Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1192 : ต่างคนต่างทำหน้าที่
วิธีที่นุ่มนวลกว่านั้น… เฮอร์มิท แคทลียาที่ขาดแค่ประสบการณ์ในศึกลำดับสูง ฉุกคิดบางสิ่งก่อนจะกล่าว
“ให้มิสเมจิกเชี่ยนเข้าร่วมชุมนุมลับต่างๆ ภายในเบ็คลันด์และเผยความสัมพันธ์กับตระกูลอับราฮัม ‘โดยบังเอิญ’ เพื่อดึงดูดความสนใจจากชุมนุมแสงเหนือ?”
เมื่อเห็นว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ปฏิเสธ แคทลียาไตร่ตรองสักพักพลางมองไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
“ส่วนวิธีที่จะทำอย่างไรให้สมเหตุสมผลโดยไม่เกิดความน่าสงสัย… การออกแบบขั้นตอนและกระบวนการ ‘เปิดเผยความจริง’ และการวางรากฐานในแต่ละชุมนุม พวกเราคงต้องฝากให้มิสจัสติสช่วยจัดการ”
ตามความเห็นของเธอ มีเพียง ‘จอมบงการ’ เท่านั้นที่สามารถเข้าใจจิตวิทยาของผู้ร่วมชุมนุมทุกคนอย่างแม่นยำ จนสามารถวางแผนได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมเหตุสมผล ปราศจากร่องรอยและเบาะแสให้สืบสาว
“ตกลง” จัสติส ออเดรย์พยักหน้าเคร่งขรึม ภายในใจตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอเสริมทันที
“แม้ฉันจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็จะพยายามทำให้ทุกสิ่งสมเหตุสมผลที่สุด”
…ทำไมเราถึงรู้สึกไม่ดีเลย… ทุกคนยังขาดประสบการณ์ ยกเว้นมิสเตอร์เวิร์ลที่เข้าร่วมปฏิบัติการไม่ได้… อา… มาดามเฮอร์มิทอาจมีประสบการณ์ด้านอื่นมากมาย แต่ยังไม่น่าจะเคยล่าใคร… นี่ไม่ใช่เกมสักหน่อย หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจทำให้ใครบางคนต้องตาย… ฟอร์สตัวสั่นอย่างมิอาจหักห้ามเมื่อตระหนักว่าทุกคนที่นี่รวมถึงเธอแทบไม่มีประสบการณ์การล่าจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตระหนักว่ามิสจัสติสและมาดามเฮอร์มิทล้วนเป็นครึ่งเทพลำดับสี่ ส่วนตนกับเดอะสตาร์ต่างก็เป็นลำดับ 5 ฟอร์สพบว่าปัญหาอาจไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เพราะท้ายที่สุด ทุกคนย่อมสั่งสมประสบการณ์มาในแบบของตัวเอง มิได้ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าห้วงทะเลคอยให้คำปรึกษา
สมเหตุสมผล…วางแผน…จอมบงการ…นั่งฟังบทสนทนาระหว่างเฮอร์มิทกับจัสติส ไคลน์พึมพำคำสำคัญตามความเคยชิน
นั่นทำให้มันหวนนึกถึงประสบการณ์การใช้ 0-08 และถูกเล่นงานด้วย 0-08 จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมลำดับหนึ่งของเส้นทางผู้ชมถึงมีชื่อว่า ‘นักประพันธ์’ เส้นทางนี้เชี่ยวชาญพัฒนาการที่สมเหตุสมผล แถมยังเปลี่ยนจากการ ‘ฝังการชี้นำ’ ไปเป็น ‘บังคับ’ ได้ในลำดับสูง…
“คุณไม่จำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียดในทันที ให้กลับไปนึกทบทวนอย่างรอบคอบเสียก่อน นอกจากนั้นยังต้องปรับแต่งแผนไปตามสถานการณ์จริง” เฮอร์มิท แคทลียาพยักหน้าไตร่ตรองก่อนจะผุดแนวคิดใหม่ “ระหว่างที่มิสเมจิกเชี่ยนเข้าร่วมชุมนุมลับ คุณควรซ่อนตัวในบริเวณใกล้เคียงเพื่อฟังเสียงหัวใจของผู้ร่วมชุมนุมทุกคนผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม จะได้นำไปปรับใช้กับแผนขั้นถัดไปอย่างถูกต้อง”
ลำพังบุคลิกเสมือนแค่สิบสามบุคลิกจะเพียงพอหรือ? ผู้เข้าร่วมชุมนุมต้องมีมากกว่าสิบสามคนแน่… ไม่สิ เราสามารถสับเปลี่ยน ‘การจับตามอง’ เป็นระยะเพื่อสังเกตภาพรวมได้… จัสติส ออเดรย์วิเคราะห์ความเป็นไปได้ก่อนจะอืมในลำคอ
“ไม่มีปัญหา”
สำหรับเธอ หน้าที่ดังกล่าวเปรียบดังการซ้อมประเภทหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นการสวมบทบาท เพราะเธอไม่ได้ใช้พลังพิเศษเพื่อโน้มน้าวเป้าหมายโดยตรง แต่เป็นการชักนำโดยอาศัยข้อมูลจากสภาพจิตใจ ผ่านการกระทำ คำพูด และบท
เมื่อพบว่าทางฝั่งมิสจัสติสไม่มีปัญหา เฮอร์มิท แคทลียาหันมาทางเมจิกเชี่ยนอีกครั้ง
“เพื่อป้องกันการถูกโจมตีอย่างไม่คาดฝัน และเพื่อให้คุณเข้าใจสถานการณ์รอบตัวได้ดีขึ้น ฉันจำเป็นต้องฝังบางสิ่งไว้ในตัวคุณ”
“สิ่งนั้นคืออะไร” ฟอร์สถามอย่างรอบคอบ
แคทลียาชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ลที่สุดขอบโต๊ะทองแดงยาว และเมื่อได้รับความยินยอมจากข้ารับใช้เดอะฟูล เธอยกมือขึ้นสัมผัสหว่างคิ้ว
ดวงตาสีใสคู่หนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าหญิงสาว ปราศจากขนตา ดูเย็นชาและไร้อารมณ์
“นี่คือเนตรส่องความลับ หลังจากกลายเป็นปราชญ์พิศวง ฉันสามารถนำไปใส่ในตัวคนอื่นได้ ทุกสิ่งที่คุณเห็นฉันก็จะเห็น ถ้าอยู่ในภาวะซ่อนเร้นจะตรวจพบได้ยากมาก” แคทลียานิยามอย่างง่าย
ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์เอนหลังเล็กน้อยพลางถอนหายใจแผ่ว
ย้อนกลับไปในตอนที่มันหัดใช้เนตรวิญญาณครั้งแรก ไคลน์เคยเห็นสิ่งที่คล้ายกันจากด้านหลังลุงนีลล์
หากตอนนั้นตนมีความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับเทียบเท่าปัจจุบัน ปัญหาคงถูกตรวจพบได้เร็วขึ้นและสถานการณ์อาจลงเอยในทิศทางที่แตกต่าง
ถ้าดวงตาพิสดารคู่นี้ถูกฝังไว้ในตัวเรา มาดามเฮอร์มิทย่อมต้องเห็นทุกสิ่งในตอนที่เราเข้าห้องน้ำ… เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส สูดลมหายใจยาวพลางถามด้วยสีหน้าเจือความลังเล
“คุณคอยฝังดวงตาใหม่ทุกครั้งก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมชุมนุมลับได้ไหม?”
“ถ้าเราติดต่อกันบ่อยเกิดไปอาจทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย และนักบุญเร้นลับ โบทิสสามารถปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่คุณเตรียมเข้าร่วมชุมนุม” เฮอร์มิท แคทลียาดันแว่นกรอบหนาบนสันจมูก “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ดูในสิ่งที่ไม่ควรดู”
นั่นเป็นบทเรียนที่เธอเคยลิ้มรสด้วยเลือดมาแล้ว
ฟอร์สเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจเชื่องช้า
“ก็ได้…”
เฮอร์มิท แคทลียาพยักหน้าเล็กน้อย
“หลังจากพบเบาะแสเกี่ยวกับตระกูลอับราฮัม ชุมนุมแสงเหนือจะลงมือสืบสวนอย่างแน่นอน และเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน พวกมันต้องส่งคนที่มีฝีมือเพียงพอมาทำงาน… ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักบุญเร้นลับโบทิสคือคนที่สนใจเรื่องราวของตระกูลอับราฮัมมากที่สุด ประกอบกับการที่กรุงเบ็คลันด์ไม่เหมาะแก่การเสด็จเยือนด้วยร่างหลักของราชาเทวทูต โอกาสที่มันจะปรากฏตัวจึงมีสูงมาก”
ทันใดนั้น เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดที่กำลังเอนหลังตั้งใจฟัง ยกมือขึ้นและพูด
“ไม่เสมอไป… จากข้อมูลของทางผม ในกรุงเบ็คลันด์ยังมีสมาชิกระดับสูงของชุมนุมแสงเหนือแฝงตัวอยู่อีกหนึ่งคน นั่นคือนักบุญมืด… หลังจากที่มิสเตอร์เอหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา มันก็เข้ามาจัดระเบียบสถานการณ์แทน… เมื่อถึงตอนนั้น มีแนวโน้มสูงว่าบุคคลที่จะลงมือสืบสวนเบาะแสของตระกูลอับราฮัมอาจไม่ใช่นักบุญเร้นลับ แต่เป็นนักบุญมืด เพราะท้ายที่สุด กรุงเบ็คลันด์คือ ‘มุขมณฑล’ ของมัน”
ครึ่งเทพที่เราพบตอนลอบสังหารมิสเตอร์เอกซ์คือนักบุญมืด? ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาในระดับที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
แคทลียาคิดเผื่อไว้แล้ว เธอกล่าวกับเดอะสตาร์โดยปราศจากความลังเล
“เรื่องนี้อาจจะต้องรบกวนคุณ ฉันอยากให้คุณเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนชุมนุมแสงเหนือ ทำให้พวกมันตกที่นั่งลำบากมากกว่าปรกติ… ด้วยวิธีดังกล่าว พวกมันจะไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างอิสระนัก เมื่อพบเบาะแสของตระกูลอับราฮัมในภายหลัง พวกมันจะขอการสนับสนุนจากเบื้องบนจนกระทั่งลงเอยด้วย ชุมนุมแสงเหนือจะส่ง ‘นักบุญ’ ที่เคลื่อนไหวได้สะดวกที่สุดอย่างโบทิสมาทำงาน”
เลียวนาร์ดไตร่ตรองงานของตนสักพัก จากนั้นก็พยักหน้า
“เข้าใจแล้ว”
ในฐานะหัวหน้าหน่วยถุงมือแดง มันมีอำนาจที่จะทำ
“คำถามก็คือ…พระผู้สร้างแท้จริงจะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ไหม?” เลียวนาร์ดหันไปมองไคลน์
ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว
“คุณอยู่ภายใต้ความดูแลของทวยเทพ”
เลียวนาร์ดถอนหายใจพลางหันไปพูดกับเฮอร์มิท
“หมดคำถามแล้ว”
เฮอร์มิท แคทลียาจับขาแว่นพร้อมกับจ้องไปทางจัดจ์เมนต์
“เราจะตีกรอบชุมนุมลับที่มิสเมจิกเชี่ยนเข้าร่วมไว้ในเขตตะวันออกและย่านสะพานเบ็คลันด์ แถบดังกล่าวคือถิ่นของคุณ ให้คอยระวังความผิดปรกติทุกชนิดและรายงานฉันเป็นระยะ”
“ตกลง” แม้ซิลจะค่อนข้างผิดหวังที่ตนทำได้แค่งานจิปาถะ แต่เธอก็ทราบดี ฝีมือของตนคงไม่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้มากนัก
แคทลียาทำหน้าครุ่นคิดสักพัก
“คุณเป็นผู้พิพากษาใช่ไหม… อาจต้องคอยใช้พลัง ‘ข้อห้าม’ เป็นวงกว้างเพื่อรบกวนนักบุญเร้นลับ ถึงจะแสดงผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ช่วยทำให้ชะงักได้ในจังหวะสำคัญ… อย่าได้สงสัยในฝีมือตัวเอง เชื่อฉันเถอะ ผู้วิเศษลำดับกลางสายสนับสนุนสามารถสร้างอิทธิพลกับนักบุญได้ในระดับหนึ่งแน่นอน”
การสนับสนุนของเราจะได้ผลก็ต่อเมื่อครึ่งเทพเป้าหมายกำลังปะทะกับครึ่งเทพคนอื่น… เมื่อผนวกการศึกษาที่ซิลได้รับตั้งแต่ยังเด็ก เข้ากับประสบการณ์ระหว่างทำงานให้เอ็มไอเก้า เธอเข้าใจความนัยของมาดามเฮอร์มิทได้รวดเร็ว
ตอนนี้แผนการเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการปรับแต่งตามข้อมูลจริงในภายหลัง
เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส ถอนหายใจโล่งอกได้ไม่นานก็ฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงรีบพูดขึ้น
“ก่อนหน้านี้มิสเตอร์เวิร์ลเคยกล่าวว่า โบทิสอาจครอบครองสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ไว้กับตัว พวกเราควรรับมืออย่างไร?”
อันที่จริง เธอไม่เคยมีประสบการณ์โดยตรงกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 มาก่อน รวมถึงไม่เคยเห็นใครเผชิญหน้ากับมันในระยะใกล้ แต่ฟอร์สเคยลิ้มรสความน่าสะพรึงของสมบัติปิดผนึกระดับ 1 ที่มิสเตอร์เวิร์ลยืมมาจากเดอะฟูล เมื่อพิจารณาว่าระดับศูนย์สูงกว่าระดับหนึ่งถึงหนึ่งขั้นเต็ม เธอพอจะทวีคูณความน่ากลัวของมันขึ้นไปอีกหลายเท่า นอกจากนั้นฟอร์สยังเคยได้ยินว่าสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ สามารถทำลายกรุงเบ็คลันด์ได้ง่ายดาย หรือแม้กระทั่งโลกทั้งใบ
เฮอร์มิท แคทลียากล่าวหลังจากเงียบงันไปสักพัก
“เราจะอาศัยการฟังเสียงจิตใจผู้คนของมิสจัสติสเพื่อค้นหาร่องรอยน่าสงสัย ขณะเดียวกันก็จะใช้ความเป็นเจ้าถิ่นของมิสจัดจ์เมนต์ในการตรวจสอบความผิดปรกติในพื้นที่ เมื่อเสริมพลังทำนายเข้าไปอีกชั้น พวกเราสามารถยืนยันได้ว่าเป้าหมายพกพาสมบัติปิดผนึกมาด้วยหรือไม่… แต่ถ้าทำทุกทางแล้วยังตรวจไม่พบ และนักบุญเร้นลับโบทิสยังคงพกพาสมบัติปิดผนึกชิ้นดังกล่าว คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป มันจะไม่รีบฆ่าคุณแน่นอน แต่จะพาหนีไปยังสถานที่ปลอดภัยเพื่อสอบปากคำ และนั่นจะทำให้พวกเรามีเวลากีดกันมันออกจากสมบัติปิดผนึก…จงจำไว้ว่าสมบัติปิดผนึกไม่สามารถช่วยเหลือผู้วิเศษได้ตลอดเวลา…ในระหว่างนี้…ถ้าจำไม่ผิด คุณเคยบันทึกพลังพิเศษในลำดับสูงไว้จำนวนหนึ่งใช่ไหม? หากสถานการณ์ไม่สู้ดี อย่าลังเลที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อหลบหนี”
เท่าที่ฟัง… คุณเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน… ใบหน้าฟอร์สซีดลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ฝืนยิ้ม
“ฉันจะทำให้เต็มที่”
เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ถือโอกาสพูด
“หากสถานการณ์คับขัน พวกคุณสามารถสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล… ผมจะขอให้พระองค์ประทานพรล่วงหน้าและมอบวิวรณ์บางส่วน”
เนื่องจากปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อร่างต้นไคลน์โดยตรง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร แถมยังอาจเกี่ยวข้องกับสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แม้ไคลน์จะควบคุมปราสาทต้นกำเนิดได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็มิอาจทำนายเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เยี่ยมเลย… ฟอร์ส ซิล และคนที่เหลือต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อการชุมนุมย่อยใกล้ยุติ ไคลน์เหลือบมองไปทางเฮอร์มิทและกล่าว
“ดูเหมือนว่าภารกิจนี้คงไม่เสร็จภายในสิ้นปี… ผมจะจ่ายค่าตอบแทนคุณล่วงหน้า”
มันบีบอัดบางสิ่งให้กลายเป็นก้อนแสงสีซีดและผลักไปทางหญิงสาว
นี่คือมวลความรู้มหาศาลที่ไม่เคยเล่าให้แคทลียาฟัง
………………………………