่านอาจารย์ของจ้าวหย่าตั้งแต่เมื่อไหร่?
บึ้มมมม!
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เสียงระเบิดดังสนั่นจนแสบแก้วหูก็ดังกึกก้องไปทั่วขณะที่วัยรุ่นอีก 10 คนบินตรงเข้ามา
“เวรละ แบบนี้แย่แน่ นั่นคือเจิ้งหยางกับพรรคพวก!”
“พวกเขาร่วมมือกันจริงๆหรือ? แบบนี้ก็พังสิ…”
เห็นร่างที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพากันถอยกรูดด้วยความกังวลใจ เมื่อคิดได้ว่าวัยรุ่นทั้ง 10 คนนี้คงมาไล่ล่าพวกเขาหลังจากได้รู้เรื่องการรวมตัวกันเป็นพันธมิตร ทุกคนก็ชูอาวุธขึ้นคุ้มกันตัวเองทันที
แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น
วัยรุ่นทั้ง 10 คนร่อนลงมาอยู่ข้างจ้าวหย่า ทุกคนนัยน์ตาแดงก่ำ พวกเขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างจริงใจด้วยความเคารพสูงสุด
“ศิษย์อกตัญญูเจิ้งหยางคารวะท่านอาจารย์…”
“ศิษย์อกตัญญูหลิวหยางคารวะท่านอาจารย์…”
…..
เสียงของพวกเขาดังกึกก้อง กระตุกหัวใจของเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า
“ทุกคน…คือศิษย์สายตรงของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนหรือ?”
“แต่พวกนั้นเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์นะ, นักรบที่หกจอมราชันย์บ่มเพาะด้วยมือของตัวเอง จะเป็นศิษย์สายตรงของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนได้อย่างไร?”
“สวรรค์โปรด คุณช่วยหยิกผมแรงๆได้ไหม? ผมจะได้ตื่น…โอ๊ย! ทำอะไรน่ะ เจ้าโง่?”
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนกับคนอื่นๆแทบเสียสติ
ตลอดชีวิตอันยาวนานของพวกเขา ไม่มีใครเคยเจอเรื่องเหลวไหลแบบนี้มาก่อน
ลำพังจ้าวหย่า เจิ้งหยาง และคนอื่นๆก็ทรงพลังอย่างเหลือเชื่ออยู่แล้ว แต่นี่ทุกคนยังเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันอีก แถมเลวร้ายหนักกว่าเดิมตรงที่ท่านอาจารย์ของพวกเขาก็คือราชันย์เทพเจ้าที่พวกเขาเพิ่งดูหมิ่นดูแคลนไปเมื่อครู่!
ทุกอย่างดูจะไปไกลจนเกินควบคุมแล้ว…
“เมื่อครู่นี้…พวกเราดูหมิ่นเหยียดหยามเขาใช่ไหม?”
“หากกลับไปทำดีกับเขาตอนนี้ จะสายไปหรือยัง? มีอะไรที่พวกเราพอจะทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้บ้าง?”
ทุกคนรู้สึกเหมือนน้ำตาปริ่มๆจะไหล
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิงแนะนำอีกฝ่าย พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อันที่จริง หลายคนมองว่าเขาคือคนหนุ่มที่หลงตัวเองด้วยซ้ำ
แต่เมื่อคิดดูอีกที พวกเขาต่างหากที่หลงตัวเอง
นอกจากพละกำลังที่อีกฝ่ายมี ลำพังข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีศิษย์สายตรงผู้ทรงพลังเหลือล้นอยู่มากมาย ก็บ่งบอกชัดแล้วว่าต่อให้พวกเขาต้อนรับอีกฝ่ายด้วยพิธีการระดับสูงสุด ก็ยังไม่ถือว่าเกินเลย!
ถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อชายหนุ่มให้ดีกว่านี้ ก็น่าจะยังพอมีช่องทางไกลเกลี่ยบ้าง
แต่น่าเสียดายที่ทุกคนปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเสียแล้ว ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ทั้งนั้น