อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2340 หมอนั่นสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?
หลัวลั่วชิงสังเกตเห็นความผิดปกติ เธอรีบส่งโทรจิตหาจางเซวียน “จางเซวียน ยิ่งหลุมดำนั่นกว้างใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น…”
“งั้นโจมตีกันเถอะ!”
เมื่อข้อสงสัยทั้งหมดได้รับการคลี่คลาย จางเซวียนชักดาบออกมา “สู้กันเลยก็แล้วกัน”
ฟิ้ววววว!
กระแสเจตจำนงเพลงดาบอันทรงพลังพวยพุ่งออกจากร่างของจางเซวียนขณะที่เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบขั้นจอมราชันย์
เทคนิคนี้บรรจุเอาความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของเขาไว้ ทำให้จางเซวียนขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธของเวทนาสวรรค์ได้เต็มพิกัด
ฟึ่บ!
จางเซวียนฟันฉับลงไป ตั้งใจจะฟันไอ้โหดให้ขาดครึ่ง
หลัวลั่วชิงก็โจมตีพร้อมกัน เธอสะบัดข้อมือ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ไอ้โหดด้วยมือที่กำดาบไว้แน่น
ศิลปะเพลงดาบของเธอเหมือนกับที่จอมราชันย์กระท่อมดาบใช้ มันมีแรงส่งต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ ราวกับทหารม้าที่พุ่งเข้าใส่ข้าศึก แต่ในเวลาเดียวกัน กระบวนท่าของเธอก็ให้ความรู้สึกของการเป็นอิสระและปราศจากการปิดกั้น
“ยอดเยี่ยม! การโจมตีของคุณถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แต่ยังอ่อนด้อยไปสักหน่อยหากจะใช้เล่นงานผม…” ไอ้โหดหัวเราะหึๆขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือ
ในชั่วพริบตา ฝ่ามือนั้นก็ดูจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า มิติโดยรอบแหลกสลายภายใต้แรงกดดัน ดูเหมือนทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวจะถูกสอยร่วงเพราะแรงปะทะจากการโจมตีของมัน
พลั่ก!
จางเซวียนกับหลัวลั่วชิงถูกพละกำลังจากฝ่ามือนั้นสอยกระเด็นไปพร้อมกัน ทั้งคู่กระอักเลือดออกมา
แม้จะผนึกกำลังกันแล้ว พวกเขาก็ยังสู้ไอ้โหดไม่ได้!
หมอนั่นสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?
“บังอาจ!”
ตัวโคลนของจางเซวียนตวาดก้องขณะเดินเข้าไป ทุกย่างก้าวของเขามีดอกบัวผลิบานอยู่เคียงข้าง เสียงน้ำไหลอยู่ภายในความว่างเปล่าดังแว่วมา
เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูไม่ต่างกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
เพราะได้ซึมซับดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า วรยุทธของตัวโคลนในเวลานี้จึงไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจางเซวียน
เขาเงื้อกำปั้น จากนั้นก็ใช้พละกำลังที่รุนแรงอย่างเหลือเชื่อต่อยไอ้โหด
ไอ้โหดโบกมือเพื่อตอบโต้ แล้วตัวโคลนก็ถูกสอยกระเด็น
พละกำลังของเขาไม่อาจเทียบชั้นกับไอ้โหดได้เช่นกัน
จางเซวียนยกมือปิดหน้าเมื่อเห็นภาพนั้น
ขนาดได้เป็นจอมราชันย์แล้ว ตัวโคลนของเขาก็ยังอดทำตัวโอหังไม่ได้ แทนที่จะเสียเวลาไปกับการวางท่าให้สวยงาม หมอนั่นควรจะถ่ายทอดพลังงานทั้งหมดที่มีเข้าสู่หมัดนั้นมากกว่า!
เจ้าโง่เอ๊ย…
“พวกเราก็ต้องลงมือแล้วนะ ถ้าพวกเขาแพ้ เรานี่แหละจะเป็นรายต่อไป!” ไก่น้อยตะโกนก้องขณะกางปีกสีดำของมัน ทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำจนทั่ว
จอมราชันย์อีก 6 คนรีบปล่อยการโจมตี
การผนึกกำลังกันของจอมราชันย์ทั้ง 7 นั้นหนักหน่วงพอที่จะทำลายน่านฟ้าไหนๆก็ได้ แต่คู่ต่อสู้ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าคือไอ้โหดซึ่งได้ซึมซับพลังงานชั่วร้ายไปหมดแล้ว เมื่อการโจมตีของพวกเขาเข้าถึงเป้าหมาย หลุมดำก็พลันขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะกลืนกินพละกำลังของจอมราชันย์ทั้งหมดเข้าไป
เพียงครู่เดียว แรงตีกลับจากการโจมตีนั้นก็กลับมาเล่นงานเหล่าจอมราชันย์อย่างดุเดือดกว่าเดิม
จอมราชันย์ทั้ง 7, จางเซวียน, ตัวโคลน และหลัวลั่วชิงถูกสอยกระเด็น
ขนาดพวกเขาผนึกกำลังกันแล้ว ก็ยังต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวของไอ้โหดไม่ได้
เจ้าชั่วช้านั่นทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว พวกแกตายเสียที!”
หลังจากเล่นงานทั้ง 10 จอมราชันย์ ไอ้โหดก้าวออกมาก้าวหนึ่งขณะเงื้อกำปั้นเพื่อโจมตีอีกครั้ง
“อวดดี แกมันปีศาจ!”
เสียงตวาดก้องดังขึ้นกลางอากาศ แล้วผู้อาวุโสของน่านฟ้าดาบสวรรค์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ด้วยการฟันฉับหนึ่งครั้ง กระแสดาบฉีเสี้ยวหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาปกป้องทุกคนไว้
“จอมราชันย์? เขาก็เป็นจอมราชันย์หรือ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
ที่ผ่านมา เพราะผู้อาวุโสเดินตามหลังชายหนุ่มที่เขาคิดว่าเป็นจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบมาตลอด จึงเข้าใจว่าอย่างมากอีกฝ่ายก็คงเป็นแค่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่ทันทีที่ผู้อาวุโสสำแดงพละกำลังออกมา ก็รู้ทันทีว่าเขาคือจอมราชันย์!
แต่ถ้าผู้อาวุโสเป็นจอมราชันย์…แล้วชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร?
“เขาคือจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์” หลัวลั่วชิงอธิบายขณะพยายามลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว…แล้วชายหนุ่มที่ผมพบในวันนั้นล่ะ?” จางเซวียนยังงุนงง
“เขาคือ…”
หลัวลั่วชิงกำลังจะตอบคำถาม ก็พอดีกับที่มิติตรงหน้าพวกเขาบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างปุบปับ ทำให้เศษเสี้ยวของกระแสดาบฉีเบนออกไป จากนั้นจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์ก็ถูกสอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้น เกิดเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่
แม้แต่จางเซวียนที่มีวรยุทธและความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบเหนือกว่าผู้อาวุโสก็ยังสู้กับไอ้โหดไม่ได้ จึงไม่มีทางที่ผู้อาวุโสจะต้านทานไอ้โหดได้นาน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จอมราชันย์? ก็แค่ตาเฒ่างี่เง่ากลุ่มหนึ่งที่พยายามถ่วงเวลา! วันนี้ผมจะกำจัดทั้ง 9 น่านฟ้าและทำลายสรวงสวรรค์ให้สิ้นซาก เปลี่ยนทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
หลังจากเล่นงานจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์แล้ว ไอ้โหดหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง มิติรอบบริเวณนั้นพังทลายอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่าการล่มสลายของสรวงสวรรค์กำลังใกล้เข้ามาเต็มที
“เรายังทำอะไรได้อีกบ้าง?” จางเซวียนกำหมัดแน่น
เขายอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเอาชนะไอ้โหด แต่คงโง่เง่าเต็มทีหากพยายามทำเรื่องเดิมๆที่เคยล้มเหลวมาแล้วขณะหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป
ทั้งเขาและตัวโคลนสำแดงพละกำลังเต็มพิกัด และหลัวลั่วชิงก็ใช้ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอแล้ว แต่ก็ยับยั้งไอ้โหดไม่ได้
หมอนั่นคือผู้ไร้เทียมทานในสรวงสวรรค์แห่งนี้จริงๆหรือ?
นี่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือนอกจากเฝ้าดูการล่มสลายของสรวงสวรรค์ด้วยความสิ้นหวัง?
“วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือปล่อยให้มลทินสวรรค์ของคุณกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ แล้วให้สวรรค์จัดการเขา” หลัวลั่วชิงตอบพร้อมกับกำหมัดแน่น
“คืนมลทินสวรรค์ของผมให้สรวงสวรรค์…”
จางเซวียนเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดนั้นทันที
หอสมุดเทียบฟ้าในตัวเขาคือเศษเสี้ยวสวรรค์ ซึ่งหากเขาส่งคืน ในท้ายที่สุดสรวงสวรรค์ก็จะสมบูรณ์ โดยเมื่อสรวงสวรรค์ได้สภาวะเดิมกลับคืนมา กฎเกณฑ์ของสรวงสวรรค์ก็จะถูกนำมาบังคับใช้ พวกเขาจะสามารถซ่อมแซมรอยร้าวของมิติและกำจัดไอ้โหดออกไปจากโลกใบนี้ได้
เพียงแต่แผนการนี้ก็ยังมีปัญหา…
“ตอนนี้ไอ้โหดแข็งแกร่งเกินไป ขนาดพวกเราผนึกกำลังกันก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้ แล้วสวรรค์จะทำได้หรือ? ต่อให้มันสมบูรณ์แล้วก็เถอะ…” จางเซวียนส่ายหน้าขณะยังคงสงสัย
กฎเกณฑ์ของสรวงสวรรค์ทรงพลังก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การที่เหล่าจอมราชันย์สามารถเปิดรอยแยกแห่งมิติและเดินทางทะลุมิติได้ก็เป็นหลักฐานที่บอกชัดเจนแล้ว
ด้วยพละกำลังล้นเหลือของไอ้โหด สรวงสวรรค์จะใช้กฎเกณฑ์ที่มีอยู่เล่นงานอีกฝ่ายได้หรือ?
“เอ่อ…” หลัวลั่วชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหน้าเสีย “คุณพูดถูก สรวงสวรรค์เอาชนะไอ้โหดไม่ได้หรอก แต่หากสรวงสวรรค์กลับคืนเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เขาก็อาจฟื้น ด้วยพละกำลังของเขา เขาย่อมจัดการไอ้โหดได้ไม่ยาก!”
“เขา?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“ฉันจะพาคุณไปพบเขาเดี๋ยวนี้แหละ เขาอยู่ที่น่านฟ้าเสรี…”
หลัวลั่วชิงสูดหายใจลึก จากนั้นก็จับมือของจางเซวียนไว้แน่นและรีบเปิดรอยแยกแห่งมิติ
“คิดจะหนีต่อหน้าต่อตาผมงั้นหรือ?” ไอ้โหดคำรามขณะปล่อยพลังจากฝ่ามืออีกครั้ง
พลั่ก!
หลัวลั่วชิงถูกสอยร่วงลงจากกลางอากาศ
“แก ไอ้ชาติชั่ว!”
จางเซวียนโมโหเดือดกับการโจมตีของไอ้โหด เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบออกมาเล่นงานอีกฝ่ายทันที
แต่ศิลปะเพลงดาบนั้นก็ถูกพละกำลังของไอ้โหดเอาชนะอย่างง่ายดาย
“คุณสองคนน่ะรีบไปเถอะ พวกเราทางนี้จะถ่วงเวลาให้!” ไก่น้อยร้องออกมา
รู้ดีว่าทั้งสองไม่ได้พยายามจะออกไปเพื่อหลบหนี แต่เพื่อหาทางช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ เหล่าจอมราชันย์ที่เหลือจึงรีบสำแดงกระบวนท่าเพื่อเล่นงานไอ้โหดเป็นการถ่วงเวลา หลัวฉีฉีกลายร่างเป็นเครื่องเก็บงำมิติเพื่อบังคับมิติที่อยู่โดยรอบให้หยุดนิ่ง
“ไปกันเถอะ!”
เห็นทุกคนตรงเข้าเล่นงานไอ้โหดโดยไม่หวั่นกลัวความตาย จางเซวียนตาแดงก่ำ เขารู้ดีว่าเวลากระชั้นชิดเต็มที จึงรีบโอบเอวหลัวลั่วชิงไว้ก่อนจะเปิดรอยแยกแห่งมิติและกระโจนเข้าไปในนั้นพร้อมกับเธอ
พริบตาต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงน่านฟ้าเสรี
น่านฟ้าเสรีไม่ได้ดูเหมือนเมืองฟ้าอมรอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว การล่มสลายของสรวงสวรรค์ทำให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทุกหนแห่ง โดยศูนย์กลางของสรวงสวรรค์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
จางเซวียนมองสาวน้อยในอ้อมกอดและตั้งคำถาม “คนที่คุณพูดถึงน่ะเป็นใคร?”
ถ้าบุคคลที่เธอพูดถึงสามารถช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ได้ ต่อให้เขาต้องสละชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ท่านพ่อของฉันเอง” หลัวลั่วชิงรีบปล่อยพลังปราณเข้าเยียวยาบาดแผลของเธอขณะอธิบาย “หยดเลือดที่อยู่ในจี้ที่ฉันมอบให้คุณคือเลือดของเขา และจอมราชันย์อมตะก็เคยเป็นอสูรของเขาด้วย…”
“ท่านพ่อของคุณ?” จางเซวียนตาโต
นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมเลือดที่อยู่ในจี้ของเขาถึงแสดงออกได้คล้ายกับหลัวลั่วชิงมาก แต่ก็ยังมีบางอย่างที่แตกต่างกันอยู่
แถมจอมราชันย์อมตะก็ยอมรับเขาเป็นเจ้านายโดยไม่ลังเลหลังจากได้เห็นจี้อันนั้น
“ท่านพ่อของคุณก็เป็นจอมราชันย์…หรือว่ามีพละกำลังเหนือกว่าจอมราชันย์เสียอีก?” จางเซวียนถาม
หยดเลือดที่อยู่ในจี้มีอานุภาพระงับความปั่นป่วนของหอสมุดเทียบฟ้าและคืนสติให้กับหัวสมองของเขา นั่นคือความสามารถที่แม้ตัวเขาในเวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่เขาเคยฟังจากหลัวลั่วชิง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเธอมาก
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมถึงอยู่ในภาวะโคม่า?
แล้วการที่สรวงสวรรค์กลับคืนเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งจะทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนสติได้อย่างไร?
หลัวลั่วชิงกำหมัดแน่นก่อนจะตอบข้อสงสัยของจางเซวียนอย่างลังเล “เขาไม่ได้เป็นจอมราชันย์…แต่เป็นสรวงสวรรค์!”
“สรวงสวรรค์? คุณกำลังบอกว่าท่านพ่อของคุณคือสรวงสวรรค์?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อหู
“ใช่แล้ว เมื่อ 50 ปีก่อน ท่านพ่อของฉันไม่อาจต้านทานพละกำลังของฝ่ามือขนาดมหึมานั้นได้ ลงท้ายจึงตกอยู่ในภาวะโคม่า ในเวลาเดียวกัน สรวงสวรรค์ก็แตกออกเป็น 3 เศษเสี้ยว โดยลิขิตสวรรค์กับมลทินสวรรค์ร่วงลงสู่มิติที่สับสนวุ่นวาย ตัวฉันกลายเป็นผู้ดูแลสภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ ซึ่งหลังจากนั้นก็รับภาระดูแลรักษาความเสถียรของสรวงสวรรค์มาตลอด…”