Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1048 : ‘สายลับ’ แท้และเทียม
ภายในวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทา เมื่อคำพูดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์สิ้นสุดลง ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน
ฝ่ายกษัตริย์ร่วมมือกับสมาคมแปรจิตเพื่อสอบสวนเรากับซิล… สมาคมแปรจิตถือกำเนิดจากการค้นพบโบราณสถานของเฮอร์มิส… เฮอร์มิสเป็นสมาชิก ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ … ผู้นำสูงสุดของสภานักสิทธิ์สนธยาคือ ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัม… และซิลกับเราเคยเอ่ยถึงอาดัมในโลกความจริง… กำลังจะบอกว่า… เราถูกจับตามองโดยราชาเทวทูต? ในโลกแห่งศาสตร์เร้นลับ แค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ชะตากรรมของคนเราต้องเผชิญอันตรายในระดับนี้เชียว? ในหัว ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเต็มไปคำเตือนของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ความหวาดกลัวนานัปการผุดขึ้นภายในใจ
แม้ว่าเธอจะเคยมีประสบการณ์มากมายในอดีต แต่ก็ไม่เคยรู้สึกอย่างชัดเจนมาก่อน ว่าโลกแห่งศาสตร์เร้นลับจะเต็มไปด้วยขวากหนามที่อันตรายเช่นนี้ ความผิดพลาดใดๆ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายสุดขั้ว
ในอนาคตเราต้องระมัดระวังให้มากขึ้น… แน่นอน ก่อนอื่นก็ต้องมีชีวิตรอดจากเฝ้ามองของอาดัมให้ได้! มิสเตอร์ฟูลได้โปรดอวยพรด้วย! ฟอร์สไตร่ตรองอย่างจริงจัง สวดวิงวอนเงียบๆ ในใจ
‘จัดจ์เมนต์’ ซิลคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์ของเธอจะเลวร้ายขนาดนี้ กลับกลายเป็นว่า ราชาเทวทูตมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย เลี่ยงไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปสักพัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคยมีความคิดที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ยอมเสียสละกระโดดขวางน้ำเชี่ยว เพียงไม่นานจิตใจก็สงบลง เธออดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปทางเมจิกเชี่ยน ภายในใจเกิดความรู้สึกผิดที่ลากเพื่อนสนิทเข้ามาในวังวนแห่งความวุ่นวาย
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว การร้องไห้ฟูมฟายและการคร่ำครวญ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อีกต่อไป เราทำได้เพียงตั้งสติรับมือให้ดีที่สุด อย่าทำให้ฟอร์สต้องตกที่นั่งลำบาก… โชคดีที่มีมิสเตอร์ฟูลคอยปกป้อง… ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลพูดกับตัวเองในใจ ตามด้วยหันไปกล่าวกับ ‘จัสติส’ ออเดรย์
“แล้วฉันควรทำยังไงต่อ”
สำหรับเรื่องที่มิสจัสติสเป็นผู้ ‘ชักชวน’ ซิลเกิดความรู้สึกซับซ้อน ในแง่หนึ่ง เธอเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายมองชุมนุมทาโรต์ในเชิงบวก และการแนะนำดังกล่าวเกิดจากเจตนาที่ดี แต่ในอีกแง่หนึ่ง เธอค่อนข้างขุ่นเคืองใจที่จู่ๆ ก็ถูกตัวตนลึกลับจับตามองอย่างไร้เหตุผล โชคดีที่เป็นมิสเตอร์ฟูล ไม่อย่างนั้นเธอคงตายอย่างอนาถ บางทีแม้วิญญาณก็ไม่ได้หลับพักผ่อน
แต่อันที่จริง… เราเลือกที่จะเอ่ยพระนามเต็มของมิสเตอร์ฟูลโดยสมัครใจ ไม่ได้ถูกรบเร้าจากภายนอก… การที่ได้มานั่งตรงนี้ เป็นเพราะเราเลือกทางเดินของตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับมิสจัสติส… นอกจากนั้น หากไม่ใช่เพราะการแนะนำของเธอ เราคงไม่มีโอกาสล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ได้พัฒนาตัวเองและตามหาความจริง… ซิลเม้มริมฝีปากล่าง สูดลมหายใจเข้าลึก
‘จัสติส’ ออเดรย์ย่อมรู้ว่า ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ มีความเกี่ยวข้องกับเฮอร์มิสและอาดัม จึงเป็นคนที่สุขุมที่สุดในเวลานี้ เพียงแค่คาดไม่ถึงว่า การเอ่ยชื่ออาดัมของฟอร์สและซิลจะทำให้ถูกอีกฝ่ายจับตามอง
นั่นทำให้เธอตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า ทุกการเอ่ยถึงจะถูก ‘ล่วงรู้’
ถึงตรงนี้ ออเดรย์หันไปมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์และเริ่มตีความคำพูดของอีกฝ่าย
“มิสเตอร์ฟูลยังไม่อยากเป็นศัตรูโดยตรงกับสภานักสิทธิ์สนธยาในตอนนี้… แปลว่าลงมือโดยอ้อมได้?”
ไคลน์พยักหน้า
“มันควรจะเป็นเช่นนั้น”
“ลงมือโดยอ้อม… รวมถึงการแทรกแซงผลการทำนาย การเฝ้ามอง และพลังพยากรณ์ด้วยไหม?” ‘จัสติส’ ออเดรย์ถามครุ่นคิด
ในชุมนุมย่อยแห่งนี้ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือตัวแทนเจตจำนงของเดอะฟูล
ไคลน์หัวเราะในลำคอ:
“โดยอ้อมมากกว่านั้นอีกสักนิด”
คำตอบของมันค่อนข้างคลุมเครือ เพราะเดอะฟูลเองก็ยังไม่รู้ว่าตนทำอะไรได้บ้าง
บทสนทนาระหว่างทั้งสองคล้ายกับสร้างแรงบันดาลใจอัลเจอร์ มันรีบหันไปมองจัสติส จัดจ์เมนต์ และเมจิกเชี่ยนฝั่งตรงข้าม
“มีใครในหมู่พวกคุณนับถือเทพธิดารัตติกาลบ้าง?”
มันค่อนข้างมั่นใจ อย่างน้อยหนึ่งในสตรีสามคนนี้ต้องเป็นผู้ศรัทธาเทพธิดารัตติกาล เพราะท้ายที่สุด เมื่อพิจารณาจากปัจจัยสำคัญสามข้อซึ่งประกอบด้วย: อาณาจักรโลเอ็น กรุงเบ็คลันด์ และเพศหญิง คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มสูงที่จะนับถือเทพธิดารัตติกาล
“ฉัน…” ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลไม่ปิดบัง
‘จัสติส’ ออเดรย์เองก็ยกมือครึ่งแขน
ได้เห็นภาพตรงหน้า ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ผงกศีรษะรับ
“พวกเราสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้ ให้สมาคมแปรจิตเข้าใจว่ากองกำลังที่จัดการเฮอร์วิน·แรมบิสคือโบสถ์รัตติกาล ไม่ใช่ชุมนุมทาโรต์”
กล่าวถึงตรงนี้ อัลเจอร์จงเปลี่ยนสรรพนามส่วนตัวอย่างชาญฉลาด เห็นได้ชัดว่า แม้มันได้รับเชิญมาในฐานะ ‘ที่ปรึกษา’ และจะไม่ลงแรงหรือเอาตัวเข้าไปเสี่ยง แต่กลับยังเลือกใช้สรรพนามแทนว่า ‘เรา’
โยนความผิดให้โบสถ์รัตติกาล… ชุดความคิดแบบนี้… คุ้นเคยชะมัด… ไคลน์ซึ่งอยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พลันเกิดอารมณ์ขันเล็กๆ
“แล้วจะทำให้ศัตรูเข้าใจผิดด้วยวิธีใด” ‘จัสติส’ ออเดรย์จ้องหน้าพร้อมกับถาม
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์มองไปรอบๆ และกล่าว
“เฮอร์วิน·แรมบิสทำเพียงสะกดจิตคุณเพื่อกำชับว่าห้าม ‘ขอความช่วยเหลือ’ และพยายามหลีกเลี่ยงพิธีมิสซาใหญ่ของโบสถ์รัตติกาล แต่ไม่ได้บอกให้หลบหน้าอาร์ชบิชอป… คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ หาโอกาสเข้าพบอาร์ชบิชอป แน่นอน คุณไม่ต้องเล่าอะไรให้เขาฟัง… และเมื่อเฮอร์วิน·แรมบิสตายหรือหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา สมาคมแปรจิตจะเริ่มสงสัยว่า โบสถ์รัตติกาลพบความผิดปรกติในตัวคุณและทำการขุดหลุมพรางดัก”
โดยไม่รอให้มิสจัสติสตอบ มันมองไปที่ “ทดลอง” ซิลอีกครั้ง:
Without waiting forมิสจัสติส to respond, he looked at Xio.
“หลังจากที่คุณถูกสะกดจิต ก่อนจะเดินทางออกจากเบ็คลันด์ แวะไปยังวิหารของโบสถ์รัตติกาลที่อยู่ใกล้เคียง สวดวิงวอนอย่างเอาจริงเอาจัง ทำตัวราวกับเป็น ‘สายลับ’ ที่โบสถ์รัตติกาลส่งไปแทรกซึมในชุมนุมทาโรต์… วิธีนี้จะทำให้สมาคมแปรจิตเข้าใจผิด คิดว่าความตายของเฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งดูเหมือนจะเป็นฝีมือของชุมนุมทาโรต์ แท้จริงแล้วเป็นแค่การตบตา แต่ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงคือโบสถ์รัตติกาล”
ทำตัวเป็นสายลับที่โบสถ์รัตติกาลส่งมาแทรกซึมชุมนุมทาโรต์… หืม… ไคลน์รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
มันคือข้ารับใช้แห่งรัตติกาลตัวจริงเสียงจริง!
และเลียวนาร์ดก็ไม่ใช่ ‘ถุงมือแดง’ ปลอมเช่นกัน!
หรือเล่าให้เห็นภาพยิ่งกว่านั้น… ประธานใหญ่ของชุมนุมทาโรต์อย่าง ‘มิสเตอร์ฟูล’ ทุกวันนี้ก็ยังวาดพระจันทร์แดงกลางหน้าอก… ไคลน์รำพันติดตลก ขณะเดียวกันก็ผุดแนวคิดใหม่ๆ มากมาย
“วิธีนี้สามารถตบตาได้แค่ผู้วิเศษทั่วไป… หากไม่มีพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล เบื้องบนของสมาคมแปรจิตคงสืบหาความจริงได้ไม่ยาก” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเตือนสติ
แฮงแมนตอบ
“ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือการได้รับพรจากมิสเตอร์ฟูลทางอ้อม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันหลอกอาดัม ราชาเทวทูตแห่งเส้นทางผู้ชมได้แน่… และนอกจากนั้น มิสจัดจ์เมนต์กับมิสเมจิกเชี่ยน ในตอนที่พวกคุณแวะวิหารของเทพธิดารัตติกาลเพื่อสวดมนต์ เป็นการดีที่สุดถ้าจะสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล ขอให้พระองค์ช่วยประทานพรต้านทานการถูกสะกดจิต และอย่าเพิ่งรีบออกจากเบ็คลันด์… ในสถานการณ์แบบนี้ กรุงเบ็คลันด์ปลอดภัยกว่าที่อื่นมาก”
“ตกลง” ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลตอบขึงขัง
เมื่อคุยกันถึงประเด็นดังกล่าว ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างหันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ รอการตอบสนองจากอีกฝ่าย
ไคลน์ที่พอจะมองเห็นภาพรวมเรียบร้อยแล้ว ยกมุมปากและกล่าวเสียงแหบพร่า
“อันที่จริง… มีวิธีแทรกแซงที่ง่ายกว่างั้น”
“วิธีใด?” ดวงตาออเดรย์เริ่มเบิกกว้าง ถามด้วยความคาดหวัง
ไคลน์จ้องหน้ามิสจัสติส ชี้ไปที่ศีรษะของเธอ:
“ทันทีที่เฮอร์วิน·แรมบิสกลับไป ให้คุณเผาเครื่องประดับหมวกอันนั้น ตามด้วยการกระตุ้นยันต์ที่ผมเคยมอบให้”
ขนนกประดับหมวกอันนั้น? เครื่องประดับที่สามารถติดต่อกับ ‘มรณา’ และได้รับการตอบสนอง? หรือมิสเตอร์เวิร์ลต้องการยืมพลังจากตัวตนดังกล่าวเพื่อแทรกแซงการทำนาย เฝ้ามอง และพยากรณ์? ดวงตาสีเขียวมรกตของออเดรย์สั่นเทาเล็กน้อย พยักหน้าและกล่าว:
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อถึงตอนนั้น พลังที่ตอบสนองกลับมาคือพรแห่งการปกปิด… ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่อาดัมจะได้รับรู้ก็คือ เทพธิดารัตติกาลเป็นผู้ลงมือแทรกแซงโดยตรง และนั่นสอดคล้องกับความสำคัญที่ตระกูลฮอลล์มีต่อโบสถ์รัตติกาล ไม่เกี่ยวอะไรกับชุมนุมทาโรต์… ไม่รู้ว่าเทพธิดาจะประทานพรหรือส่งมาดามอาเรียนน่ามาช่วย หากเป็นอย่างหลัง การกำจัดเฮอร์วิน·แรมบิสก็ไม่ใช่เรื่องยาก… แต่ถ้าไม่ เราคงต้องใช้อ้อมกอดเทวทูตกับตัวเองล่วงหน้าและเข้าปะทะด้วยหุ่นเชิดไร้ชีวิต โอกาสสำเร็จมีสูงทีเดียว… ไคลน์พึมพำในใจ แต่มิได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
‘จัสติส’ ออเดรย์ร่างแผนในหัวจนเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันไปพูดกับ ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลและ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส
“พวกคุณค่อยมาหาดิฉันตอนบ่ายวันพุธ ทางนี้จะได้มีเวลาแวะไปพบอาร์ชบิชอปของโบสถ์รัตติกาล… และก่อนหน้านั้น ดิฉันจะสวดวิงวอนเพื่อขอพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล จะได้ไม่ถูกสะกดจิตในตอนที่เฮอร์วิน·แรมบิสแวะมาถามคำตอบ และจะเริ่มลงมือหลังจากเขากลับไป… เฮอร์วิน·แรมบิสเป็นคนรอบคอบและหัวโบราณมาก คงเลือกที่จะเข้ามาหาฉันขณะกำลังเดินทาง หลีกเลี่ยงการถูกจับกุมหรือตกหลุมพราง…”
“…”
เพียงไม่นาน ท่ามกลางการระดมสมองของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ แผนการถูกสร้างขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ โดยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ปฏิเสธความช่วยเหลือจากแคทลียา เพราะท้ายที่สุด ชายหนุ่มยังไม่แน่ใจว่าจะมีเบื้องบนจากโบสถ์รัตติกาลมาช่วยสนับสนุนหรือไม่
สำหรับการแบ่งสมบัติ ทุกสิ่งที่ช่วงชิงมาได้จะตกเป็นของเดอะเวิร์ล ส่วน ‘จัสติส’ ออเดรย์สามารถจ้างงานมันโดยไม่ต้องเสียเงินได้หนึ่งครั้ง
…
บ่ายวันพุธ ในคฤหาสน์ของไวเคาต์กายลิน
หลังกลับจากสนามม้า ออเดรย์ซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของสตรี สวมเครื่องประดับเรียบง่าย กางเกงสีเดียวกันแบบเรียบๆ รองเท้าบูตหนังมันเงาที่ยาวถึงเข่า และพันแจ็คเก็ตหนังสีดำไว้รอบเอว กำลังยืนอยู่ในห้องอ่านหนังสือของไวเคาต์ มองไปทางซิลและฟอร์สกล่าว:
“ใครสั่งให้พวกคุณสอบสวนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดและไล่ตามความลับของกษัตริย์?”
ดวงตาสีเขียวมรกตของหญิงสาวดูราวกับเป็นวังวนกระแสน้ำท่ามกลางหุบเหว ทั้งลุ่มลึก เงียบเชียบ และหนักแน่น ผู้คนต่างเคลิบเคลิ้มไปกับมันโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ ซิลและฟอร์สกำลังถูกสะกดจิตจริงๆ รายแรกตอบด้วยเสียงเหม่อลอย:
“เป็นความตั้งใจของฉันเอง… เพราะต้องการสืบสวนหาสาเหตุการตายของพ่อ… แต่ก่อนจะลงมือ ฉันได้สวดวิงวอนขอพรจากใครบางคนล่วงหน้า”
ออเดรย์สอบถามเพิ่มเติมเล็กน้อย จนกระทั่งได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ จึงกล่าวแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ออกไปจากเบ็คลันด์… ออกไปจากที่นี่… เมืองนี้ไม่ใช่สถานที่ของคุณ… เอาล่ะ… หลังจากได้ยินเสียงปรบมือ พวกคุณจะได้สติกลับมา”
ทันทีที่สิ้นเสียง ออเดรย์ตบฝ่ามือเสียงแผ่ว ดวงตาของซิลและฟอร์สพลันฟื้นคืนสติ
หลังจากพูดคุยอีกเล็กน้อย ซิลและฟอร์สกล่าวอำลาและจากไป ส่วนออเดรย์รอคอยอย่างอดทน
เธอตั้งใจจะอยู่ที่บ้านของไวเคาต์กายลินต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง รอจนกว่าซิลจะถึงวิหารของเทพธิดารัตติกาลที่ใกล้ที่สุดและเสร็จสิ้นการสวดมนต์ เธอจึงค่อยเริ่มเคลื่อนไหว
เมื่อถึงตอนนั้น ไม่สนว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะโผล่ขึ้นระหว่างทางหรือที่ไหน เธอก็พร้อมรับมือ
หลังจากหยิบหมวกอ่อนของสตรีซึ่งประดับตกแต่งด้วยขนนกสีขาว ออเดรย์เดินออกจากห้องอ่านหนังสือ เตรียมไปหาซูซี่ แอนนี่ และคนรับใช้ จากนั้นค่อยไปคุยกับกายลินสักพักเพื่อฆ่าเวลา
ขณะเดินไปได้เพียงสองก้าว สุ้มเสียงที่อ่อนโยนและยิ้มแย้มพลันดังขึ้นข้างหู:
“ทำได้ดีมาก”
“…” รูม่านตาออเดรย์พลันเบิกกว้าง รีบหันศีรษะอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางโคมไฟผนังที่งดงามทั้งสองฝั่ง ชายคนหนึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เส้นผมสีขาวโพลน ดวงตาสีฟ้าอ่อน ไม่ใช่ใครนอกจากเฮอร์วิน·แรมบิสที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสุดประณีต!
ครึ่งเทพรายนี้แอบเข้ามาในคฤหาสน์ของไวเคาต์กายลินนานแล้ว และมันกำลังรอให้ออเดรย์สะกดจิตเสร็จเพื่อที่จะทวงถามคำตอบทันที!
โดยที่ทั้งซิลและฟอร์สยังไม่น่าจะเดินพ้นประตูบ้านด้วยซ้ำ!
เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของออเดรย์และแฮงแมนโดยสิ้นเชิง เพราะนั่นหมายความว่า เฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งอยู่ใกล้ๆ มาตั้งแต่ต้น ไม่จำเป็นต้องถามคำตอบผ่านออเดรย์ – มันสามารถสะกดจิตทุกคนรอบตัวและเค้นคำตอบได้ด้วยตัวเอง!
……………………..