Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1051 : ต่างเส้นทาง ต่างรูปแบบ
ทันทีที่เห็นฉากตรงหน้า เฮอร์วิน·แรมบิสหลุดพ้นจากสภาวะสงบนิ่งทันที ตระหนักชัดเจนว่าตนตกหลุมพรางเข้าแล้ว แถมยังได้รับอิทธิพลมาสักพักแล้ว
โดยปราศจากความลังเล มันโค้งหลังเล็กน้อย ร่างกายบวมพองอย่างเห็นได้ชัด
รูม่านตาแปรเปลี่ยนเป็นแนวตั้ง จากสีฟ้าอ่อนเป็นสีทอง ตามใบหน้าและหลังมือ ทุกตารางนิ้วของผิวที่เผยให้เห็นพลันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทาคล้ายก้อนหิน
ท่ามกลางเสียงปริแตก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันสวมอยู่ เสื้อนอกสุภาพสีดำ กางเกงขายาว ทั้งหมดล้วนขาดวิ่นโดยมีเกล็ดมังกรปกคลุมด้านล่าง
เพียงพริบตา เฮอร์วิน·แรมบิสกลายเป็นสัตว์ประหลาดร่างใหญ่ นอกจากส่วนหัวที่ยังคงเป็นมนุษย์ ร่างกายส่วนที่เหลือถูกแปรสภาพโดยสมบูรณ์ ราวกับเป็นมังกรสีเทาอ่อนที่ร่างกายยังพัฒนาไม่เต็มที่
มังกรยักษ์ตัวนี้สยายปีกหนังสีเทาออกจากแผ่นหลังหนึ่งคู่ แขนขาบึกบึน เกล็ดสีเทาบนผิวกายมีรอยสลักลวดลายลึกลับซับซ้อน ลายสามมิติบางส่วนฝังเข้าไปในเนื้อ บางส่วนขยายออกสู่ความว่างเปล่า คล้ายกับเป็นวัตถุที่ไม่ได้มาจากโลกความจริง สร้างความรู้สึกหดหู่และบิดเบี้ยวแก่ผู้พบเห็น นอกจากนั้นยังทำให้ร่างวิญญาณปนเปื้อนความคิดจากก้นบึ้งจิตใจทุกประเภท นึกอยากจะฉีกทำลายตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
ร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ของเส้นทางผู้ชม!
สำหรับครึ่งเทพในเส้นทางอื่น หากไม่ใช่เทวทูต การจะสู้ในร่างสัตว์ในตำนาน จำเป็นต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งและแน่วแน่ ไม่อย่างั้นจะมิอาจควบคุมความบ้าคลั่งและแนวโน้มในการคลุ้มคลั่ง มีโอกาสสูงที่จะเสียสติคาที่ กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวจริง แต่เรื่องราวเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับเส้นทางผู้ชม พวกมันมี ‘ปลอบโยน’ ที่สามารถบำบัดจิตใจและดวงวิญญาณ แทบไม่มีโอกาสเผชิญหน้ากับภาวะส่อคลุ้มคลั่ง ดังนั้น ตราบใดที่การต่อสู้ไม่ยืดเยื้อนานไปนัก ครึ่งเทพเส้นทางผู้ชมสามารถใช้ร่างสัตว์ในตำนานได้ตามใจชอบ หากต้องการกลับสู่สภาวะปรกติก็ทำได้ทันที
ฟ้าว!
ความคิดทั้งหมดขอบเขตจิตใต้สำนึกของเฮอร์วิน·แรมบิสกำลังเดือดพล่าน จิตใต้สำนึกบางส่วนพรั่งพรูออกจากร่างกายและหลอมละลายไปกับความว่างเปล่า
ฟ้าว!
สายลมกระโชกพัดผ่านร่างมังกรสีเทาของเฮอร์วิน·แรมบิส พวกมันดูเหมือนทั้งของจริงและภาพมายา
สายลมเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยเจตจำนงบางอย่าง พัดผ่านแพร่กระจายไปทุกทิศทุกทาง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงพลันเกิดความผิดปรกติที่แตกต่าง บ้างยืนเหม่อลอย บ้างหลบหนีไปที่มุมสวน บ้างฉี่ราดและขาอ่อน บ้างหมดสติคาที่ และบ้างเผยสีหน้าหลงใหลราวกับเป็นแฟนพันธุ์แท้ของมังกร
นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพของ ‘มังกรข่มขวัญ’ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากสัตว์ในตำนาน ของเดิมจะแค่สร้างผล ‘เกรงขาม’ แก่เป้าหมาย แต่ของเฮอร์วิน·แรมบิสพัฒนากลายเป็น ‘ช่วงชิงใจจิต’ ที่มาพร้อมอิทธิพลหลายชนิด!
ฉวยโอกาสที่มังกรข่มขวัญกำลังแผ่ซ่านไปทุกจุด เจตจำนงและความคิดของเฮอร์วิน·แรมบิสแปรสภาพกลายเป็นตัวมันอีกคนหนึ่งที่มีบรรยากาศชั่วร้าย จากนั้นก็เคลื่อนที่ผ่าน ‘ทะเลจิตใต้สำนึกรวม’ ซึ่งผู้วิเศษส่วนใหญ่มองไม่เห็น ตรงดิ่งมันเข้าหาทั้งเกอร์มัน·สแปร์โรว์บนหลังคา และออเดรย์·ฮอลล์ที่มุมสวน ด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
ในฐานะผู้ชม โดยไม่ต้องเห็นใบหน้าชัดเจน พิจารณาจากบรรยากาศรอบตัวเพียงอย่างเดียว มันสามารถระบุได้ทันทีว่าผู้จู่โจมคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์!
ทันใดนั้น ออเดรย์รีบทำตามคำแนะนำของสองครึ่งเทพแห่งชุมนุมทาโรต์ เดอะเวิร์ลและมาดามเฮอร์มิท นั่นคือการพึมพำเพื่อสะกดจิตตัวเอง:
“ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น… ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น…”
“ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น… ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น…”
เธอต้องการหลีกเลี่ยงความผิดปรกติทางจิตที่จะเกิดขึ้นถ้าจ้องมองร่างสัตว์ในตำนานของเฮอร์วิน·แรมบิสโดยตรง อาจเลวร้ายถึงขั้นคลุ้มคลั่ง
ไม่เพียงเท่านั้น วิธีนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้เธอ ‘เห็น’ หรือ ‘สัมผัสถึง’ เฮอร์วิน·แรมบิสร่างชั่วร้ายที่ลักลอบเข้ามาในโลกแห่งจิตผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม
แต่ทันใดนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสภายใน ‘เกาะแห่งจิตใต้สำนึก’ พลัน ‘คลาดสายตา’ จากหญิงสาวผมสีทองอ่อนอย่างกะทันหัน
ออเดรย์รู้สึกอบอุ่นร่างกายอย่างบอกไม่ถูก ประหนึ่งเดินออกจากถ้ำน้ำแข็งและพบกับแสงแดดจ้า
เธอรีบสลายการสะกดจิตและลืมตาขึ้น ฉากตรงหน้าคือดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่ส่องแสงทะลุผ่านเมฆก้อนใหญ่ เกิดเป็นภาพแสนวิจิตรตระการตา ท่ามกลางความรู้สึกที่คมชัด ดอกไม้ที่เหลือรอดจากฤดูใบไม้ร่วงยังเบ่งบานอย่างเงียบงันไปตามธรรมชาติ
ออเดรย์มองไปรอบตัวด้วยสีหน้าเหม่อลอย ไม่แต่ก็พบเฮอร์วิน·แรมบิส ไม่พบเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และไม่พบพระจันทร์สีแดงขนาดใหญ่
ฉากตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน
“เป็นพลังที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้… การต่อสู้ระหว่างสองครึ่งเทพกลับไม่ทำร้ายดอกไม้แม้แต่หนึ่งดอก” ออเดรย์พึมพำกับตัวเอง เดินออกจากสวนอย่างสงบ กลับไปยังทางเชื่อมระหว่างสวนกับตัวอาคาร
เธอกังวลว่า หากตนอยู่ที่นั่นด้วย เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะสู้ได้ไม่เต็มที่เพราะต้องคอยระแวง
ภายในโลกแห่งความลับ ร่างแบ่งภาคของเฮอร์วิน·แรมบิสกำลังบุกรุกเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ภายใต้พระจันทร์สีแดง
ขณะเหยียบลงบนเกาะและเตรียมเปิดประตู ‘กายปัญญา’ เพื่อควบคุมจิตใต้สำนึกของศัตรู เฮอร์วิน·แรมบิสพลันพบว่าเกาะมายาที่กำลังมันยืนนั้นเงียบเกินไป ปราศจากความคิดล่องลอย ปราศจากกระแสความคิดใหม่ แทบไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
หุ่นเชิด! เฮอร์วิน·แรมบิสพลันกระจ่าง เมื่อผนวกกับข้อมูลในอดีต มันเริ่มเข้าใจภาพรวมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างคร่าวๆ
มันไม่ตกใจจนเกินพอดี ไม่แสดงความผิดหวังมากนัก ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เฮอร์วิน·แรมบิสกำลังมีความสุขและทวีความมั่นใจ เพราะสำหรับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม ตัวมันสามารถจำแนกความแตกต่างระหว่างหุ่นเชิดกับร่างต้นได้ง่าย ส่งผลให้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แทบจะกลายเป็นหมัน
และถึงจะเป็นแค่หุ่นเชิด แต่นายคิดว่าการบุกรุกโลกแห่งจิตของฉันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์? ดวงตาของเฮอร์วิน·แรมบิสร่างชั่วร้ายในโลกแห่งจิตเริ่มมองกวาด จนกระทั่งพบทางเดินโปร่งใสที่มีไว้ถ่ายทอดความคิดมายังเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของหุ่นเชิด ใช่แล้ว สิ่งนี้คือ ‘ด้ายวิญญาณ’ ไม่สิ มันคือสัญลักษณ์แทนด้ายวิญญาณภายในโลกแห่งจิต!
ทันทีหลังจากนั้น ร่างของเฮอร์วิน·แรมบิสพลันส่องแสงและพุ่งไปตามทางเดินโปร่งใสจนกระทั่งพบเกาะแห่งจิตใต้สำนึกแห่งใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเดินค่อนข้างไกล ที่นี่คือต้นตอในการควบหุ่นเชิดผ่านความคิด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือร่างหลัก!
“เจอตัวแล้ว!”
เฮอร์วิน·แรมบิสสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา สร้าง ‘พายุจิต’ อันน่าสะพรึงกลัวขึ้นรอบๆ ทะเลจิตใต้สำนึกรวม จากนั้นก็สั่งให้ถล่มเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การโจมตีนี้ยังทำให้ ‘สภาพอากาศ’ บริเวณใกล้เคียงกับเกาะผันผวนอย่างหนัก สัมผัสวิญญาณที่ผู้วิเศษมักพึ่งพาจะเกิดการผิดเพี้ยนและถูกรบกวน พร้อมกันนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสถือโอกาสเข้าใกล้เกาะแห่งจิตใต้สำนึกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยการสร้างขั้นบันไดสีขาว เตรียมบุกรุกจิตใต้สำนึกของอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
นี่คือรูปแบบการต่อสู้ตามปรกติของมัน หนึ่งด้านสว่างและหนึ่งด้านมืด ฝั่งหนึ่งจู่โจมซึ่งๆ หน้าและเปิดเผย อีกฝั่งหนึ่งลักลอบเข้าไปในจิตใต้สำนึก เทคนิคโจมตีผสานเช่นนี้ช่วยให้มันพังปราการทางใจของเป้าหมายได้ง่าย และเพียงไม่นานก็สามารถเข้าควบคุม ‘กายปัญญา’ ขั้นต้น
พร้อมกันนั้น บนโลกความจริง เฮอร์วิน·แรมบิสในร่างครึ่งมังกรลอยไปบนฟ้า ตามด้วยการใช้มังกรข่มขวัญกับ ‘ลมหายใจมังกร’ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ฝั่งโลกแห่งจิต
แต่ทันใดนั้น ณ ส่วนลึกของทะเลจิตใต้สำนึกรวมที่อยู่ใต้เกาะแห่งจิต เฮอร์วิน·แรมบิสร่างมายาซึ่งพยายามการบุกรุกประตู ‘กายปัญญา’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สภาพแวดล้อมรอบตัวมันแปรเปลี่ยนเป็นภาพสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต โดยที่มหาสมุทรและเกาะแห่งจิตใต้สำนึกล้วนอันตรธานหาย
เฮอร์วิน·แรมบิสเกิดความตึงเครียดทันที รีบวิเคราะห์สภาพจิตใจของตัว สงสัยว่าจะเห็นภาพหลอน
แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ภาพของหมอกสีเทากลับยังไม่แปรเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเหตุร้ายหรืออันตรายใดเกิดขึ้นกับเฮอร์วิน·แรมบิส คล้ายกับดังกล่าวนี้เป็นแค่พื้นหลังธรรมดาๆ
มันเกิดความสับสนทันที
ขณะเฮอร์วิน·แรมบิสเตรียมสร้าง ‘พายุจิต’ เพื่อปั่นป่วนที่นี่ สายหมอกสีเทาพลันอันตรธานหาย กลับไปเป็นเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตามเดิม
เฮอร์วิน·แรมบิสไม่มัวลังเล รีบลงมือบุกรุกใต้สำนึกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทันที พยายามเข้าควบคุมความคิดของเป้าหมาย
ทว่า กระแสความคิดทั้งหมดกลับกำลังส่องสว่าง ออร่าของพวกมันอัดแน่นไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม ไม่สามารถสั่นคลอนหรือสร้างผลกระทบ
นี้มัน… เฮอร์วิน·แรมบิสรีบเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็เสกบันไดหินและเดินขึ้นไปบนผิวทะเลจิตใต้สำนึกรวม
นอกจาก ‘เกาะ’ จำนวนมาก เฮอร์วิน·แรมบิสยังเห็นร่างหนึ่งซึ่งมีปีกเพลิงสิบสองคู่อยู่บนแผ่นหลัง ตามลำตัวสองแสงสีทองอร่าม
ภาพฉายตัวแทนพลังจากเทวทูต!
ในเมื่อวางแผนจะจัดการกับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม ไคลน์ย่อมต้องใช้อ้อมกอดเทวทูตกับตัวเองล่วงหน้า เป็นพรที่สร้างจากไพ่นักบวชสีชาดและการระดมพลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอก และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่ได้รับผลกระทบจากร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ของอีกฝ่าย
และสาเหตุที่ไม่ได้เปิดเผย ‘พร’ ชนิดนี้ตั้งแต่แรก ไคลน์ต้องการทดสอบเฮอร์วิน·แรมบิสก่อน
ในตอนที่เฮอร์วิน·แรมบิสพยายามบุกรุกเกาะแห่งจิตใต้สำนึก หุ่นเชิดของชายหนุ่ม โจนาส·โคลเกอร์ได้ใช้พลัง ‘บิดเบือน’ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายการบุกรุกของเฮอร์วิน·แรมบิส จาก ‘กายปัญญา’ ของร่างต้นให้กลายเป็นภาพจำลองของมิติเหนือสายหมอก
หากผลลัพธ์ออกมาเป็นว่า เฮอร์วิน·แรมบิสยังคงพบเกาะแห่งจิตใต้สำนึกภายในหมอกสีเทา นั่นแปลว่าบนมิติลึกลับเหนือสายหมอกยังมีตัวตนอื่นที่กำลังหลับใหลอย่างเงียบงัน ทำให้ไคลน์ต้องระวังมากขึ้นในอนาคต แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันไม่พบสิ่งใด ชายหนุ่มก็จะเบาใจอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการทดสอบมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสและไม่กล้าลองเพราะเกรงกลัวอันตราย ศึกนี้จึงเป็นการทดลองครั้งสำคัญ เพราะต่อให้มีอันตรายใดรออยู่ คนที่จะฉิบหายคือเฮอร์วิน·แรมบิส ไม่ใช่คน และนั่นยังช่วยให้จำกัดครึ่งเทพได้อย่างง่ายดาย
เมื่อพบว่าศัตรูมีพรจากเทวทูต แถมยังเป็นพรอันทรงพลังซึ่งมันไม่สามารถทะลวงผ่านหรือแทรกซึมเข้าไปในจิตใต้สำนึกได้ในเร็วๆ นี้ เฮอร์วิน·แรมบิสตัดสินใจถอยโดยไม่ลังเล รีบออกจากบริเวณดังกล่าวและกลับมายังจิตใจตัวเองผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม
ในพริบตาเดียวกัน มังกรยักษ์บนท้องฟ้าพลันอันตรธานหายอย่างไร้ร่องรอย แม้จะใช้เทคนิคการค้นหาด้วยด้ายวิญญาณก็ยังไม่พบ
ล่องหนทางใจ!
เฮอร์วิน·แรมบิสหวังใช้ประโยชน์จากจุดบอดทางจิตวิทยาเพื่อซ่อนตัวอยู่ในความมืด ขณะเดียวกันก็ยังคอยปลดปล่อย ‘ช่วงชิงจิตใจ’ และ ‘พายุจิต’ เพื่อทำลายปราการวิญญาณของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่ถูกเทวทูตยกระดับจนแข็งแกร่ง ส่วนร่างหลักเตรียมใช้สมบัติปิดผนึกที่แข็งแกร่งเพื่อโจมตี
ในฐานะครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม แม้การต่อสู้ระยะประชิดของมังกรจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังบกพร่องในหลายส่วน โดยเฉพาะพลังเกี่ยวกับการจู่โจมที่หนักหน่วง จำเป็นต้องได้รับการชดเชยด้วยสมบัติปิดผนึกบางชนิด
แต่ทันใดนั้น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นหุ่นเชิดหรือร่างต้น ทำการเสกหนังสือมายาพร้อมกับเปล่งเสียงอันล่องลอย:
“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
ไคลน์เตรียมจะใช้ ‘พายุสายฟ้า’ ที่บันทึกโดย ‘นักบันทึก’ ภายในยุบพองหิวโหย!
สำหรับพลังที่น่ารำคาญอย่าง ‘ล่องหนทางใจ’ วิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพคือการระดมยิงถล่ม!
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากต้องการกำจัดผู้วิเศษที่น่ารำคาญให้สิ้นซาก พลังของเส้นทาง ‘พายุ’ นับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
……………………………