Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1306 : ผนึก
เงาสีดำยืนแข็งทื่ออยู่สักพัก มันปล่อยมือออกจากคอแบร์นาแดตพลางใช้ดวงตาที่ไม่มีอยู่จริงจ้องหน้าราชินีเงื่อนงำ
เสียงแหบแห้งดังขึ้นในมิติซ่อนเร้น
“บ้านเกิด…”
เสียงดังกล่าวลังเลเจือความสับสนประหนึ่งยังไม่มั่นใจ ราวกับเป็นเสียงที่ดังมาจากอีกโลกหนึ่ง
การกัดกร่อนที่แบร์นาแดตเคยเผชิญพลันเลือนหาย การเชื่อมต่อกับสมบัติปิดผนึกกลับคืนมาอีกครั้ง
ความตายสีจางเริ่มกัดกินชีวิตหญิงสาวทีละนิด ช่วยให้เธอรักษาสมดุลระหว่างความคิดที่โกลาหลจนสามารถคงสติเอาไว้ได้
ขณะเตรียมกล่าวบางสิ่ง เงาสีดำได้เหยียดแขนออกมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ แทนที่จะบีบคอแบร์นาแดต มันกลับผลักอย่างแรง
ตามติดมากับการผลักคือการพังทลายของมิติซ่อนเร้น เสียงอันเจ็บปวดราวกับกำลังฝืนต่อต้านบางสิ่งดังขึ้น:
“ออกไป!”
เมื่อเสียงดังกล่าวกังวาน ร่างสีดำได้อันตรธานหายไปจากอากาศ
ถัดมา มันโผล่ขึ้นบนเวทียกสูงกึ่งกลางห้องและนั่งลงบนที่นั่งเหล็กดำขนาดมหึมา
บนใบหน้าผุดรอยแยกสองจุด ดูคล้ายดวงตาสองข้างที่ไม่สมมาตรกัน
แต่ ‘ดวงตา’ ดังกล่าวปราศจากรูม่านตา มีเพียงสีแดงเลือด
ทันทีหลังจากนั้น อีกหนึ่งรอยแยกผุดขึ้นใต้ ‘ตา’ ทั้งสองข้าง แสงสีแดงสว่างออกจากภายใน
นั่นทำให้ร่างดังกล่าวมี ‘ปาก’ สำหรับพูด
มันจดจ้องแบร์นาแดต ตะโกนด้วยเสียงแฝงความเจ็บปวดคล้ายกับกำลังต่อต้านบางสิ่ง:
“ออกไปจากที่นี่!”
หลังจากถูกผลักกระเด็นหลายสิบเมตร แบร์นาแดตพยุงตัวยืนอย่างไม่ยากเย็น แต่เธอยังคงยืนกรานที่จะไม่ฟังคำสั่งของอีกฝ่ายซึ่งบอกให้ออกไปจากสุสานจักรพรรดิมืด ยังคงยืนในตำแหน่ง จ้องเงาดำกึ่งกลางเวทียกสูงด้วยสายตาเหม่อลอย สีหน้าแววตาเผยความเศร้าอย่างมิอาจปกปิด
เธอสัมผัสได้ และมั่นใจเหลือเกินว่าเงาสีดำคือบิดาของเธอ ชายผู้เรียกตัวเองว่า ‘ซีซาร์’ โรซายล์·กุสตาฟ
วินาทีถัดมา รอยแยกบนร่างสีดำเริ่มเพิ่มจำนวน ไล่จากบนลงล่างสุด จนกระทั่งดอกไม้สีแดงผลิบานเต็มร่างกาย
ฉากตรงหน้าดูคล้ายกับโรซายล์เป็นเงาดำที่พยายามห่อหุ้มวัตถุซึ่งเปล่งแสงสีแดงเลือด
ได้เห็นภาพดังกล่าว ไคลน์เหนือสายหมอกหวนนึกถึงพระจันทร์แดงบนท้องฟ้าทันที
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าโรซายล์จะดำรงอยู่ในสถานะของเงา พยายามบดบังอิทธิพลจากดวงจันทร์สีแดง แต่ท้ายที่สุดก็ต้านไม่ไหว ร่างกายหลายจุดฉีกขาดจนแสงจันทร์ส่องเข้ามาในโลกความจริง
เมื่อรอยฉีกขาดเหล่านี้ผสานเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ พระจันทร์แดงดวงใหม่จะถือกำเนิด
เมื่อถึงตอนนั้น เหตุการณ์อันน่าสะพรึงจะถือกำเนิดอย่างมิอาจเลี่ยง
ทันใดนั้นเอง ร่างสีดำของโรซายล์เริ่มจางลง คล้ายกับกลายเป็นภาพมายา
ฉากตรงหน้าดูราวกับโรซายล์ถูกกีดกันไว้ในโลกอีกใบหนึ่งด้วยบาเรียล่องหน ตัดขาดออกจากความเป็นจริง
จากนั้น โรซายล์ยกแขนขวาซึ่งเป็นเงาดำขึ้นอย่างยากลำบากและสัมผัสลงบนหน้าผาก
ความถี่ของรอยฉีกสีแดงลดลงทันที แต่ ‘ดวงตา’ จำนวนมากซึ่งเกิดขึ้นมาแล้ว เริ่มกะพริบพร้อมเพรียง
อย่างไรก็ดี ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อม คล้ายกับเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงกฎระเบียบ การเกิดใหม่ของดวงตาสีแดงถูกบิดเบือน ส่วนรอยแยกเดิมเริ่มตื่นตัว
หลังจากจัดการเสร็จ โรซายล์เงยหน้าขึ้นจ้องแบร์นาแดตซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร กล่าวกึ่งยิ้มด้วยเสียงแหบแห้ง:
“ลูกกลายเป็นคนใหญ่คนโลกในโลกเหนือธรรมชาติจริงๆ … แถมยังสามารถมาถึงที่นี่ได้ตามลำพัง… เข้ามาสิ ให้พ่อดูหน่อยว่าองค์หญิงตัวน้อยของพ่อโตขึ้นมากแค่ไหนแล้ว”
ดวงตาแบร์นาแดตแดงก่ำทันใด เธอบรรจงย่างกรายไปด้านหน้า
โรซายล์ยิ้มอีกครั้ง:
“ในตอนที่พ่อสร้างหนังสือภาพ ทำสื่อการสอน และประดิษฐ์เกมง่ายๆ ให้เล่น ลูกยังเพิ่งตัวนิดเดียว… แต่ตอนนี้เก่งพอที่จะออกตามหาและช่วยเหลือบิดาแก่ชราผู้น่าสมเพช… พ่อยังไม่ลืม ในตอนที่ลูกยังเด็ก ลูกชอบเสื้อผ้าทุกตัวที่พ่อออกแบบให้… แต่น่าเสียดาย เมื่อโตขึ้น ลูกมิอาจสวมเดรสลูกไม้หลายชั้นได้อีก…”
มหาจักรพรรดิเล่าเรื่องเก่าประหนึ่งชายไม้ใกล้ฝั่งซึ่งชอบรำลึกถึงความหลัง
ขณะแบร์นาแดตเร่งฝีเท้า ไคลน์บนสายหมอกเริ่มขมวดคิ้ว
ทันใดนั้น จักรพรรดิโรซายล์ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเปล่งเสียงเปี่ยมอำนาจ:
“หยุด!”
น้ำเสียงของมันแฝงความเจ็บปวดอันยากจะบรรยาย
แบร์นาแดตชะงักไปเล็กน้อย ความเร็วของเธอลดลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง
หญิงสาวจ้องเงาดำพลางเผยความเศร้าซึ่งยากจะบรรยาย
โรซายล์เงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกระแอมแห้ง
“ลูกไม่อยากถามหรือ ว่าทำไมผิวนอกของสุสานจักรพรรดิมืดต้องสลักกฎระเบียบที่พ่อเคยประกาศใช้ สลักงานประดิษฐ์และสมัยนิยมที่พ่อเป็นผู้กำหนด? อันที่จริง นั่นไม่จำเป็นเลย พ่อแค่อยากให้คนที่พบเห็นตระหนักความยิ่งใหญ่ของพ่อ…”
ยังไม่ทันจบประโยค มหาจักรพรรดิใช้มือขวาบีบที่พักแขนแน่น ข่มเสียงพลางเปล่งด้วยสีหน้าเจ็บปวด:
“อย่าเข้ามาใกล้พ่อ! …พ่อถูกกัดกร่อน…”
ความเศร้าในดวงตาแบร์นาแดตทวีความรุนแรง
ข้อสันนิษฐานของเธอ ในที่สุดก็ได้รับการยืนยัน
ทันใดนั้นเอง รอยแยกสีแดงบนใบหน้าโรซายล์พลันโกลาหล บ้าง ‘ปิด’ บ้าง ‘เปิด’ โดยไม่หลงเหลือความเป็นหนึ่งเดียว
มหาจักรพรรดิถือโอกาสเหยียดตัวตรง จ้องหน้าแบร์นาแดตด้วยความยากลำบาก:
“ผนึกพ่อซะ!”
ผนึก… ราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตทวนคำในใจ ดวงตาสีฟ้าเปียกชุ่มทันทีพร้อมกับปกคลุมด้วยหมอกจาง
แม้เธอจะมีชีวิตมานานหลายปี ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว แต่ปัจจุบัน เธอมิอาจควบคุมความผันผวนทางอารมณ์ของตน
อย่างไรก็ดี หญิงสาวมิได้ถามถึงเหตุผล และไม่มัวลังเล หลังจากชะงักเพียงครู่เดียว เธอยกมือขวาขึ้นด้วยความมั่นคงและแน่วแน่ จากนั้นก็กดลงบนหน้ากากโลหะสีซีด
แบร์นาแดตตัดสินใจอย่างเยือกเย็น เฉกเช่นในยามเผชิญหน้าเหตุการณ์สำคัญใน ‘แก่นรุ่งอรุณ’ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
บนพื้นผิว ‘ความตายสีจาง’ โลหะอ่อนตัวลงทันที จัดระเบียบใบหน้าใหม่รอบๆ ดวงตาสีดำ
ภายในดวงตาดำมืด เส้นสีซีดสว่างขึ้น ก่อตัวเป็นลวดลายสามมิติอันซับซ้อนและลึกลับ ดูคล้ายกับนกหรือไม่ก็งูขนยาวกำลังขดตัว
สัญลักษณ์ดังกล่าวดูดซับแสงสว่างรอบตัวและเริ่มก่อตัวคมชัด จากนั้นก็แยกออกจากดวงตาแบร์นาแดต เหยียด ‘ร่างกาย’ ตรงและบินไปทางโรซายล์·กุสตาฟบนที่นั่งเหล็กดำ
ระหว่างทาง สัญลักษณ์ประหลาดดังกล่าวทำให้บรรยากาศโดยรอบสลัวลง พื้นและผนังหินกลับไปผุกร่อนอีกครั้ง ประหนึ่งเทพผู้คอยกำหนดความตายกล่าวคำพิพากษา
ก้อนกรวดซึ่งหลุดร่อนตามทางลอยตามหลัง ‘สัญลักษณ์’ มาจนถึงโรซายล์ จากนั้นก็เริ่มม้วนเป็นเกลียว ห่อหุ้มร่างกึ่งมายาซึ่งดูคล้ายกับอาศัยอยู่ในโลกอีกใบ
ระหว่างนั้น มีหลายครั้งที่โรซายล์มิอาจควบคุมตัวเอง พยายามลุกขึ้นจากที่นั่งเหล็กดำ แต่สุดท้ายก็นั่งกลับลงไปโดยไม่ขัดขืนการผนึกจากแบร์นาแดต
เมื่อสัญลักษณ์ผสานเข้ากับร่างกาย โรซายล์ถูกเชื่อมโยงเข้ากับ ‘ความตายสีจาง’ ทันที มันเห็นภาพมายาของเทพผู้ปกครองเหนือมวลมหาความตาย เห็นร่างล่องลอยในแม่น้ำประหนึ่งผีพราย
ออร่าของโรซายล์ดับสลายในพริบตา รอยแยกสีแดงเลือดทยอยปิดตัวเองลง
ปลายทางของมหาจักรพรรดิผู้นี้คือการหลับใหลอย่างสุขสงบ
สำหรับสัญลักษณ์สามมิติ มันผสานเข้ากับร่างกายโรซายล์และยังคงส่งอิทธิพลตลอดเวลา จนกว่า ‘ความตายสีจาง’ จะหยุดตอบสนอง
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของโรซายล์เกิดรอยแยกสีแดงเลือดอีกครั้ง หลังจากออร่าของมันดับสูญไป ออร่าได้ฟื้นคืนกลับมาใหม่และพยายามต่อกรกับสัญลักษณ์อย่างดุเดือด
ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์บนสายหมอกสีเทาถอนหายใจยาว กำหมัดแน่นพร้อมกับเลื่อนขึ้นมาประชิดปากล่าง
ทันใดนั้น ‘ม่าน’ ซึ่งชายหนุ่มสวมอยู่ได้ลอยขึ้น ปราสาทต้นกำเนิดทั้งหลังเริ่ม ‘เดือดพล่าน’ อย่างเกรี้ยวกราด
ออร่าที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในตัวโรซายล์เริ่มจางลงอีกครั้ง
หลังจากเลือนหายไปจนถึงระดับหนึ่ง มันกลับมามีชีวิตใหม่ และได้รับอิทธิพลจากความตายสีจางจนหายไปอีกครั้ง
ไคลน์ใช้ตะกอนพลังของ ‘บริวารเร้นลับ’ ผนวกเข้ากับอำนาจของปราสาทต้นกำเนิดเพื่อ ‘ปลูกถ่าย’ วัฏจักร ‘ความตาย’ ให้เริ่มขึ้นหลังจาก ‘การเกิด’ ทันที โดยตัดกระบวนการกึ่งกลางออกไป
ด้วยวิธีดังกล่าว การกัดกร่อนในตัวโรซายล์จะไม่มีทางฟื้นฟูพลังจนเอาชนะอิทธิพลของหน้ากากสีซีดได้
จากนั้น ไคลน์เหยียดมือขวาออก ระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดเพื่อวาดสัญลักษณ์ลึกลับหลังเก้าอี้เดอะฟูล ซึ่งประกอบไปด้วย ‘เนตรไร้รูม่านตา’ ครึ่งหนึ่งและ ‘เกลียวเส้น’ อีกครึ่งหนึ่ง
สัญลักษณ์ดังกล่าวดูดซับออร่าของปราสาทต้นกำเนิดจนเริ่มก่อตัวคมชัด เมื่อไคลน์สะบัดข้อมือ สัญลักษณ์ดังกล่าวถูกส่งเข้าไปในจุดแสงแห่งการสวดวิงวอนของแบร์นาแดต ตกลงบนร่างกายสีดำของโรซายล์และผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อใดก็ตามที่ ‘การปลูกถ่าย’ เลือนหายไป สัญลักษณ์แห่งเดอะฟูลและปราสาทต้นกำเนิดจะสร้างพลังขึ้นมาใหม่และปลูกถ่ายซ้ำอีกครั้ง
ท่ามกลางวัฏจักรความตายและเกิดใหม่ ใบหน้าซึ่งดูคล้ายเงาดำของโรซายล์เริ่มก่อตัวเป็นเค้าโครง จากนั้น มันแหงนหน้าขึ้นมองยอดสุสานประหนึ่งกำลังจดจ้องบางสิ่งซึ่งอยู่สูงลิบ
มันถอนสายตากลับในเวลาไม่นาน จ้องหน้าแบร์นาแดตพลางหัวเราะในลำคอเสียงแผ่ว:
“ผนึกนี้ก็ไม่เลว พ่อได้หลับสบายหน่อย…”
กล่าวจบ มันขมวดคิ้วเล็กน้อย ซักถามด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไป
“ใครสั่งใครสอนให้แต่งตัวแบบนี้?”
แบร์นาแดตยืนฟังด้วยความตกตะลึงประหนึ่งได้กลับไปสู่วัยเยาว์
ย้อนกลับไปในตอนที่เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำของขุนนางด้วยชุดเต็มยศ โรซายล์จะถามด้วยเนื้อหาและน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกันเสมอ
ความชุ่มชื้นในดวงตาหญิงสาวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เธอมิอาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ตัดสินใจแผดเสียงต่ำในลำคอ:
“พ่อ…”
ใบหน้าสีดำของโรซายล์ที่ปรากฏเพียงเค้าโครง ดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเข้มงวดพร้อมกับกล่าวขึงขัง
“ออกไป… แล้วไม่ต้องกลับมาอีก!”
แบร์นาแดตเปิดปาก คล้ายกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่ทันใดนั้น ทัศนวิสัยของเธอพลันดำมืด ประหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งระเบียบ
วินาทีถัดมา เธอพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ริมเกาะโบราณ
แบร์นาแดตจ้องไปยังยอดเขากึ่งกลางเกาะสักพัก ก่อนจะบรรจงหันหลังกลับและเดินไปทางทะเล
เธอมิได้หัวรั้นเดินดุ่มกลับไปโดยไม่เหลียวหลัง แต่จะหยุดและหันกลับไปมองในทุกสองสามก้าว
ในไม่ช้า หญิงสาวกลับมาถึง ‘รุ่งอรุณ’ และเดินเข้าห้องกัปตัน เปิดประตูห้องด้านในซึ่งเต็มไปด้วยของสะสม
เพียงชำเลือง แบร์นาแดตได้พบกับหนังสือภาพ แบบเรียน เสื้อผ้า และกระโปรง ได้เห็นหมากรุกซึ่งน้อยคนบนโลกจะรู้จัก และเห็นกองบล็อกของเล่นที่ทำจากไม้
หญิงสาวเอนหลังพิงประตูไม้ บรรจงย่อตัวลงนั่ง
เธอแหงนมองท้องฟ้าอันหม่นหมองผ่านหน้าต่างห้องกัปตัน ใช้นิ้วโป้งและชี้ข้างขวาบีบริมฝีปาก เป่าเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ แฝงความอ่อนหวาน อ่อนโยน และความเศร้า ทำให้จิตใจของผู้ฟังรู้สึกสงบ
ท่ามกลางเสียงบรรเลง หยดน้ำสีใสไหลผ่านแก้มแบร์นาแดตจนกระทั่งตกลงบนพื้นไม้
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ภายในห้องกัปตันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา:
“พ่อ…”
……………………………