Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1255 : เย้ยหยันตัวเอง
เมื่อไคลน์เผยรอยยิ้ม ‘จริงใจ’ ใบหน้าของเอ็นยูนร่างนักบุญผู้ชมพลันเกิดรอยร้าว จากนั้นร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยรอยร้าวสีเงินสว่างพร้อมกับแตกกระจัดกระจาย
เป็นไคลน์ที่ฉวยโอกาสใช้หุ่นเชิดอัศวินสีเงินควบแน่นพลัง ‘เรเพียร์เงิน’ เพื่อโจมตี!
ลำแสงจำนวนมากพวยพุ่งออกมาพร้อมกับฉีกร่างเหยื่อเป็นเศษเล็กเศษน้อย
อย่างไรก็ตาม เศษเนื้อดังกล่าวกลับดูเหมือนภาพมายามากกว่า เพราะไคลน์มิอาจสัมผัสถึงได้ถึงความจริง
นักบุญผู้ชมได้ใช้พลัง ‘ล่องหนทางใจ’ และสร้างภาพมายาขึ้นมาปกปิดตัวตนที่แท้จริง!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ลำแสงสีเงินบ้างพุ่งใส่ร่างนักบุญผู้ชมที่เอ็นยูนแบ่งออกมา บ้างระเบิดออกจากภายในร่างกายเป้าหมายโดยตรง
นักบุญผู้ชมอาศัยความเร็วและคล่องตัวที่มีรากฐานจากกายาอันแข็งแกร่ง คอยหลบหลีกและเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันมิให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ
เนื่องจากถูกสะกดจิตให้ควบคุมจิตใจความคิดได้อย่างแม่นยำ นิมิตลางสังหรณ์แจ้งเตือนอันตรายจึงมิอาจร่างภาพขึ้นในใจไคลน์ได้ ส่งผลให้ยากที่จะคาดเดาพฤติกรรมอีกฝ่าย ไคลน์จึงไม่สามารถยิง ‘เรเพียร์เงิน’ ดักหน้าหรือกะระยะให้ระเบิดในร่างเป้าหมายได้
ตึง! ตึง! ตึง!
อัศวินยักษ์ที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยเกราะเงินแข็ง ถือดาบใหญ่พุ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยบรรยากาศคุกคามประหนึ่งสามารถชนภูเขาให้ล้ม
เนื่องจากการคงอยู่ของเขตแดนเจิดจรัส อัศวินสีเงินหุ่นเชิดไคลน์จึงมิอาจใช้พลัง ‘แสงอำพราง’ เพื่อซ่อนตัวและลอบโจมตีได้ มีแต่ต้องวิ่งเข้าใส่อีกฝ่ายตรงๆ เท่านั้น
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า นักบุญผู้ชมพลันพองตัวและกลายร่างเป็นมังกรดุร้ายเจ้าของเกล็ดสีเทาอ่อน อันแน่นไปด้วยออร่าเทพท่วมท้น
มังกรตัวนี้มีร่างกายใหญ่โต เกล็ดสีเทาแข็ง กรงเล็บทรงพลังจนสามารถต้านรับดาบใหญ่ของอัศวินสีเงินได้
เปรี้ยง! โครม! ครืน! ท่ามกลางเสียงอึกทึก การปะทะกันของหนึ่งคนยักษ์หนึ่งมังกรสร้างความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนรอบข้าง ตำหนักหลายหลังพังถล่มด้วยความวุ่นวาย
ไคลน์ยังคงฉีกยิ้มกว้างเกินพอดีพลางตั้งใจควบคุมหุ่นเชิดให้เมินเฉย ‘เงา’
ไม่สิ อันที่จริงก็แอบรับมืออย่างลับๆ
มันคอยควบคุมด้ายวิญญาณของตัวเอง ของหุ่นเชิด ของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ ของโลเฟียร์ และของเดอะซันน้อยเพื่อป้องกันมิให้คนเหล่านี้ถูก ‘เงา’ เข้าควบคุมด้ายวิญญาณ ระหว่างนั้นก็คอยเหยียดแขนออกไปอัญเชิญภาพฉายที่ ‘เงา’ พยายามอัญเชิญ เป็นการยกเลิกการใช้พลังของอีกฝ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่นอกเหนือจากนั้น ไคลน์ไม่ชายตามอง ‘เงา’ แม้แต่น้อย
‘เงา’ เตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากส่งเสียง ‘ปัง’ อย่างไม่มีทางเลือก
กระสุนอัดอากาศพุ่งปะทะหุ่นเชิดอัศวินสีเงินและระเบิดออก
ท่ามกลางเสียงอึกทึก หุ่นเชิดสั่นสะเทือนแผ่วเบาก่อนจะกลับเป็นปรกติ เกราะสีเงินไม่มีรอยร้าวแม้แต่จุดเดียว
“ฮะฮะ!” ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์หัวเราะเสียงดังพร้อมกับทำท่าคล้ายจะกุมมือหัวเราะ
พลังโจมตีและพลังป้องกันทางกายภาพของ ‘ตัวเอง’ อ่อนแอเพียงใด คิดว่าไคลน์จะไม่ทราบเชียวหรือ?
ในสถานการณ์ที่พลังหากินอย่างอัญเชิญภาพฉายฯ และควบคุมด้ายวิญญาณกลายเป็นหมัน ‘เงา’ ที่ปราศจากหุ่นเชิดย่อมทำได้เพียงเฝ้ามองจากวงนอก ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่อัดอากาศ ควบคุมไฟ สร้างภาพลวงตา หรือทักษะต่อสู้ของตัวตลก ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนเสริมหรือไม่ท่าสนับสนุน
ในทำนองเดียวกัน ไคลน์มิได้โจมตีใส่ ‘เงา’ เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวเพียงใดเมื่อต้องเผชิญกับ ‘กระดาษคนตัวแทน’ ‘กระโจนเพลิง’ ‘ย้ายความเสียหาย’ และ ‘สร้างภาพลวงตา’ ไม่มีทางที่จะปิดบัญชีอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้น การปล่อยให้เป็นแค่ผู้ชมคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะ ‘เงา’ แทบไม่สร้างอิทธิพลใดกับศึกนี้เลย
ได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เงาดำชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจกระโจนมาด้านหน้า เป้าหมายของการโจมตีคือไคลน์ร่างต้น
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ เมื่อร่างต้นเอ็นยูนกระโดดลงมาเผชิญหน้ากับสามครึ่งเทพของเมืองเงินพิสุทธิ์ โคลิน·อีเลียดรีบชำเลืองไปทางเดอร์ริคก่อนจะเบือนหน้ากลับ ตามด้วยการไขว้ดาบในลักษณะกางเขนเพื่อตั้งท่าป้องกัน
ขณะเคลื่อนไหว เสื้อผ้าของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ฉีกขาดทันทีเนื่องจากกล้ามเนื้อขยายใหญ่กะทันหัน
เพียงพริบตา โคลิน·อีเลียดกลายร่างเป็นคนยักษ์ที่สูงเกือบหกเมตร มีผิวกายสีเทาน้ำเงินและมัดกล้ามเนื้อสีน้ำเงินเข้ม นับเป็นคนยักษ์ที่ร่างกายกำยำบึกบึนทีเดียว
กึ่งกลางหน้าผากมีรอยแยกสีเข้มที่ดูราวกับจะดูดกลืนวิญญาณรอบตัวเข้าไป แต่ดวงตาในตำแหน่งเดิมได้หายไปโดยสมบูรณ์
ทุกตารางนิ้วของผิวกายคนยักษ์รายนี้อัดแน่นไปด้วยพละกำลังมหาศาล ความลึกลับไร้ก้นบึ้ง และอิทธิพลทางวิญญาณที่แปลกประหลาด ส่งผลให้ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องรู้สึกปวดแปลบทางจิต ต้องการทำลายทุกสิ่งรวมไปถึงตัวเอง
เขตแดนเจิดจรัสที่เอ็นยูนกางขึ้นช่วยให้โคลิน·อีเลียดไม่ต้องกังวลว่า ‘แสงสนธยา’ ภายในอาณาจักรเทพจะส่งผลต่อการเผยร่างสัตว์ในตำนานของตนจนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
บาเรียล่องหนรอบตัวโคลินพลันควบแน่น พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นกระแสโลหะเหลวสีเงินหลั่งไหลมาปกคลุมร่างกายคนยักษ์ จากนั้นก็แข็งตัวกลายเป็นชุดเกราะที่หนักแน่นจนดูราวกับไม่มีวันถูกสั่นคลอน
ทันใดนั้นเอง เงาดำบนตัวเอ็นยูนเริ่มกลั่นเป็นบางสิ่งที่ดูจับต้องได้ ช่วยให้เอ็นยูนสามารถแปลงร่างเป็น ‘คนยักษ์’ ที่สูงหลายเมตรซึ่งแต่งกายในชุดเกราะสีดำและถือดาบใหญ่สีเดียวกัน
อัศวินมืด!
เคร้ง!
ดาบยักษ์สีดำฟันสับลงมาในแนวตั้งก่อนจะถูกหยุดไว้กลางอากาศโดยดาบรุ่งอรุณที่ไขว้กันด้านหน้า
เงาดำใต้ฝ่าเท้าเอ็นยูนรวมถึงปีกมายาสีดำด้านหลัง เริ่มขยายขนาดและพยายามโอบล้อมร่างกายโคลิน·อีเลียด
แทบจะในเวลาเดียวกัน ‘พายุแสง’ ที่เกิดจากการควบแน่นของแสงรุ่งอรุณหมุนวนรอบตัวโคลินที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
พายุที่เปี่ยมไปด้วยประกายแสงกลืนกินเงาดำของเอ็นยูนในพริบตา ขณะเดียวกันก็ป้องกันอันตรายจากปีกมายา
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ปัง! ปัง!
อัศวินสีเงินโคลินและอัศวินมืดเอ็นยูนระเบิดพลังปะทะกันอย่างหนักหน่วง เกิดเป็นประกายแสงกระเด็นออกไปโดนหอคอยจนพังถล่ม
ทางด้านเดอร์ริค มันกระโจนออกไปพร้อมกับค้อนเทพสายฟ้าคำรามหลังได้รับสัญญาณจากเจ้าเมือง เป้าหมายคือนักบุญสุริยัน
ท่ามกลางเสียงกระแสลมโหยหวน เด็กหนุ่มฟาดค้อนยักษ์ที่รายล้อมด้วยสายฟ้าไปข้างหน้าด้วยกิริยาท่าทางคล้ายกับผู้วิเศษเส้นทางวายุมากกว่าเส้นทางสุริยัน
นักบุญสุริยันคาดไม่ถึงว่า ‘ผู้เจิดจรัส’ ฝั่งศัตรูจะบุกเข้ามาประชิดตัวด้วยความห้าวหาญเช่นนี้ เมื่อพิจารณาว่าตนตอบสนองช้าเกิดกว่าจะตอบโต้ มันตัดสินใจฉากหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้นเอง แสงเงินสว่างพลันระเบิดออกจากจุดที่นักบุญสุริยันกำลังจะก้าวไป ส่งผลให้คลื่นพลังงานฉีกกระชากร่างกายอย่างโหดเหี้ยม
วิญญาณมารของโลเฟียร์เองก็กำลังเล็งโจมตีนักบุญสุริยันเช่นกัน
ในวินาทีดังกล่าว แสงสีทองพรั่งพรูออกจากร่างนักบุญสุริยันประหนึ่งคลื่นสมุทร หลอมละลายแสงสีเงินที่ปกคลุมร่างกายก่อนจะก่อตัวเป็นชุดเกราะแห่งแสงและกระบองศึก
บึ้ม!
กระบองศึกปัดป้องเทพสายฟ้าคำรามจนประกายอสนีกระเด็นออกไปทุกทิศ
ในเวลาเดียวกัน นักบุญสุริยันแผ่แสงอบอุ่นออกจากร่างจนทำให้วิญญาณมารอัศวินสีเงินเริ่มเลือนรางราวกับใกล้สลาย โลเฟียร์ที่อยู่ในชุดเกราะสีดำพลันหน้าซีดราวกับกระดาษ และเมื่อออร่า ‘เสื่อมทราม’ เริ่มเจือจาง หุ่นเชิดอัศวินสีเงินของไคลน์ก็อ่อนแอลงด้วยเช่นกัน
แสงชำระล้าง!
พลังหลักของผู้เจิดจรัส จะแสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อเผชิญหน้ากับเป้าหมายประเภทอันเดด วิญญาณอาฆาต เสื่อมทราม และสกปรก!
เมื่อต้องเผชิญกับพลังชำระล้าง โลเฟียร์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้อนวิญญาณมารอัศวินสีเงินกลับมาอยู่สถานะเข้าคอก จากนั้นก็ใช้พลังของวิญญาณด้วยร่างกายตัวเองซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพด้อยลง
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เส้นแสงสีเงินสว่างบ้างก็ ‘บลิงค์’ บางก็พุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูง กดดันให้นักบุญสุริยันทำได้เพียงตั้งรับและหลบหลีก
หลังจากชำเลืองหนึ่งครั้ง เดอร์ริคหยุดการกวัดแกว่งเทพสายฟ้าคำรามหรือพุ่งเข้าประชิดตัวนักบุญสุริยันมากไปกว่าเดิม เพียงก้าวถอยหลังสร้างระยะห่างและหันไปมองการปะทะกันระหว่างดาบยักษ์สีดำและดาบยาวสองเล่มสีรุ่งอรุณ จากนั้นมันเปลี่ยนใจยื่นมือช่วยโคลินจัดการเอ็นยูน
เด็กหนุ่มกางแขนออกกว้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึมประหนึ่งโอบกอดของขวัญจากพระเจ้า
เขตแดนเจิดจรัสยิ่งทวีความสว่างไสว ราวกับแสงอาทิตย์สามารถทะลวงผ่านบาเรียเข้ามาและมอบแสงสว่างแก่ภายใน
ทันทีหลังจากนั้น ลูกบอลแสงบริสุทธิ์ที่รายล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาลเริ่มโปรยปรายลงจากฟากฟ้า ถล่มใส่ตำแหน่งของเอ็นยูนและโคลินโดยไม่จำแนกมิตรหรือศัตรู
เพลิงสุริยัน!
เพลิงสุริยันของผู้เจิดจรัส!
นี่คือเวทมนตร์ที่ไคลน์เคยใช้ทำลายเมกูสและทารกในท้อง สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลแก่สิ่งมีชีวิตในขอบเขต ‘กัดกร่อน’ ‘เสื่อมทราม’ และ ‘อันเดด’ หรือในบางกรณีอาจลบล้างให้หายไปในพริบตา
ท่ามกลางลูกบอลแสงที่รายล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ปีกมายาสีดำบนแผ่นหลังเอ็นยูนเริ่มผุดหมอกเจือจางลอยขึ้นด้านบน ชุดเกราะสีดำของมันเริ่มละลายและผิวกายบางส่วนเริ่มปริแตก นอกจากนั้นเปลวเพลิงยังคอยแผดเผาออร่าเสื่อมทรามที่เล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง
โคลิน·อีเลียดก็ได้รับบาดเจ็บไม่ต่างกัน เกราะสีเงินบนตัวมันแปรสภาพเป็นโลหะเหลวสีเงิน
เดอร์ริคมิได้ใส่ใจกับเรื่องดังกล่าวมากนัก ยังคงปลดปล่อยเพลิงสุริยันอีกระลอกลงในตำแหน่งของเอ็นยูนและโคลิน
มันเชื่อว่าเมื่อเทียบกับศัตรูที่อยู่ในขอบเขตเสื่อมทรามและกัดกร่อน เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ที่เป็นเส้นทางนักรบย่อมได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลายเท่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายใดจะล้มตายไปก่อน
และเมื่อจัดการกับศัตรูตัวหลักเสร็จ เด็กหนุ่มค่อยขอให้มิสเตอร์เวิร์ลอัญเชิญไม้เท้าแห่งชีวิตออกมารักษาเจ้าเมือง
นี่คือวิธีที่เร็วที่สุดแล้วในการปิดบัญชีเอ็นยูน!
เดอร์ริคมิได้คิดแผนนี้ขึ้นมาเอง และไม่ใช่ไอเดียจากไคลน์ หากแต่เป็นสิ่งที่เจ้าตัวโคลินเสนอ
ย้อนกลับไปในช่วงก่อน ระหว่างที่กำลังปรึกษาหารือด้านหน้าประตูวัง ไคลน์ทำเพียงอธิบายขอบเขตความสามารถที่เป็นไปได้ของเอ็นยูนและ ‘เงา’ โดยไม่เสนอแนวคิดหรือแนะนำทิศทาง การวางแผนทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์เพียงคนเดียว
นั่นเพราะชายหนุ่มทราบดีว่า ‘เงา’ ตัวดังกล่าวก็รู้จักตนทุกซอกมุมเช่นกัน สิ่งใดที่ไคลน์คิดได้อีกฝ่ายก็ย่อมคิดได้ หากวางแผนโดยใช้แนวทางของไคลน์เป็นหลัก ศัตรูจะคิดหาทางรับมือได้ง่ายดาย ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดจึงเป็นการฝากชะตากรรมไว้กับสัญชาตญาณและสติปัญญาของนักล่าปีศาจ
และโคลิน·อีเลียดก็ไม่อ้อมค้อม มันยืนกรานว่าเป้าหมายหลักต้องเป็นเอ็นยูนที่ถูกเทวทูตมืดกัดกร่อน จึงเริ่มวางแผนโดยใช้จุดประสงค์ดังกล่าวเป็นแกนหลัก เลือกวิธีคว้าชัยโดยให้ตัวเองต้องเสียสละบางส่วน
มันไม่กลัวความเจ็บปวด สิ่งเดียวที่กังวลคือโอกาสทองอาจไม่โผล่มาให้ไขว่คว้า
ลูกบอลแสงที่รายล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากถูกยิงลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับมอบความสว่างไปทุกสารทิศ ผลของการโจมตีทำให้ ‘เงา’ ของไคลน์จางลงไปจากเดิมหลายส่วน และปีกมายาสีดำของเอ็นยูนก็ยิ่งระเหยจนแทบจะกลายเป็นเพียงภาพมายาโดยสมบูรณ์
แต่ทันใดนั้นเอง ปีกมายาสีดำคู่หนึ่งได้ลอยออกจากแผ่นหลังเอ็นยูนและกลายร่างเป็น ‘ทะเล’ ลึก
………………………