Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1049 : สัญชาตญาณของ ‘ผู้ชม’
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง… ต่อให้ซิลและฟอร์สไม่มัวชักช้า เร่งความเร็วสูงสุดไปตลอดทาง ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้านาทีกว่าจะถึงวิหารรัตติกาลที่ใกล้ที่สุด… โชคดีที่เราค่อนข้างระวังตัว สวดวิงวอนล่วงหน้าเพื่อขอพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล และเมื่อครู่ได้ทำการสะกดจิตซิลกับฟอร์สไปจริงๆ … กระแสความคิดมากมายผุดขึ้นในใจออเดรย์ ก่อนที่เธอจะรีบสลัดทิ้งไป
ดวงตาของหญิงสาวเผยความสับสนในตอนต้น ตามด้วยการทำหน้าตกตะลึงกะทันหัน คล้ายกับได้ตื่นจากความฝันอันยาวนาน สามารถจดจำทุกสิ่งที่เคยถูกลืมเลือน
“มิสเตอร์แรมบิส ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่…” ออเดรย์จงใจกล่าวด้วยเสียงล่องลอยเล็กน้อย คล้ายกับกำลังมัวเมาไปกับความฝัน
ขณะกล่าว เธออาศัยความเป็นนักจิตบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์ สั่งให้เกิดความวิตกเฉกเช่นคนปรกติ ไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี
ในเมื่อสิ่งนี้เป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ย่อมเป็นธรรมชาติที่จะทำตัวไม่ถูก
แต่ภายในใจ หญิงสาวตระหนักว่าเธอต้องเตรียมตอบคำถามของเฮอร์วิน·แรมบิส ไม่ให้ครึ่งเทพรายนี้สังเกตเห็นความผิดปรกติ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสจะกลับไปภายในสามถึงห้านาที ส่งผลให้ซิลกับฟอร์สยังไปไม่ถึงวิหารรัตติกาล พลาดขั้นตอนที่จะทำให้สมาคมแปรจิตเข้าใจผิด และการเผาขนนกบนหมวกเพื่ออัญเชิญ ‘เดอะเวิร์ล’ มาสู้ ก็จะไม่ช่วยแก้ปัญหาที่จะตามมาในอนาคต
อย่าดีกว่า… คงต้องปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป เราไม่ควรฝืนดำเนินแผนการโดยปราศจากการเตรียมตัว… ความอดทน อดกลั้น และรอบคอบ คือปัจจัยสำคัญของโลกผู้วิเศษ… อย่างน้อยเฮอร์วิน·แรมบิสก็มีแผนจะหลอกใช้เราในระยะยาว คงไม่กำจัดทิ้งเร็วนัก… มันต้องการให้เราแต่งงานกับเจ้าชาย กว่าจะดำเนินการเสร็จก็ต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งปี… ใช่แล้ว เรายังพอมีเวลา สามารถรอจนถึงโอกาสที่สอง ที่สาม ที่สี่ หรือแม้แต่โอกาสครั้งที่ห้า… แต่ปัญหาก็คือ เราต้องแจ้งซิลและฟอร์ส รีบบอกให้พวกเธอซ่อนตัวโดยเร็ว… หลังจากคิดไวทำไว ออเดรย์กลับมามีแววตาเป็นปรกติ เผยความกลัวออกมาเล็กๆ
สังเกตเห็นภาษากายของหญิงสาว เฮอร์วิน·แรมบิสยิ้มและตอบคำถาม:
“นี่คงเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้สะกดจิตคนจริงๆ … ผมกังวลว่าจะเกิดข้อผิดพลาด จึงมาช่วยคุ้มครองเพื่อมิให้เกิดเรื่องใหญ่… หึหึ… พิจารณาจากชาติตระกูลของคุณ ชีวิตประจำวันคงไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องเช่นนี้”
น้ำเสียงของมันทั้งนุ่มนวลและช่วยขจัดความกังวล โดยที่ไม่รู้ตัว ความตื่นตระหนกและสั่นกลัวในดวงตาออเดรย์เริ่มจางลงทีละนิด
ขณะเดียวกัน ภายในโลกแห่งจิตของออเดรย์ เป็นอีกครั้งที่สติของเธอถูกแบ่งแยก ภาพการมองเห็นของเธอลอยขึ้นสูงก่อนจะก้มลงไปมอง ‘เกาะ’ และ ‘ทะเล’ ด้านล่าง
ฉากตรงหน้าทำให้หญิงสาวตระหนักได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกดีๆ และความมั่นคงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แท้จริงแล้วเป็นพลังของการถูกชี้นำทางจิต
เมื่อเฮอร์วิน·แรมบิสเห็นว่าออเดรย์กลับเป็นปรกติ มันพยักหน้ารับ
“เมื่อสักครู่ พวกเธอตอบคำถามคุณว่าอะไรบ้าง”
ออเดรย์เล่าเถรตรง
“ซิลกล่าวว่า ทั้งการสืบสวนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดและการไล่ตามความลับของกษัตริย์ ทุกสิ่งเกิดจากเจตนาของเธอเอง เพราะต้องการทราบสาเหตุการตายของบิดาบังเกิดเกล้า… บิดาของเธอคืออดีตหัวหน้าราชองครักษ์… เอิร์ลเมสัน·เดียร์… แต่เธอยังเล่าด้วยว่า ก่อนจะลงมือ เธอได้รับพรจากใครบางคน”
ขณะเล่า ออเดรย์เกือบชะงักคำพูด เพราะท่ามกลางผืนนภาวิญญาณ ‘เธอ’ ที่กำลังมองลงไปยังเกาะแห่งจิตใต้สำนึกและท้องทะเลจิต พบร่างหนึ่งกำลังเดินขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง บันไดขั้นแล้วขั้นเล่าถูกสร้างขึ้น จนกระทั่งแหวกผ่าน ‘ห้วงจิตใต้สำนึก’ และขึ้นมายังเกาะที่เป็น ‘กายปัญญา’ ของเธอ
บุคคลดังกล่าวสวมชุดสูทสามชิ้นสีดำ ผมสีขาวโพลน เป็นเฮอร์วิน·แรมบิสอีกคนหนึ่ง
ใบหน้าของเฮอร์วิน·แรมบิสคนนี้ปราศจากรอยยิ้มโดยสิ้นเชิง นิสัยไร้ยางอาย บางส่วนของผิวหนังปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทา ดวงตาไม่เพียงจะเปลี่ยนจากสีฟ้าอ่อนเป็นสีทอง แต่รูม่านตาก็นังกลายเป็นทรงรีในแนวตั้ง ดูคล้ายกับสัตว์ร้ายบางชนิด
หากไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ออเดรย์คงตึงเครียดจนมิอาจควบคุมตัวเอง มิอาจแสร้งทำเป็นไม่พบความผิดปรกติ และมิอาจรักษาคำพูดไม่ให้ตะกุกตะกัก
ขณะเดียวกันบนโลกความจริง เฮอร์วิน·แรมบิสมองใบหน้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของออเดรย์ด้วยรอยยิ้ม สอบถามเพิ่มเติม:
“พรของใคร?”
ออเดรย์ส่ายหน้า บังคับให้เกาะแห่งจิตใต้สำนึกเปล่งเสียง:
“ในตอนที่ถามถึงเรื่องนี้ ซิลและฟอร์สต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงขั้นส่งสัญญาณของภาวะเกือบหลุดการสะกดจิต เราจึงไม่กล้าถามต่อ”
แน่นอน พรของตัวตนลึกลับสามารถถูกตีความได้ว่า เป็นความกังวลล่วงหน้าของมิสเตอร์ฟูล และในภายหลัง สิ่งนี้จะถูกตีความว่าเป็นพรของเทพธิดารัตติกาล
เฮอร์วิน·แรมบิสยังคงจดจ่ออยู่กับประเด็นเดิม ซักถามถึงรายละเอียดของการสะกดจิตเมื่อครู่
สองสามนาทีถัดมา มันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ:
“ไม่เลว… คุณมีพรสวรรค์ด้านการสะกดจิต ไว้เหตุการณ์นี้จบลงเมื่อไร ผมจะมอบโอสถนักท่องฝันให้ รวมถึงการช่วยจัดพิธีกรรม… อา… แล้วก็อย่าได้รังเกียจความรักหรือการแต่งงานมากนัก คุณยังมีอายุไม่ถึงยี่สิบ ยังเหมาะแก่การดื่มด่ำสิ่งเหล่านี้… ด้วยเสน่ห์ของคุณ เป็นธรรมดาที่บุรุษทุกคนจะชื่นชอบ ช่วยให้คุณได้เพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่”
เฮอร์วิน·แรมบิสใช้การบอกใบ้และการโน้มน้าวทางอ้อม เพื่อแรงต้านด้านความรักและแต่งงานภายในใจออเดรย์ลง
ไอ้เวรตะไล… ออเดรย์ใต้ผืนนภาวิญญาณทำแก้มป่อง สบถอย่างโกรธเคือง ก่อนจะควบคุม ‘ตัวเอง’ ที่อยู่บนเกาะแห่งจิตใต้สำนึกให้ทำท่าทางเขินอายและโหยหา
เฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งลงมือตามหลักจิตวิทยา ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกอย่างง่ายดาย เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า มันถอนจิตใต้สำนึกที่กำลังบุกรุกจิตใจของอีกฝ่าย นำตัวตนมายาออกจากเกาะ
จากนั้น ตัวมันบนโลกความจริงหันหลังกลับและกล่าว
“จงลืมว่านั่นคือสิ่งที่ผมพูด จงจดจำว่านั่นคือความคิดที่เกิดขึ้นเองภายในหัวใจของคุณ… และเมื่อผมจากไป เมื่อผมไปจากสายตาของคุณ จงลืมว่าผมเคยมาที่นี่”
ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ออเดรย์ที่ลอยอยู่ใต้ผืนนภาวิญญาณ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเงียบ เพราะประโยคเมื่อครู่บอกเป็นนัยว่า เฮอร์วิน·แรมบิสกำลังจะจากไป
แม้จะผ่านไปเพียงห้านาทีหลังจากได้พบกัน ก็คงยังไม่เพียงพอที่ช่วยให้ซิลและฟอร์สไปถึงวิหารรัตติกาลที่ใกล้ที่สุด แต่ออเดรย์ยังคงหวังอย่างใจจดใจจ่อว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะจากไปโดยเร็ว เพราะการต้องเผชิญหน้ากับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม จิตใจต้องรับภาระหนักหน่วง
ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน… ขอแค่เรายังมีสติ นั่นแปลว่ายังมีโอกาส… ออเดรย์ อย่าได้ซึมเศร้า ห้ามใจร้อนเด็ดขาด… ออเดรย์ปลอบตัวเองเงียบงัน เฝ้ามองเฮอร์วิน·แรมบิสหมุนตัวกลับและเดินไปยังห้องโถง
เธอยังไม่ผ่อนคลาย ไม่พักหายใจ ยังคงใช้พลังงานเพื่อรักษาท่าทีปรกติ
แต่ทันใดนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสชะงักฝีเท้าและหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนหรี่ลงเล็กน้อย จ้องออเดรย์พร้อมกับกล่าว:
“ในตอนที่ได้พบกับผมครั้งแรก ทำไมคุณถึงต้องกลัวขนาดนั้น?”
ร…เราตกใจเกินไป… มีบางอารมณ์ในตอนนั้นที่เราควบคุมได้ไม่ดี? ออเดรย์พลันเย็นไปถึงสันหลัง ความคิดมากมายแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจถามออกไปด้วยความฉงน:
“ทำไมหรือคะ? การที่จู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นข้างๆ คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกตะลึง”
เฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้ารับ คล้ายกับพึงพอใจในคำอธิบาย จากนั้น มันจ้องหน้าออเดรย์และกล่าว
“ตามปรกติแล้ว คุณจะพกพาสมบัติวิเศษที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงติดตัวเสมอ… ทำไมวันนี้ถึงไม่ได้พกมาด้วย?”
สำหรับผู้ชม นี่คือรายละเอียดที่ผิดปรกติอย่างไม่ต้องสงสัย
ได้ยังไงกัน… เราซ่อน ‘คำลวง’ ไว้ใต้เสื้อผ้าทุกครั้ง ไม่น่าจะมีใครสังเกตเห็น แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าเราไม่ได้พกมาด้วย? มันแอบอ่านความทรงจำ? ความทรงจำในจุดที่เราจงใจไม่ปิดบังเพื่อให้ดูปรกติ… เมื่อเผชิญคำถามที่ไม่คาดฝันของเฮอร์วิน·แรมบิส ออเดรย์รู้สึกราวกับความคิดของเธอกำลังหยุดนิ่ง
เหตุผลที่เธอไม่ใส่ ‘คำลวง’ นั้นไม่ซับซ้อน เธอกังวลว่าเครื่องประดับชิ้นดังกล่าวจะ ‘ขยาย’ อารมณ์ให้เข้มข้น ส่งผลให้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม ความคิดบางส่วนอาจเผลอเล็ดลอดออกไป
และนั่นหมายความว่า เธอคาดเดาล่วงหน้าว่าวันนี้จะได้พบกับเฮอร์วิน·แรมบิส ซึ่งภายใต้ภาวะของการถูกสะกดจิต ออเดรย์ไม่มีทางล่วงรู้ได้ด้วยตัวเอง!
เพียงพริบตา ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงเผยรอยยิ้มจางๆ :
“ผลข้างเคียงของสิ่งนั้นจะขยายอารมณ์ของดิฉันให้เข้มข้น การสวมมันอาจทำให้ดิฉันสะกดจิตล้มเหลว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดิฉันจึงไม่ได้สวมมาด้วย”
เฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้ารับ
“อย่างนี้นี่เอง…”
ขณะจิตใจออเดรย์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม หรี่ตาลงทันที
“ถ้ามีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว นั่นคงไม่น่าสงสัยเท่าไร แต่เมื่อผนวกกับเรื่องที่คุณตกใจมากในตอนที่เห็นผมครั้งแรก ดูเหมือนว่าคุณกำลังปิดบังบางสิ่ง…”
กล่าวจบ ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเฮอร์วิน·แรมบิสพลันแปรเปลี่ยนเป็นแนวตั้ง จากนั้นก็ถูกย้อมด้วยสีทองอย่างรวดเร็ว
ภายในรูม่านตาสีทองแนวตั้งทั้งสองข้าง ภาพของออเดรย์ที่สวมชุดขี่ม้าถูกสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน
ท่ามกลางเสียงอื้ออึง สติออเดรย์พลันเกิดความโกลาหล มีเพียง ‘เธอ’ ที่อยู่ใต้ผืนนภาวิญญาณเท่านั้นที่ยังครองสติไว้ได้คมชัด
เธอเห็นคลื่นบนท้องทะเลจิตของตนกำลังถาโถมเข้าใส่เกาะแห่งจิตใต้สำนึก
ขณะเดียวกัน เฮอร์วิน·แรมบิสมายาที่ดูชั่วร้ายได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันหยุดนิ่งใต้ผิวทะเล จากนั้นก็ยิงเกล็ดมังกรสีเทาอ่อนใส่ฐานรากของเกาะ ซึ่งตรงนั้นเป็นตำแหน่งของจิตใต้สำนึกที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
ออเดรย์พบว่าความคิดของตนพลันบิดเบี้ยว ภายในใจอยากเล่าทุกสิ่ง สารภาพความลับทั้งหมด
อาศัยสติอันกระจ่างชัดของ ‘ตัวเธอ’ ใต้ผืนนภาวิญญาณ หญิงสาวควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก ไม่ยอมเปิดเผยความลับใดๆ แม้จะทราบดีว่า การขัดขืนเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่เธอไม่มีเวลามัวคิดเล็กคิดน้อย รีบอาศัยพรจากเทวทูตและสติอันกระจ่างชัดบนท้องฟ้า แอบกระทำบางสิ่งที่เฮอร์วิน·แรมบิสไม่ทันสังเกตเห็น
หนึ่งในนั้นคือการสอดฝ่ามือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้าย
ขณะเดียวกัน เฮอร์วิน·แรมบิสที่กำลังบุกรุกโลกแห่งจิต สีหน้าดำมืดมากขึ้นทุกขณะ ก่อนจะคำรามต่ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา:
“ไม่ถูกต้อง… มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง!”
หากออเดรย์อยู่ในสถานะปรกติ เธอต้องพรั่งพรูความลับและความเป็นส่วนตัวทั้งหมดออกมาทีละข้อโดยเริ่มจากเรื่องสำคัญที่สุดก่อน ไม่ใช่เอาแต่ปิดปากเงียบเช่นนี้!
ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากการ ‘บงการ’ เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ออเดรย์จึงไม่มีเวลาเตรียมตัวและสร้างความลับปลอมๆ มาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง และหากเล่าออกไปส่งเดช เรื่องที่เธอยังครองสติไว้ได้ก็จะความแตกอยู่ดี
หลังจากยืนยันความผิดปรกติ เฮอร์วิน·แรมบิสไม่ลังเลอีกต่อไป ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ผิวหนังถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทา
พายุในทะเลจิตทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ออเดรย์ใต้ผืนนภาวิญญาณเริ่มซวนเซ
หลังจากถูกคลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่าโหมกระหน่ำ แนวป้องกันชั้นสุดท้ายของจิตใต้สำนึกกำลังจะพังครืน
“ฮึ่ม!” เฮอร์วิน·แรมบิสยกระดับความรุนแรงของพายุจิต ก่อนจะเผยสีหน้าพึงพอใจเมื่อเห็นเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของออเดรย์เริ่มสั่นคลอน
สิ่งนี้หมายความว่า มันใกล้ควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์!
แต่ทันใดนั้น ถ้อยคำโบราณพลันกังวานในโสตประสาทของมัน
“โชคชะตา!”
บนโลกความจริง เฮอร์วิน·แรมบิสเงยหน้าขึ้นด้วยอากัปกิริยาตกตะลึงสุดขีด เนื่องจากมันกำลังเผชิญกับดวงตาสีเขียวมรกตของออเดรย์ซึ่งถูกฉาบด้วยแสงสีทองสว่าง ทั้งงดงามและน่าหลงใหลเกินกว่าจะพรรณนา
……………………