Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1060 : ความลับที่ต้องปกปิด
เอิร์ลมิสทราลขมวดคิ้วชนกัน แม้มันจะไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็เลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ
“ข้าเชื่อว่าข่าวคราวของทางเราคงไม่รั่วไหลออกไป”
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง บรรดาครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบคงมีเวลามากพอที่จะร้องขอการตอบสนองจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหรือไม่ก็ ‘เทพหายนะ’ เซียอา และนั่นจะกลายเป็นกับดักที่ทรงพลังจนแม้แต่เทวทูตก็มิอาจสะสางได้ง่ายนัก
เป็นเหตุผลที่มิสทราลจงใจเอ่ยขึ้นมาว่ากับดักของอีกฝ่ายถูกสร้างขึ้นในวินาทีสุดท้ายอย่างลนลาน
เพราะนั่นคือหลักฐานยืนยันว่าไม่มีหนอนบ่อนไส้ในปฏิบัติการ เพราะท้ายที่สุด ทุกคนที่ล่วงรู้แผนการล้วนเข้าร่วมด้วย ถ้าต้องการปล่อยข่าวก็คงทำนานแล้วและช่วยให้ฝ่ายโรงเรียนกุหลาบมีเวลาเตรียมตัว เว้นเสียแต่คนคนนั้นจะเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันหรือต้องการอาศัยประโยชน์จากความฉุกละหุก แต่การทำแบบนั้นก็จะยิ่งเหลือร่องรอยทิ้งไว้
ชารอนในหมวกอ่อนสีดำใบเล็ก ก้มมองภัตตาคารที่ปราศจากหลังคาและกล่าว
“บางทีพวกมันอาจมีวิธีแปลกๆ ในการตรวจจับอันตราย”
เพื่อปฏิบัติการคราวนี้ ตระกูลผีดูดเลือดถึงกับลงทุนใช้สมบัติปิดผนึกที่สามารถรบกวน ‘ลางสังหรณ์อันตราย’ ของปีศาจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังทำนายและพลังพยากรณ์ที่มีระดับต่ำกว่าย่อมต้องไร้ผลเช่นกัน
“ก็คงงั้น…” มิสทราลหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ขณะเดียวกันบนชั้นสองของภัตตาคาร นอกจากไวน์แดงและหุ่นแปลกๆ ที่ระเหยหายไป องค์ประกอบอื่นภายในห้องยังเหมือนเดิมทุกประการราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เดิมทีชารอนและมิสทราลต้องการจะลองทำนายหรือไม่ก็ใช้พลังฟื้นฟู ‘ที่เกิดเหตุ’ เพื่อหาคำตอบให้กับข้อสงสัยของพวกตน แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด พวกมันยืนยันว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะทุกหนแห่งภายในมิติแห่งนี้ถูก ‘ฉาบ’ ด้วยแสงของพระจันทร์สีแดง ประสิทธิภาพเทียบเท่าการชำระล้างของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย พลังทำนายทุกชนิดจะมุ่งเป้าไปยังเทพมารตนนี้อย่างไม่ต้องสงสัยและนั่นทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายเหนือจินตนาการ
โดยไม่รอให้ชารอนกล่าวคำใด มิสทราลสูดลมหายใจยาวและพูด
“ทุกเรื่องย่อมเกิดเหตุไม่คาดฝันได้เสมอ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ทุกครั้ง… วันนี้พอแค่นี้ก่อน หากแช่อยู่นานเกรงว่ากองกำลังของทางการจะตรวจพบความผิดปรกติ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ตรวนสีดำที่กระชากหลังคาขึ้นไปด้านบนพลันเลือนรางและกลายเป็นภาพมายา
หลังคาร่อนลงไปครอบภัตตาคารอีกครั้งราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
แต่แน่นอน หากเผชิญกับฝนตกหนัก น้ำจะรั่วซึมเข้าไปในอาคาร และเมื่อเผชิญกับพายุกระโชก มีโอกาสที่หลังคาทั้งหมดจะถูกพัดลอยขึ้น
ปีกค้างคาวขนาดมหึมาที่ปกคลุมมิติโดยรอบเริ่มหดกลับเข้าไปในความมืด ส่งผลให้สายฝนจากด้านบนโปรยปรายลงมาอีกครั้ง
ไคลน์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเฝ้ามองร่างชารอนในเดรสสีดำซับซ้อนเลือนหายไปในอากาศ ขณะเดียวกันก็เห็นกลุ่มควันมายาลอยขึ้นฟ้าพร้อมกับแตกตัวเป็นค้างคาวเล็กๆ จำนวนมากและบินไปคนละทิศทาง มันไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางพึมพำ
เกิดข้อผิดพลาดขึ้นตรงไหนกันแน่…
ข้อผิดพลาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่หากไม่ทราบว่าข้อผิดพลาดคืออะไร นั่นต่างหากที่น่ากลัว
ไม่ว่าจะอยู่ในระดับชั้นใด ความไม่รู้ย่อมน่ากลัวเสมอ
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งแว่วข้างหูไคลน์
“เกิด…” “อะไรขึ้น…” “ที่นี่…” “กันแน่…”
ไคลน์หันไปมองด้านข้างและพบว่ามิสผู้ส่งสารเดินออกจากความว่างเปล่ามาหยุดข้างตน
ดวงตาสีแดงสี่คู่ล้วนจดจ้องไปทางภัตตาคาร
“…คุณมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไหม?” ไคลน์ถามเข้าประเด็น
หลังจากเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์พัฒนาถึงลำดับ ‘วิญญาณอาฆาต’ ผู้วิเศษจะเข้าออกโลกวิญญาณได้อย่างอิสระและรับวิวรณ์ที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในแง่พลังทำลายหรือสัมผัสวิญญาณ เทวทูตในเส้นทางดังกล่าวจะทรงพลังเป็นอย่างมาก ไคลน์จึงตัดสินใจถาม
สี่หัวของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ส่ายหน้าพร้อมกับและพูด
“ไม่”
ไคลน์พยักหน้าตรึกตรองสักพักโดยไม่มีคำถามต่อ ทำเพียงนำหุ่นเชิดออกจากที่เกิดเหตุ
…
“จบแบบนี้เนี่ยนะ…” เอ็มลิน·ไวท์ที่เพิ่งข่มอาการคลื่นไส้เสร็จ ลูบไล้แหวนเลี่ยมอัญมณีสีน้ำเงินพลางพึมพำด้วยความประหลาดใจ
มันสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดของเอิร์ลมิสทราลผ่านแหวนคำสาบานแห่งกุหลาบ รวมถึงความโกรธและความพยายามในงานระงับอารมณ์ไม่ให้นำไปลงกับสตรีและคนรอบข้าง มิสทราลประเมินเบื้องต้นว่าภารกิจล้มเหลวเนื่องจากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“เสร็จแล้วหรือ?” ได้ยินเสียงรำพันจากอีกฝ่าย มาริคที่กำลังรออยู่ด้วยกันพลันเผยสีหน้าประหลาดใจ
ใจจริงมันอยากจะถามว่าทำไมเอ็มลิน·ไวท์ถึงเกิดอาการเคลื่อนไส้และมีสีหน้าบิดเบี้ยว แต่สุดท้ายก็ระงับความอยากรู้อยากเห็นไว้
“เปล่า… พวกเขาไม่พบเป้าหมาย” เอ็มลินพยายามนึกทบทวนสิ่งที่เอิร์ลมิสทราลเห็นและได้ยินอย่างสุดความสามารถ แต่เนื่องจากมิติดังกล่าวถูกมาร์ควิสนีบาสผนึกไว้ สิ่งที่มันเห็นจึงมีเพียงเหตุการณ์หลังจากพระจันทร์สีแดงสว่างวาบ และนั่นมาพร้อมกับอารมณ์อันท่วมท้นและความผิดปรกติ
ขณะเดียวกัน เอ็มลินพึมพำในใจ
ครึ่งเทพฝ่ายระงับแรงปรารถนาสิงตุ๊กตามาเข้าร่วมปฏิบัติการรึไง?
ตุ๊กตาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้… เป็นฝีมือของช่างคนไหน? นี่มันงานศิลป์ชัดๆ!
“ไม่พบเป้าหมาย? หมายความว่ายังไง?” มาริคอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ตามความคิดของมัน ปฏิบัติการเมื่อครู่กำลังไปได้สวย ไม่ว่าจะเป็นมัน ชารอน เอ็มลิน หรือเผ่าผีดูดเลือด ไม่น่าจะมีใครมีแรงจูงใจที่จะเปิดเผยข้อมูลให้โรงเรียนกุหลาบรับรู้
ในส่วนของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้คงไม่มีสิ่งใดให้ต้องคลางแคลง ความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายสามารถพิสูจน์ได้จากเหตุการณ์ในอดีต
หลังจากระงับความผิดหวังและคลางแคลงใจ มาริคกล่าวเสียงเรียบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องรีบออกจากบริเวณนี้”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของมันเลือนรางลงจนดูเหมือนกับวิญญาณอาฆาต
จิตใต้สำนึกของเอ็มลินอยากจะถามอีกฝ่ายว่ารู้จักช่างทำตุ๊กตาเก่งๆ หรือไม่ แต่หลังจากอ้าปากเล็กน้อย มันพบว่าคำถามแบบนี้จะสร้างปัญหาให้แก่ภาพลักษณ์ของตระกูลผีดูดเลือด สุดท้ายจึงทำเพียงกลืนกลับเข้าไปในท้อง
แต่ถึงจะรู้จักช่างทำตุ๊กตา เราก็คงไม่มีเงินซื้ออยู่ดี… เพื่อที่จะแบกรับชะตากรรมของตระกูล เราต้องเสียสละสักสองสามสิ่งเสมอ… เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ ปฏิบัติการจับกุมตัวครึ่งเทพแห่งโรงเรียนกุหลาบคราวนี้ล้มเหลว ส่งผลให้ไม่ทราบสถานการณ์ปัจจุบันในสำนักงานใหญ่พวกมัน พลาดโอกาสในการช่วงชิงมรดกที่ท่านบรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้… ท่ามกลางความคิดที่ผสมผสาน สีหน้าของเอ็มลินทวีความหม่นหมอง
…
ย่านสะพานเบ็คลันด์ ถนนประตูเหล็ก ภายในห้องบิลเลียดของผับวีรบุรุษ
ไคลน์ซึ่งอยู่ในร่างเชอร์ล็อก·โมเรียตี้กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามชารอนและมาริค
หลังจากปล่อยให้บรรยากาศเงียบงันสักพัก ชารอนในชุดเดรสชาววังสีดำซึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้สูง จ้องหน้านักสืบชื่อดังฝั่งตรงข้ามและกล่าว
“คุณมีความเห็นยังไงบ้าง?”
ไคลน์ไตร่ตรองก่อนจะเล่า
“อิทธิพลของพระจันทร์สีแดงเสื่อมเร็วเกินไป”
“คุณกำลังสงสัยว่า ทั้งที่ครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบสัมผัสถึงอันตรายใหญ่หลวงได้ล่วงหน้าจากวิธีการหรือจากตัวตนบางอย่าง แล้วทำไมพวกมันถึงเลือกที่จะวางกับดักห่วยๆ และไม่ได้ผล?” มาริคและชารอนมองหน้ากันก่อนจะถามในสิ่งที่คิด
“ถูกต้อง” ไคลน์พยักหน้า “ถ้าพวกมันเดาได้ว่าภัยอันตรายร้ายแรงกำลังมาเยือน แทนที่จะเสียเวลาวางกับดักห่วยๆ ทำไมถึงไม่รีบหนีไปตั้งแต่แรกให้สิ้นเรื่อง? สิ่งนี้ขัดต่อหลักการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต”
ชารอนที่สวมหมวกอ่อนใบเล็กผงกศีรษะแผ่วเบาจนยากจะสังเกต
“มองผิวเผินอาจดูเหมือนเป็นกับดัก แต่ความจริงแล้วเป็นการปกปิดบางสิ่ง?”
ไคลน์ตอบไม่ช้าไม่เร็ว
“ถูกต้อง เป็นการอาศัยกับดักนั้นเพื่อ ‘ชำระล้าง’ ที่เกิดเหตุและกีดขวางการทำนายตรวจสอบสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง… เพื่อที่จะปกปิดความลับนั้น ครึ่งเทพของโรงเรียนกุหลาบยอมเสี่ยงอยู่ในที่เกิดเหตุจนถึงวินาทีสุดท้าย”
“แต่พวกมันอาจคาดไม่ถึงว่าทางเราจะใช้เทวทูตทำลายกับดัก” มาริคเสนอความคิด
ไคลน์พูดพลางยิ้ม
“ในวินาทีที่พวกคุณจู่โจมสมาชิกลับของโรงเรียนกุหลาบในเบ็คลันด์ พวกมันไม่มีทางมองข้ามเทวทูตที่คอยหนุนหลังพวกคุณ”
ชายหนุ่มกำลังหมายถึงไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์
“แล้วพวกมันต้องการปกปิดความลับใด?” คล้ายกับเชื่อในทฤษฎีของไคลน์ ชารอนถามพลางเหยียดตัวตรง
ไคลน์ส่ายหน้า
“ตอนนี้ยังมีความเป็นไปได้มากเกินไป อาจเป็นความลับที่ช่วยให้พวกมันไหวตัวทัน หรือเป็นความลับเกี่ยวกับแผนการที่พวกมันเตรียมลงมือในกรุงเบ็คลันด์”
กล่าวถึงตรงนี้ ไคลน์พยายามเชื่อมโยงโรงเรียนกุหลาบเข้ากับความวุ่นวายภายในกรุงเบ็คลันด์ แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีที่ว่างให้สอดแทรก เพราะไม่ว่าจะเป็นสามโบสถ์หลักหรือเทพมารฝ่ายใด ก็ไม่มีใครต้องการร่วมมือกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย
นั่นยิ่งทำให้ไคลน์ฉงนหนักกว่าเดิมและมิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุร้ายใดขึ้นในอนาคต
มันเว้นวรรคสักพักก่อนจะมองหน้าชารอนและมาริค
“สรุปก็คือพวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวและมาที่นี่ให้น้อยลง… อา… หากมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย พวกคุณสามารถเฝ้าจับตามองสมาชิกลับคนอื่นๆ ของโรงเรียนกุหลาบเพื่อค้นหาความผิดปรกติที่ซ่อนอยู่”
“ขอบคุณมาก” ชารอนลอยตัวขึ้นและกล่าวขอบคุณ
มาริคทำเช่นเดียวกัน
เปลวไฟสีแดงเข้มพลันลุกโชนพร้อมกับการเลือนหายไปของร่างกายไคลน์
จากข้อตกลงในตอนต้น เนื่องจากไคลน์ไม่ต้องลงมือ รางวัลตอบแทนจึงมีเพียงการขอความช่วยเหลือจากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ได้หนึ่งครั้ง
..
กลับถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ขณะไคลน์เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอน มันได้ยินเสียงสวดวิงวอนดังแว่ว
เป็นเสียงของสตรี
มิสจัสติส… ไคลน์พยักหน้าพลางคาดเดา เดินเข้าห้องน้ำและส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก
ไม่ผิดจากที่คาด ผู้สวดวิงวอนคือ ‘จัสติส’ ออเดรย์ เนื้อหาระบุว่าเธอสามารถรวบรวมเงินสดได้ครบหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์และพร้อมจ่ายให้มิสเตอร์เวิร์ลเพื่อแลกกับตะกอนพลังนักท่องฝันและนักสะกดจิต
อา… หากพิธีกรรมของเธอสามารถใช้ ‘อ้อมกอดเทวทูต’ แทนได้ อีกสองวันก็น่าจะเลื่อนลำดับสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะเลื่อนคิวการสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ให้เร็วขึ้น… หึหึ เลียวนาร์ดกลายเป็นจอมอาคมวิญญาณมาสักพักแล้วและตอนนี้กำลังว่าง… ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลายพลางบอกให้มิสจัสติสดำเนินพิธีกรรมสังเวย
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะและมีปัจจัยที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไคลน์จึงต้องมองหาทางลัดในการพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด และนั่นประกอบด้วยหลายปัจจัย ข้อแรก มันต้องสะสมหุ่นเชิดและรวบรวมสมบัติปิดผนึก ข้อที่สอง มันต้องฟื้นฟูพลังให้กับเหล่า ‘ผู้ช่วยเหลือ’ รอบๆ ตัว และข้อที่สาม มันต้องศึกษาหาความรู้และเข้าถึงความลับให้มากขึ้น เพราะนั่นจะช่วยให้มองเห็นความจริงและเข้าในภาพรวมของขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ได้ชัดเจนขั้น บางทีพบเจอโอกาสภายในนั้น
การสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ อยู่ในหมวดหมู่ข้อที่สาม
…………………………