Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ - ตอนที่ 1224
ตอนที่ 1224 เป็นหรือตาย?
ทางด้านสนามรบขุนเขาเหนือขุนเขา
พายุสงครามสงบลงในที่สุด
ในท่ามกลางโลกที่แตกสลาย มีเพียงคนผู้เดียวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ นั่นคือจีอู๋ลี่ที่รู้จักกันในนามอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่คนลึกลับก็ยังปรากฏตัวออกมาลงมือทำร้ายเขา แต่ขณะนี้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผลรอยบอบช้ำลึกล้ำนับไม่ถ้วนมองดูน่าสยดสยอง ต่อหน้าผู้คนอื่นจีอู๋ลี่จะสูงส่งเทียบได้กับเทพเจ้า เลือดของเขาหยดลงบนพื้น กระดูกซี่โครงหัก กระดูกมือแตกจนมิอาจกำหมัดได้
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้
และนี่
ทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของศัตรูในชีวิตอีกคนหนึ่งของเขา ไม่ใช่เย่ว์ไตตันที่จีอู๋ลี่ระบุตัวไว้ แต่เป็นศัตรูที่เขาแทบละเลย และเป็นศิษย์ของคนลึกลับ หนึ่งในสามจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตก จิ่วเซียว!
“น่าเสียดาย!” มีเสียงดังเหมือนภูตพรายถูกดูดหายเข้าไปในหลุมดำอย่างแปลกประหลาด “ปรากฏว่าเจ้ามีพลังมหาศาลซ่อนเอาไว้ มิน่าเล่าเจ้าถึงกล้าคุยโวอย่างไม่ละอายปาก อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น การต่อสู้จะอยู่กับเจ้าตลอดไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ข้าสัญญาเลยว่าจะตามพัวพันเจ้าอย่างไม่มีวันจบ!”
“จิ่วเซียว” จีอู๋ลี่ได้ยินอย่างนั้นดวงตาของเขาปรากฏแววโกรธทันที แต่เขารีบสงบอารมณ์ทันที
เขาสูดหายใจลึก
พยายามควบคุมอารมณ์หลังจากได้รับบาดเจ็บจากพลังโจมตี
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูส่วนตัว จีอู๋ลี่ยอมพูดก่อนโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธนำหน้า แต่พยายามโน้มน้าวอย่างดีที่สุด “ในอดีตที่ผ่านมาเราเป็นเหมือนพี่น้องกัน ไม่ว่าเจ้าจะมีอคติหรือเกลียดชังข้าในเรื่องใด ข้าก็ยอมอดทนเจ้าอยู่เงียบๆ ไม่ได้โต้ตอบโต้เถียงเจ้า อย่างไรก็ตามก่อนที่เจ้าจะระบายอารมณ์แก้แค้นตามความพอใจของเจ้า ข้าอยากจะบอกความจริงเจ้าสักสองสามคำ ไม่ว่าเจ้าจะยินดีรับฟังหรือไม่ ข้าอยากให้เจ้าเปิดโอกาสให้ข้าแสดงความจริงใจ! จิ่วเซียว! การต่อสู้ครั้งนี้มันทำให้ใจข้าหดหู่ ข้าเชื่อว่าเจ้าก็รู้สึกทรมานเหมือนกัน เราทั้งหมดเป็นอัจฉริยะ เป็นกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแดนสวรรค์ เรามีสติปัญญาและรู้วิธีปกปิดตัวตนและความแข็งแกร่งไม่ให้ภายนอกเห็น หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง ในบางมุมมองเราคล้ายกันมาก เหมือนกับพี่น้องฝาแฝด!”
เสียงของจิ่วเซียวเย็นชาและดังออกมาจากหลุมดำอย่างน่าประหลาด “ข้าไม่ปฏิเสธว่าเจ้ากับข้ามีความคล้ายกัน หึหึ พูดให้ถูกเราเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัวมากกว่า! เราไม่เคยเชื่อใจคนอื่น ต่อให้เป็นอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับนับถือในใจมากที่สุดก็ตาม จีอู๋ลี่! เจ้ายังคิดจะโน้มน้าวใจข้าอีกหรือ เจ้าไม่เข้าใจหรือยังไง?”
จิ่วเซียวเยาะเย้ยตรงๆ “เจ้ากับข้า ไม่สามารถเชื่อใครได้นอกจากตัวเอง ทำไมเจ้าถึงคิดว่าทำให้ข้าเปลี่ยนใจได้? น่าขัน, อย่าวว่าแต่ตัวเจ้าเลย ต่อให้เป็นน้องชายฝาแฝดของข้า ถ้าโลกนี้มีจิ่วเซียวอีกคนหนึ่ง ข้าจะไม่มีวันเชื่อเขา!”
“เห็นด้วย, เราทุกคนถนัดมือซ้าย เพราะไม่วางใจมือขวา!” จีอู๋ลี่ไม่ปฏิเสธ
“เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงพูดไร้สาระอยู่อีก?” จิ่วเซียวตะโกนเย้ยหยัน
“ข้าไม่คิดเรื่องจะโน้มน้าวเจ้า ข้าเพียงแค่ต้องการให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดกับเจ้า” จีอู๋ลี่แหงนหน้าหัวเราะ “เราทุกคนล้วนแต่ฉลาด เราก็ควรเข้าใจถึงความเป็นจริงกันทุกคนด้วย การต่อสู้กันระหว่างเรามีแต่สูญเสียกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งล้มตายลง อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องได้ผลกระทบบาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก”
“เจ้าหมายความว่าใครบางคนจะได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ระหว่างเรา?” จิ่วเซียวยิ้มและกล่าว “ถ้าเจ้ากำลังจะพูดถึงซิวคง อย่างนั้นเจ้าไม่ต้องเปลืองน้ำลายกล่าว”
“ซิวคงก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง และเขาถูกลิขิตว่าจะต้องประสบความสำเร็จระดับสูง” จีอู๋ลี่ส่ายหน้ากล่าว “แต่เขาไม่ใช่คนที่ไล่ล่าเรา!”
“ไม่ใช่ซิวคง อย่างนั้นก็เป็นหมิงเยี่ยกวงใช่ไหม?” จิ่วเซียวถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้าเจ้าพยายามเปลี่ยนเป้าหมายของเจ้าไปที่หมิงเยี่ยกวง ข้าเสียใจด้วย ความคิดที่ไร้เดียงสาของเจ้าจะไม่มีทางบรรลุได้! สำหรับหมิงเยี่ยกวงข้าแค่ต้องการพูดเรื่องเพียงสองเรื่อง ประการแรกไม่ว่าเจ้าจะขัดขวางอย่างไร เจ้าก็ไม่สามารถขัดขวางความก้าวหน้าของนางได้ นางจะก้าวหน้าไปเป็นเทพในอนาคต ประการที่สอง ถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะเปลี่ยนจากเกลียดเจ้าไปเป็นหมิงเยี่ยกวงนั่นเป็นข้อผิดพลาดใหญ่ ต่อให้หมิงเยี่ยกวงปกครองแดนสวรรค์ตะวันตก ข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางมากเกินไป นางไม่ใช่ศัตรูของข้าในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็น และจะไม่ใช่ศัตรูในอนาคตด้วย ความจริงต่อหน้าคนอื่นข้าจะทำตัวเหมือนเป็นคู่แข่งนางเพื่อให้คนภายนอกมองเห็นภาพลวงตาในระหว่างสามจอมภพแดนสวรรค์ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องต่อสู้กับหมิงเยี่ยกวงหรือซิวคง ข้าเพียงแค่ตื่นตัวและระวังสองคนนี้ แต่จะไม่เป็นศัตรูกับพวกเขา!”
“จะเป็นยังไงเล่า ถ้าข้าพูดถึงเย่ว์ไตตัน?” จีอู๋ลี่ยิ้มทันที “เจ้าได้อยู่ได้ต่อสู้ในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้มาก่อน ควรจะเข้าใจว่าระดับความเติบโตของเขาน่ากลัวเพียงไหน!”
“ข้าต้องการฆ่าเขาจริงๆ!” จิ่วเซียวยอมรับว่าเย่ว์หยางคือศัตรูที่น่ากลัว
“หากเรายังสู้กันต่อไป อย่างนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะเติบโตอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายไร้แรงกดดัน!” จีอู๋ลี่พยายามโน้มน้าว “เขาคือความหวังของหอทงเทียน เราควรจะฆ่าเขาก่อนแล้วค่อยมาต่อสู้ตัดสินชะตากันระหว่างเรา”
“เจ้าคิดสวยหรูจริงๆ!” จิ่วเซียวเหยียดหยามเขา
“ว่าไงนะ?” จีอู๋ลี่ไม่เข้าใจทำไมจิ่วเซียวถึงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา
“คิดจะให้ข้าต่อสู้กับเย่ว์ไตตันต่อใช่ไหม? จะให้ข้ากระตุ้นกลุ่มคนที่อยู่ในหอทงเทียน จากนั้นก็ทำเช่นเดียวกับจักรพรรดิอวี้ในปีนั้น ปล่อยให้เย่ว์ไตตันและกลุ่มนักสู้หอทงเทียนทุ่มเทกำลังผนึกข้าเอาไว้ แต่ครั้งนี้ข้าไม่มีอสูรพิทักษ์ที่ภายนอกรอข้าอีกแล้ว จีอู๋ลี่! เจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ บางทีเจ้าอาจรวมแดนสวรรค์เป็นหนึ่งได้ แต่รากฐานของข้าถูกเจ้ายึดไปแล้ว” จิ่วเซียวยิ้มกว้างแปลกประหลาด ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาเหมือนมีดเชือดเฉือน “จีอู๋ลี่! เจ้าคิดผิดแล้ว คิดว่าจะหลอกข้าได้เป็นครั้งที่สองหรือ? ความรุ่งเรืองของหอทงเทียนเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? การเติบโตของเย่ว์ไตตันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ข้าจิ่วเซียวไม่ใช่เป้าหมายแรกของพวกเขา ตราบใดที่ข้าไม่สนใจพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มองหาเป็นศัตรูกับข้า ไม่ว่าจะเป็นหอทงเทียนหรือเย่ว์ไตตันผู้ที่มีพรสวรรค์มากกว่าเจ้า เป้าหมายของพวกเขาคือเจ้าและตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญคือเขาเป็นศัตรูของเจ้า ทำไมข้าจึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้มากไปกว่านี้ด้วย? เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ข้าจะไม่ไปสถานที่ผีสางอย่างหอทงเทียนอีก ไม่ว่าเจ้าจะใช้คำพูดอะไร หรือใช้แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ บันไดสวรรค์ สมบัติโบราณหลอกล่อก็ตาม ข้าเชื่อว่ามีของเหล่านี้อยู่ที่นั่น แต่ข้าทราบอย่างชัดเจนว่าบางอย่างในโลกนี้ไม่ใช่ของๆ ข้า สิ่งใดที่มิใช่ของข้า ข้าก็มิอาจบังคับได้ หากคัมภีร์เทพจะตกเป็นของข้า ต่อให้ข้าไม่ทำอะไรก็ตาม โชคชะตาจะพาข้าไปทำให้ได้รับคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพได้ เจ้าคิดว่าข้าจะโลภหนักเท่าเจ้าหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า จีอู๋ลี่เอย… ความจริงแล้วเจ้าเป็นคนโง่ที่สุดในโลก ทุกคนล้วนรู้ว่าของวิเศษระดับเทพเลือกเจ้านาย เป็นเช่นนี้ตลอดไป ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ตาม เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอจะได้รับคัมภีร์เทพหรือ? เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยหรือ?”
“ชื่ออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ต้องหลุดลอยไป เจ้าไม่อายบ้างหรือ?”
“อยู่ต่อหน้าตงฟาง เจ้านับเป็นตัวอะไรได้?”
“แม้ว่าเจ้าไม่ได้พูดถึงตงฟางเกี่ยวกับสติปัญญาที่ยอดเยี่ยม ยังไม่ต้องพูดถึงอาจารย์ของเจ้าผู้มีภูมิปัญญาและพรสวรรค์อย่างแท้จริง ยังมีสองสามคนที่หนุนอยู่เบื้องหลังเจ้า เจ้ามีเจ้าตำหนักสูงสุดเป็นอาจารย์ เจ้าอยู่ในสามตำหนักใหญ่ เป็นหนึ่งในเจ้าตำหนักผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าคิดว่าเจ้าเหนือกว่าเจ้าตำหนักอีกสองคนหรือ? ถ้าเจ้าไม่มีโอกาสที่ดีที่สุดเพราะเจ้าตำหนักสูงสุดประทานให้เจ้า เจ้ายังจะมีความสำเร็จถึงทุกวันนี้หรือ? จีอู๋ลี่! นี่คือส่วนที่ข้าดูแคลนเจ้ามากที่สุด เสียทีที่เจ้ามีสภาพแวดล้อมในการเติบโตที่ดีที่สุดและมีทักษะแฝงเร้นเติบโตที่ดีที่สุดจริงๆ!”
“เอาเถอะ, ข้าพูดมาพอแล้ว ข้าไม่ชอบกลิ่นแบบนั้น เห็นเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ข้าจะไม่พูดให้มากไปกว่าเจ้า เชิญเจ้ารักษาความผยองว่าเหนือกว่าสหายคนอื่นต่อไปได้เลย ความเย่อหยิ่งของเจ้าได้บดบังสายตาเจ้ามานาน สายตาของเจ้าเห็นผู้อื่นได้แต่เฉพาะผิวเผินเท่านั้น ไม่มีทางเห็นเนื้อในของคนอื่น บางทีเจ้าอาจลืมไปนานแล้วว่า นางพญาผู้พิชิตกวาดชัยชนะไปทั่วแดนสวรรค์ในปีนั้น สิ่งที่ตามมาเจ้ากลับคิดว่าจะรวบรวมแดนสวรรค์ได้อย่างไร? ในตอนนี้ข้าจะไม่พูดอะไรถึงเย่ว์ไตตันหรือหมิงเยี่ยกวงอีก สุดท้ายข้าอยากจะเตือนเจ้าว่า ถ้านางพญาผู้พิชิตปรากฏตัวอีกครั้ง ถ้าเจ้าคิดว่าจะต้อนนางจนเหมือนสุนัขตกน้ำและหลงทาง ขอบอกเลยว่าเจ้ากำลังฝันกลางวัน!”
เสียงของจิ่วเซียวค่อยๆ จางหายไปจนกระทั่งไม่ได้ยิน
หลุมดำที่ใกล้แตกทำลายในท้องฟ้า แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยหายไปในท่ามกลางความว่างเปล่า
จีอู๋ลี่ยืนลอยค้างอยู่ในกลางอากาศ เขาถูกจิ่วเซียวเย้ยหยันดูถูกก็ยิ่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด เขารู้ว่ายากจะโน้มน้าวศัตรูผู้ดึงดันคนนี้ได้ แต่อย่างน้อยก็หว่านความขัดแย้งระหว่างจิ่วเซียวและเย่ว์ไตตันได้กลายเป็นพลังสามเส้าคอยถ่วงดุลกันได้
น่าเสียดายที่จิ่วเซียวไม่ยอมหลงกล
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งจิ่วเซียวและเย่ว์ไตตันต่างรอเล่นงานเขาทั้งคู่
แม้แต่ในอนาคต ยังมีหมิงเยี่ยกวงและนางพญาผู้พิชิตซึ่งไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวออกมาอีกเมื่อใด
เขายืนอยู่ในกลางอากาศเงียบๆ และพูดไม่ออกอยู่นาน เขาไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของจิ่วเซียว ไม่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อย่างหนักก่อนหน้านั้น ตรงกันข้ามเมื่อครู่นี้ เขายังดีกว่าจิ่วเซียวอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้ใช้ไม้ตายสุดท้าย และรอให้จิ่วเซียวทุ่มพลังโจมตีอยู่นาน
จีอู๋ลี่ชนะการต่อสู้ แต่เขาไม่มีความสุข
เพราะสำหรับเขา ชัยชนะเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว
เขาไม่ได้บดขยี้ร่างจิ่วเซียวอย่างเต็มที่เนื่องจากเขายังรู้สึกได้ถึงความล้มเหลวและตื่นตัว! จิ่วเซียวเคยถูกจักรพรรดิอวี้ผนึกไว้นานหลายพันปี ก็ยังมีพลังมากมายขนาดนั้น เขาแทบถูกบังคับให้ใช้ไม้ตายก้นหีบ ต้องบอกว่าจิ่วเซียวเป็นคู่แข่งที่เทียบได้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์!
“นายท่าน, เราควรจะเลื่อนเป็นระดับเทพดีกว่า! เราอยู่ในชั้นกึ่งเทพนานเกินไปแล้ว!” เสียงที่น่ากลัวดังออกมาจากด้านข้างของจีอู๋ลี่
“ถ้าเราทุกคนเลื่อนระดับเป็นนักสู้ชั้นเทพผ่านพลังต้องห้ามกันทุกคน เราจะสามารถเอาชนะจิ่วเซียวได้” อู่หวังพยักหน้ารับรอง
“เรายังมีเลือดทาสแสนคน บวกกับขุนเขาเหนือขุนเขาที่นี่แล้ว นับว่าเพียงพอ”
“หลังจากดูดซับพลังต้องห้าม ก็น่าจะเป็นช่วงสุดท้ายที่ตงฟางและหอทงเทียนต่อสู้กันจนถึงที่สุด เรารอคอยโอกาสแล้วค่อยฆ่าช่วงชิงชัยชนะสุดท้าย ถ้าท่านมีพลังเทพก็จะทำให้การต่อสู้นี้ราบรื่นไม่มีปัญหาแน่นอน นายท่านอย่าได้ลังเลอีกต่อไป”
“……” จีอู๋ลี่ขมวดคิ้วประเมินผลได้และผลสูญเสียอยู่นาน
มิทราบเวลาผ่านไปนานเท่าใด
หลังจากรักษาตนเองจนใกล้จะหายดี เขากล่าว “การเลื่อนชั้นเป็นระดับเทพเป็นเรื่องจำเป็น แต่ก่อนอื่นข้าต้องการดูเว่ยกวงฆ่าเย่ว์ไตตัน คนผู้นี้ถ้าไม่ถูกกำจัดออกไป แดนสวรรค์จะอยู่ไม่เป็นสุข! แม้ว่าจิ่วเซียวจะน่ากลัว แต่ก็ไม่มากไปกว่าเย่ว์ไตตันอย่างแน่นอน ถ้าจิ่วเซียวเป็นหมาป่าเดียวดาย เย่ว์ไตตันก็เป็นพยัคฆ์ร้ายที่สามารถกลืนกินทั้งภูเขาได้ รอให้เสือร้ายนี่เติบโตขึ้น ทั้งแดนสวรรค์จะไม่สามารถเติมเต็มความอยากของเขาได้!”
อสูรสยองขวัญและอสูรอู่หวังเห็นด้วยกับคำพูดของจีอู๋ลี่ แต่ทั้งคู่ละอายใจเล็กน้อย “เทพปีศาจเว่ยกวงทรงพลังก็จริง แต่น่าเสียดาย”
จีอู๋ลี่ยิ้มมีสีหน้าภูมิใจ “วางใจได้! ก่อนที่ข้าจะเข้าหุบเขามนุษย์ข้าได้ส่งคนไปหาคนผู้หนึ่งให้ช่วยปลดผนึก… เดิมทีข้าต้องการจะกินพลังของเทพปีศาจเว่ยกวง แต่น่าเสียดาย มีเหตุเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ดังนั้นถ้าเจ้าเด็กนี่มา ครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าเด็กนี่ทั้งเป็น!”
ขณะนั้นเย่ว์หยางพักผ่อนอย่างสบายใจในโลกคัมภีร์
เขากำลังเพลิดเพลินกับเนื้อย่างเลิศรส
เย่ว์หวี่ปิ้งแล้วป้อนให้เขา อู๋เหินก็ช่วยป้อน และแม้แต่จุ้ยมาวอี้ก็ช่วยป้อนให้เขา แม้แต่เป่าเอ๋อ กระทั่งหนิวหนิวก็ยังช่วยกินช่วยป้อนเช่นกัน ในที่สุดเขามองดูขาไก่ที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนย่างจนไหม้เกรียม เขาอดเรอออกมามิได้ ก่อนที่แม่เสือจะเอาขาไก่ยัดใส่ปากเขา “อย่าบอกนะว่าจะให้ข้ากินขาไก่ย่างนั่น ข้าจะเป็นราชาพุงกางไร้เทียมทานอยู่แล้ว โอวพระเจ้า, เจ้าใส่เกลือไปกี่กิโลกันแน่ เจ้าน่าจะลดเกลือกับน้ำตาลได้ไหม? ถ้าจะมีอะไรน่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ก็คงจะเป็นเรื่องเค็มแทบตายนี่แหละ!”