Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1292 : ก้าวแรกสู่บายัม
หลังจากเรือเดินสมุทรลำใหญ่ของกลุ่มต่อต้านเข้าจอดเทียบท่า ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคนได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อคอกลม แจ็คเก็ตสีน้ำตาล กางเกงขาบาน และหมวกแก๊ปสีดำที่เตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็เดินตามลอร์ดเดนิสลงจากเรือ และเตรียมผ่านเขตท่าเรือเข้าไปในเมืองแห่งการให้ บายัม
“แต่งตัวแบบนี้อึดอัดชะมัด ไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยสักนิด…” ขณะกำลังเดิน ลีอาวาลขยับมือเท้าพลางกระซิบกับอาวุโสเดอร์ริค
เดอร์ริคพยักหน้ารับ
“แต่สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเราไม่เป็นที่สะดุดตา ง่ายต่อการกลมกลืน”
การให้เหตุผลของเดอร์ริคนั้นไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้พวกมันเป็นคนต่างถิ่นซึ่งมีจำนวนเพียงยี่สิบเอ็ด เป็นการดีที่จะไม่ทำตัวสะดุดตาเกินไป แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะหลงลืมรายละเอียดที่สำคัญ
“ต…แต่พวกเขากำลังจ้องมาทางนี้… ทุกคนเลย” แคนดิสกระซิบกระซาบขณะกวาดสายตา
คนงานในท่าเทียบเรือ ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายหรือปล่อยท่อนบน ทุกคนต่างหันมาจดจ้องนักเดินทางหน้าใหม่
“สูงฉิบ…” ชาวบายัมเจ้าของผิวสีแทนและผมหยักศกเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะรำพัน
ตัวมันสูงราว 1.6 เมตร เป็นความสูงมาตรฐานของพลเรือนชายในอาณานิคมสมัยใหม่ แต่สำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคน หากไม่นับเดอร์ริคที่สูงกว่าสองเมตรเพียงเล็กน้อย คนที่เหลือล้วนไม่มีใครต่ำกว่า 2.3 เมตร และสูงที่สุดเกินกว่า 2.5 เมตรไปอีก
การที่ครึ่งยักษ์เหล่านี้เดินเตร็ดเตร่แถวท่าเรือ ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยอะไรก็ล้วนโดดเด่น
“พวกฟุซัค?” สุภาพบุรุษชาวโลเอ็นที่สวมหมวกทรงสูง แต่งกายสุภาพและถือไม้ค้ำ หันไปกล่าวกับสหาย “การค้าทาสเริ่มขึ้นแล้วหรือ?”
มันเชื่อว่าชาวเมืองเงินพิสุทธิ์คือเชลยศึกชาวฟุซัคที่รัฐบาลรอสต์ซื้อมาจากอาณาจักรโลเอ็น เพราะท้ายที่สุด สำหรับโลกยุคปัจจุบัน การมีความสูงระดับนี้ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากชาวฟุซัค พวกคนเถื่อนที่อ้างตัวว่าทายาทของคนยักษ์
พวกพ้องของมันส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว
“ดูไม่เหมือนเท่าไร พวกฟุซัคส่วนมากจะมีตาสีฟ้าอ่อน และถึงจะเป็นชาวฟุซัค แต่ก็หาคนที่สูงกว่าสองเมตรได้ยากมาก… ว…เว้นเสียแต่พวกเขาจะเป็นเชลยศึกระดับขุนนางใหญ่หรือแม่ทัพ…”
ในฟุซัค แม้จะไม่มีข้อกำหนดตายตัว แต่สำหรับกองทัพ ความสูงกลับสามารถบ่งบอกสถานะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงข้อเดียวในการพิจารณา ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านภูมิหลังครอบครัว บรรดาศักดิ์ตระกูล และยศเป็นต้น
จาก ‘หลักการ’ ดังกล่าว บรรดาลูกหลานของขุนนางฟุซัคและเบื้องบนของกองทัพจึงมีความสูงเกินสองเมตรเป็นส่วนใหญ่
คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แต่ความจริงแล้วส่วนสูงดังกล่าวเกิดจากอิทธิพลของตะกอนพลัง
กลุ่มคนที่สามารถเป็นเบื้องบนของกองทัพฟุซัคได้ หากไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่ก็ต้องอยู่ในลำดับ 5 เป็นอย่างน้อย และสำหรับรายหลัง เมื่อซึมซับอิทธิพลจากโอสถเส้นทางคนยักษ์อย่างต่อเนื่อง ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ส่วนสูงจะขยับเข้าใกล้ค่า ‘มาตรฐาน’ – เหล่าผู้ที่เลือกเส้นทางนักบวชสีชาดเองก็มีความสูงเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ช่วงแรกจะไม่เด่นชัดเท่าเส้นทางคนยักษ์ และรวมทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ต้องเลื่อนเป็นครึ่งเทพให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพเสียก่อน
สำหรับกลุ่มทายาทขุนนางใหญ่ บรรพบุรุษของพวกมันมีแนวโน้มที่จะเป็นคนยักษ์แท้ หรือไม่ก็ผ่านการสมรสกับคนยักษ์แท้ ไม่ต้องคำนึงว่าทายาทจะสืบทอดตะกอนพลังมาจากพ่อแม่หรือไม่ ลำพังรหัสพันธุกรรมก็มากพอจะช่วยให้ส่วนสูงของพวกมันเพิ่มถึงสองเมตรได้ตามธรรมชาติ
ในหมู่คนเหล่านี้ ตระกูลที่ยังคงครอบครองเส้นทางคนยักษ์และกลุ่มที่ยังหลงเหลือมรดกบางอย่าง ทายาทของพวกมันจะมีโครงสร้างร่างกายคล้ายคลึงกับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์
สำหรับราชวงศ์ฟุซัคซึ่งถือครองเส้นทางนักบวชสีชาด พวกมันรักษาความสูงของลูกหลานด้วยการสมรสกับสายเลือดคนยักษ์แท้
ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองเริ่มทวีความประหม่า เป็นความรู้สึกคล้ายกับพวกมันถูกส่งกลับไปยังดินแดนต้องสาปและรายล้อมไปด้วยสายตาของสัตว์ประหลาดในเงามืด
เดอร์ริคยังคงสุขุมและใจเย็น มันมองไปรอบตัวก่อนจะกล่าวกับสมาชิกทีมบุกเบิก
“พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย”
หลังจากยืนยันว่ามิสเตอร์แฮงแมนอยู่ในเมืองนี้ และอีกฝ่ายทราบการมาถึงของตนแล้ว เดอร์ริคไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรืออับจนหนทาง
นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กหนุ่มไม่ไว้ใจ ‘ลอร์ดเดนิส’ ผู้ส่งสารที่มิสเตอร์ฟูลมอบหมายให้มาทำภารกิจ เพียงแต่มองว่าหากเป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน พวกมันก็ไม่อยากรบกวนทวยเทพสักเท่าไร ถ้าสิ่งใดแก้ไขด้วยตัวเองได้ก็จะลองทำดูก่อน
ในแง่ของการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เดอร์ริคซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอกย่อมไม่มั่นใจว่าตนจะรับมือได้ดี ด้วยเหตุนี้ การมี ‘คนท้องถิ่น’ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ปัญญา ความรอบคอบ และน่าเชื่อถือคอยสนับสนุน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แน่นอน เดอร์ริคทราบดีว่า มิสเตอร์แฮงแมนจะไม่ติดต่อกับพวกตนในที่สาธารณะ เพราะอีกฝ่ายสังกัดกองกำลังอื่น ไม่ได้เป็นสาวกของเทพสมุทร หากเผลอมาตีสนิทกับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ นั่นอาจทำให้ถูกสงสัยเอาได้
อย่างไรก็ดี เขาจะต้องหาเหตุผลที่ฟังขึ้นเพื่อมาพบเราได้แน่… เดอร์ริคครุ่นคิดด้วยความคาดหวัง
ท่ามกลางกระแสความคิด มันและทีมบุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์เดินตามลอร์ดเดนิสออกจากท่าเรือไปยังถนน
ทัศนวิสัยของพวกมันกว้างขึ้นทันใด ทุกคนได้เห็นผู้คนมากมาย แถมยังได้ยินเสียงที่หลากหลายซึ่งแตกต่างออกไป
สำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ ฉากตรงหน้ามีชีวิตชีวายิ่งกว่า ‘เทศกาลเก็บเกี่ยวใหญ่’ ในบ้านเกิดเสียอีก: ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ้างกำลังเดินด้วยความเร่งรีบ บ้างเดินเล่นผ่อนคลาย และบ้างกำลังถือตะกร้าผลไม้ บางคนใช้หลอดดูดของเหลวออกจากด้านในผลไม้ บางคนถืออาหารที่ดูคล้ายพายแสนอร่อยบนเรือและใช้ปากกัดเป็นครั้งคราว
นอกจากนั้นยังมีสัตว์คล้ายม้าที่กำลังลากรถจนเกิดเสียงคล้ายกระดิ่ง วัตถุโลหะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง และกลิ่นของเครื่องเทศนานาชนิดที่แทรกซึมอยู่ตามถนน ทำให้ทุกคนในเมืองเงินพิสุทธิ์รู้สึกราวกับหลุดมายังอีกโลกหนึ่ง
สำหรับพวกมัน ที่นี่คืออีกโลกหนึ่งโดยแท้จริง
แม้ว่าจะค่อนข้างกังวลและไม่สบายใจ แต่ทุกคนก็กำลังดื่มด่ำไปกับความมีชีวิตชีวาของเมือง
สิ่งนี้เปรียบดังแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในดวงจิต สะท้อนภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังเจิดจ้าอยู่เหนือท้องฟ้า
นี่คือสถานที่ที่พวกเราจะได้ดำรงชีวิต ต่อสู้ และมีทายาทสืบสกุลในวันข้างหน้า? เดอร์ริค ลีอาวาล แคนดิส และคนที่เหลือต่างพากันจินตนาการในสิ่งเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย แม้จะยังคงรู้สึกประหม่า แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธหรือต่อต้านมัน
เดนิสชำเลืองไปทางกลุ่มคนร่างใหญ่ที่โง่เขลาซึ่งกำลังตกตะลึงกับความมีชีวิตชีวาในบายัม ภายในใจอดไม่ได้ที่จะพึมพำ:
นี่แค่บายัมเองนะ ถ้าพวกนายไปทรีอาร์หรือเบ็คลันด์ จะไม่คุกเข่าลงและก้มจูบพื้นเลยหรือ?
โจรสลัดคนดังพยายามข่มใจไม่ให้กล่าวเย้ยหยัน เนื่องจากตอนนี้มันอยู่ในฐานะผู้ส่งสารของมิสเตอร์ฟูล การทำแบบนั้นรังแต่จะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพระองค์เสื่อมเสีย
หลังจากนำทางชาวเมืองเงินพิสุทธิ์มาถึงโรงแรมที่ค่อนข้างหรูหรา เดนิสโบกมือให้ลูกเรือจัดการเรื่องเช็กอิน ส่วนตัวมันหันมาพูดกับแขกพิเศษด้วยภาษาคนยักษ์ที่คล่องแคล่ว:
“ตอนนี้มืดแล้ว พักที่นี่ก่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยออกจากเมือง… สำหรับสถานที่สำหรับสร้างเมืองให้พวกคุณ พระองค์ได้จัดสรรไว้แล้ว เป็นอีกฟากหนึ่งของผืนป่า มีท่าเรือตามธรรมชาติและถนนหลายเส้นที่มาถึงบายัม หึหึ ผมหมายถึงถนนที่นำมายังเมืองนี้ หลังจากนั้นพวกเราจะขยายถนนสายหลักและสร้างรางรถไฟผ่านเมืองของพวกคุณ”
รางรถไฟ… เดอร์ริคซึ่งเคยผ่านคาบเรียนในชุมนุมทาโรต์ ย่อมทราบดีว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร มันพยักหน้ารับด้วยความขอบคุณก่อนจะกล่าวสรรเสริญเดอะฟูลในใจอีกครั้ง
เดนิสพูดต่อ
“ทางเราปรับระดับดินให้พวกคุณล่วงหน้าแล้ว และสงวนพื้นที่ไว้สำหรับท่อประปา ท่อแก๊ส และโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่น เมื่อพวกคุณเริ่มสร้างบ้าน เราจะส่งทีมไปช่วยสนับสนุนอีกแรง… นอกจากนั้น วัสดุก่อสร้างที่จำเป็นและเต็นท์ชั่วคราวถูกเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เรื่องนี้ต้องไปขอบคุณมิสเตอร์ฟูล… จริงสิ ทางโบสถ์วายุสลาตันเองก็ช่วยเหลือไม่น้อยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเตรียมวัสดุได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ว่า… พวกมันก็แค่ทำไปเพื่อให้ตัวเองมีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต”
รัฐบาลใหม่ของรอสต์เพิ่งจัดตั้งได้ไม่นาน การติดต่อกับโลกภายนอกยังไม่ราบรื่นมากนัก แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ทางโบสถ์วายุสลาตันกลับยื่นมือช่วยเหลือในประเด็นเกี่ยวกับเมืองเงินพิสุทธิ์อย่างเต็มที่
ท่อประปา… ท่อแก๊ส… เดอร์ริคเริ่มไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็ยังคงทำสีหน้าครุ่นคิด
มีหลายครั้งที่เดนิสเกือบหลุดสบถคำว่า ‘แม่เย็*’ ด้วยความเคยชิน โดยไม่กล่าวคำใด มันหันไปแนะนำเกี่ยวกับโรงแรม
“นี่คือโรงแรมที่ชาวฟุซัคชอบมาพัก สำหรับพวกคุณ เพดานอาจยังเตี้ยเกินไป แต่อย่างน้อยก็ไม่กระแทกศีรษะง่ายๆ”
กล่าวจบ เดนิสยิ้มและพูด
“เลี้ยวขวาสุดถนนสายนี้จะเจอ ‘โรงละครแดง’ …”
มันเผยรอยยิ้มที่ผู้ชายทุกคนล้วนเข้าใจตรงกัน
ทว่า ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่เข้าใจ
ให้ตายสิ จักรพรรดิโรซายล์เคยบอกว่า อาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์คือการขายร่างกาย แต่เจ้าพวกนี้กลับไม่เข้าใจสิ่งที่เราพูด… มุมปากเดนิสกระตุกแผ่วเบา มันตัดสินใจยอมแพ้ในหัวข้อดังกล่าว
รอจนกระทั่งผู้ช่วยและรองผู้ช่วยกัปตันของมันช่วยกันเช็กอินจนเสร็จ เดนิสพาชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ขึ้นไปยังชั้นสองและจัดสรรห้อง
จัดการเสร็จ มันหยิบกองไพ่ที่เขียนเตรียมไว้นานแล้วออกมาแจกจ่ายให้สมาชิกทีมบุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคนนอกจากเดอร์ริค
“ไพ่แต่ละใบมีคำท้องถิ่นและภาษาคนยักษ์ที่สอดคล้องกันเขียนไว้ ถ้าพวกคุณต้องการอาหารหรือบริการด้านอื่น แค่สั่นกระดิ่งตรงนี้และรอให้พนักงานเดินมาหา จากนั้นก็เรียงไพ่ให้พวกเขาอ่าน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจ แต่เขาจะขอความช่วยเหลือจากคนที่เข้าใจ”
นี่เป็นวิธีที่สะดวกและเข้าใจง่าย ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์เข้าใจวิธีใช้ไพ่ได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มตื่นเต้นที่พวกตนสามารถสื่อสารกับผู้คนได้เบื้องต้น
จากนั้น เดนิสสาธิตวิธีเปิดน้ำประปา วิธีใช้ห้องน้ำ และวิธีจุดไฟตะเกียงแก๊ส ฉากดังกล่าวทำให้เดอร์ริค ลีอาวาล และแคนดิสรู้สึกราวกับพวกตนหลงเข้ามาในอาณาจักรเทพ
ปุ่มที่จะปล่อยน้ำออกมาเพียงแค่กด ปุ่มที่ทำให้อุจจาระหายไปและไม่ทิ้งร่องรอยเพียงแค่กด ตะเกียงที่สามารถส่องแสงได้ตลอดเวลาหลังจากจุดไฟเพียงครั้งเดียว ไม่มีใครในเมืองเงินพิสุทธิ์เคยจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้มาก่อน
และสิ่งเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใหม่พวกตน
เมื่อทุกคนในเมืองเงินพิสุทธิ์เริ่มคุ้นชินกับโรงแรม ท้องฟ้าด้านนอกมืดก็ถึงคราวสนิท ยามวิกาลเข้าครอบงำเมืองบายัม
แม้เดอร์ริคและคนที่เหลือจะได้รับการยืนยันว่าความมืดที่นี่ไม่อันตราย แต่พวกมันยังคงหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ บางคนจึงสร้างแสงไฟจากร่างกาย และบางคนก็รีบเปิดตะเกียงแก๊ส
ทันใดนั้นเอง พวกมันพบว่าบนถนนด้านนอกกระจกหน้าต่าง ในบ้านหลังที่อยู่ใกล้และไกล ตะเกียงแก๊สหลายดวงทยอยสว่างขึ้นทีละหนึ่งและขจัดความมืดมิดรอบตัว
แสงจ้าและแสงสลัวเหล่านี้กำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคน
………………………