Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1389 : ภารกิจจากเดอะฟูล
“ทิวาสวัสดิ์ มิสเตอร์ฟูล”
สมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่เหลือต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ทุกคนทำตามมิสจัสติสเพื่อทักทายตามปรกติ
เมื่อนั่งลงอีกครั้ง เดอะฟูลไคลน์มองไปรอบๆ พลางกล่าวเสียงต่ำ
“เรากำลังจะหลับใหล”
ได้ยินคำดังกล่าว อัลเจอร์ ออเดรย์ ซิล และฟอร์ส ต่างตระหนักว่าสิ่งที่ตนเคยคาดเดานั้นถูกต้อง ส่วนหัวใจของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่เหลืออย่างเลียวนาร์ด เอ็มลิน และเดอร์ริคต่างจมดิ่ง ยิ่งทวีความสับสนและฉงน
แน่นอน พวกมันไม่ประหลาดใจมากนัก การจัดชุมนุมกะทันหันและการหายตัวไปอย่างผิดปรกติของเดอะเวิร์ล คล้ายกับกำลังบ่งชี้ว่าจะมีสิ่งสำคัญเกิดขึ้นในวันนี้
ไคลน์ยังคงรักษาสติสัมปชัญญะอันเลือนราง กล่าวด้วยเสียงเดิม
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสงครามเหนือลำดับและเกี่ยวกับวันสิ้นโลกอยู่หลายส่วน”
อย่างนี้นี่เอง… แฮงแมนอัลเจอร์ สามารถจับประเด็น ‘เหนือลำดับ’ ได้อย่างชาญฉลาด
มันเชื่อมาตลอดว่าจะต้องมีลำดับที่สูงกว่าลำดับ 0: ระดับเดียวกับเทพสุริยันบรรพกาลที่เคยมีบริวารเป็นแปดราชาเทวทูต
และในตอนนี้ มิสเตอร์ฟูลช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของมันพร้อมกับขจัดปริศนาภายในใจจำนวนมาก
เฮอร์มิทแคทลียาและคนที่เหลือต่างก็ตระหนักถึงข้อมูลแฝงจากคำพูดมิสเตอร์ฟูล เฉกเช่นแฮงแมน ตัวเธอที่เคยมีข้อสันนิษฐานในทำนองนี้มานานแล้ว พลันเกิดความกระจ่างในทันที ส่วนสมาชิกกลุ่มที่เหลือซึ่งไม่เคยคิดเกี่ยวกับประเด็นนี้มาก่อน เมื่อได้ยินเข้า พวกมันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเจือความฉงน แต่เพียงไม่นานก็นำไปผนวกกับข้อมูลที่เคยฟังมาในอดีต และถึงคราวตระหนักได้ในที่สุด
เดอะฟูลไคลน์กล่าวต่อ
“เมื่อกลายเป็นเทวทูต เจ้าจะมีสิทธิ์รับรู้สถานการณ์ที่แน่ชัด ไม่อย่างนั้น ลำพังการทำความเข้าใจก็มากพอจะทำให้พวกเจ้าถูกกัดกร่อน”
ประโยคดังกล่าวทำเอาชาวชุมนุมทาโรต์หวนนึกถึง ‘ใต้ดิน’ และ ‘อวกาศ’ พวกมันเลิกขบคิดประเด็นนี้ในทันที
ไคลน์ชำเลืองสายตาไปยังอีกฝั่งของโต๊ะทองแดงยาว:
“ข้ารับใช้ของเรา เดอะเวิร์ลได้เข้าสู่การหลับใหลล่วงหน้าไปแล้ว และไม่มีใครทราบว่าเขาจะตื่นตอนไหน”
เช่นนั้นแล้วเราควรทำยังไง? เดอะสตาร์เลียวนาร์ดเกือบโพล่งออกมา แต่ก็สัมผัสได้ว่ามิสเตอร์ฟูลยังพูดไม่จบ จึงฝืนสงบปากสงบคำเอาไว้
ดวงตาของเดอะฟูลไคลน์กวาดมองทุกคน
“ถัดไปคือภารกิจระยะยาวที่เราจะมอบหมายให้สมาชิกทุกคน… พยายามทำให้นามของเราเป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับเหล่าโบสถ์หลัก หากเป็นไปได้ พวกเจ้าสามารถแอบเทศนาในทางลับ… สิ่งนี้จะช่วยให้เราตื่นขึ้นมา… นอกจากนั้น พยายามเผยแผ่นามของเดอะเวิร์ลในฐานะข้ารับใช้ของเราและบันทึกเรื่องราวลงในพระคัมภีร์ของศาสนจักร แน่นอน เนื้อหาต้องไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขา… จงจำไว้หนึ่งประโยคสำคัญ: เดอะเวิร์ลลืมตาตื่นและเดอะฟูลหวนกลับมา”
ไคลน์พยายามเพิ่มจำนวนหลักยึดเหนี่ยว สิ่งนี้อาจมีประโยชน์ขณะเผชิญหน้ากับราชันเร้นลับในความฝัน
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มต้องการปลุกปั้นให้เดอะเวิร์ลเป็นนักบุญแห่งโบสถ์เดอะฟูล เป็นเทวทูตข้างบัลลังก์ ภาพจำดังกล่าวจะได้แพร่กระจายไปในหมู่สาวกและช่วยเพิ่มหลักยึดเหนี่ยวในส่วนของตัวเอง
สรุปโดยสั้น ไคลน์หวังจะให้สาวกช่วยสนับสนุนหลักยึดเหนี่ยวทั้งสองอย่างเท่าเทียม เพราะสำหรับชายหนุ่ม ทั้งเดอะฟูลและเดอะเวิร์ลล้วนเป็นเพียงตัวตน ภาพจำที่หลักยึดเหนี่ยวสร้างขึ้นจึงแตกต่างและไม่ปะปนกัน ส่งผลให้ไม่เกิดอิทธิพลด้านลบกับตัวไคลน์
ในระดับของเดอะฟูล สิ่งที่ศาสนจักรเผยแผ่คือนามของเทพ ตราศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูล และบรรดาคำสอน แต่จะไม่มีการกล่าวถึงรูปลักษณ์ที่ชัดเจนของเดอะฟูล ในส่วนของเดอะเวิร์ล ชายคนนี้มีตัวตนมากมาย เช่นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ดอน·ดันเตส เมอร์ลิน·เฮอร์มิส ไม่มีทางที่เหล่าสาวกจะจินตนาการถึงรูปลักษณ์เดียว
“รางวัลคือความสะดวกสบายที่พวกเจ้าเคยได้รับในอดีต รวมถึงวิวรณ์และความช่วยเหลือที่พวกเจ้าจะสวดวิงวอนในอนาคต” เดอะฟูลไคลน์กล่าวด้วยเสียงเดิม “เรายังสามารถตอบสนองต่อคำสวดวิงวอนได้ในระดับหนึ่งหลังจากหลับใหล แต่จะไม่ใช่ทุกครั้ง หากมีสิ่งใดที่สำคัญมากและต้องการความช่วยเหลือ จงสวดวิงวอนซ้ำอีกหลายหน”
หลังจากเคยเข้าไปในสภาวะหลับลึกนิรันดร์ของอันทีโกนัส ชายหนุ่มได้ทราบจากโลกความฝันดังกล่าวว่า ขอเพียงกระทำอย่างถูกต้อง เทพผู้หลับใหลสามารถตอบสนองคำสวดวิงวอนได้ในระดับหนึ่งผ่านความฝัน
สำหรับเงื่อนไขข้างต้น ชาวชุมนุมทาโรต์มิได้กระอักกระอ่วนแม้แต่น้อย
ในประเด็นหนึ่ง สมาชิกเกือบทุกคนคอยเผยแผ่ศาสนาเดอะฟูลทั้งทางสว่างและทางลับมานานแล้ว ส่วนในอีกหนึ่งประเด็น เป็นเรื่องธรรมดาที่สาวกจะสวดวิงวอนถึงเทพแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง มิสเตอร์ฟูลในช่วงก่อนหน้าที่ขยันตอบถือเป็นกรณีหายากอย่างยิ่ง หรืออย่างน้อยพวกมันก็ไม่เคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน
การได้รับการตอบสนองในเรื่องสำคัญหลังจากสวดวิงวอนซ้ำหลายหน เพียงเท่านี้ก็เหนือกว่านักบวชส่วนใหญ่ของบรรดาโบสถ์หลักแล้ว!
“ครับ/ค่ะ มิสเตอร์ฟูล” โดยไม่รีรอ สมาชิกชุมนุมทาโรต์รีบขานรับภารกิจระยะยาว
ในหมู่พวกมัน เดอะสตาร์เลียวนาร์ดจริงใจและกระตือรือร้นมากที่สุด
สำหรับมัน การเผยแผ่ความเชื่อและคำสอนของมิสเตอร์ฟูลมีค่าเทียบเท่าการปลุกไคลน์
สิ่งนี้ช่วยกระตุ้นให้มันมีกะจิตกะใจจะใช้ชีวิตนอกเวลาทำงาน
ในเวลาเดียวกัน เดอะฟูลไคลน์หันไปมองเฮอร์มิทแคทลียาด้วยสายตาอ่อนโยน
“งานที่เคยมอบหมายไว้ก่อนหน้านี้ยังคงดำเนินต่อไป – จงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการมีชีวิตขึ้นมาอย่างกะทันหันของปราชญ์เร้นลับ… หรือหากยินดีที่จะเสี่ยง เจ้าสามารถสืบสวนในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของปราชญ์เร้นลับได้เช่นกัน… งานนี้อันตรายมาก เจ้าสามารถปฏิเสธ รางวัลตอบแทนคือการอนุญาตให้เจ้าขอพร”
เฮอร์มิทแคทลียาครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับการตื่นของท่านหรือไม่? เกี่ยวข้องกับการเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกไหม?”
“อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ เรายังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ ตอนนี้ยังเห็นเป็นเพียงภาพเลือนราง” คราวนี้ไคลน์ไม่สร้างภาพให้เดอะฟูลดูเหมือนกับตัวตนผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่ง เพราะเนื้อแท้ของตนคือเดอะฟูลตัวจริงอยู่แล้ว “นอกจากนั้น จงจับตามองลูกน้องที่อยู่บนเส้นทางจันทราและธรณีให้ดี”
แคทลียาเงียบไปสักพัก กล่าวเชื่องช้า
“ดิฉันขอน้อมรับภารกิจนี้”
เดอะฟูลไคลน์หันหน้าไปยังอีกฝั่งหนึ่ง กล่าวกับเดอะซันเดอร์ริค
“งานของเจ้าคือการปกป้องเมืองเงินพิสุทธิ์ใหม่ เมืองจันทราใหม่ และหมู่เกาะรอสต์ ยิ่งเรามีสาวกมากเพียงใด เราก็ยิ่งปลอดภัยและมีแนวโน้มที่จะตื่นเร็วขึ้น… ในประเด็นนี้ เจ้าได้รับอิสระให้คิดหาแนวทางขยายศาสนาและความเชื่อ… รางวัลตอบแทนคือการได้เป็นข้ารับใช้ของเรา”
ดวงตาเดอะซันเดอร์ริคอุ่นขึ้นทันที มันหวนนึกถึงสายตาเปี่ยมไปด้วยกำลังใจของอดีตเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ ในยามที่อีกฝ่ายเปิดประตูบานสุดท้ายของวังราชาคนยักษ์
เด็กหนุ่มรีบสูดลมหายใจยาวก่อนจะกล่าว
“ครับ มิสเตอร์ฟูล!”
ไคลน์พยักหน้าและหันไปมองเมจิกเชี่ยนฟอร์ส
“เจ้าต้องปกป้องตระกูลอับราฮัมและยังยั้งมิให้พวกเขาถูกอวกาศล่อลวง… นอกจากนั้น จงรวบรวมข้อมูลของยุคสมัยที่สี่ให้มากขึ้น ตรวจสอบสถานะของมิสเตอร์ประตูในช่วงเวลาดังกล่าว และพยายามสืบหาภัยซ่อนเร้นของตระกูลอับราฮัมให้ได้”
“ดิฉันยินดีทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว” เมจิกเชี่ยนฟอร์สลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนกรานว่าต่อให้ไม่มีคำสั่ง เธอก็คิดจะทำอยู่แล้ว
เดอะฟูลไคลน์มิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงกล่าวว่า
“หากต้องการ เจ้าสามารถเขียนชีวประวัติและเรื่องราวของแต่ละตัวตนของเดอะเวิร์ล จากนั้นก็ตีพิมพ์ภายใต้นามปากกาที่แตกต่างกัน… รางวัลตอบแทนของสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นก็คือ เจ้าจะได้รับพรจากเราในยามที่ต้องการกลายเป็น ‘จอมเวทท่องมิติ’ และจำเป็นต้องท่องอวกาศ”
แม้ไคลน์จะทราบว่าตนสามารถตอบสนองผ่านความฝันในสภาวะหลับลึก แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าฝ่ายที่ครองสติได้มากกว่าในช่วงเวลานั้นจะเป็นตนหรือราชันเร้นลับกันแน่ จึงต้องการสะสางปัญหาสำคัญต่อหน้าทุกคนด้วยข้อตกลงจ้างงานและมอบรางวัล ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อให้สติของตนตกเป็นรอง แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถตอบสนองผ่านความช่วยเหลือจาก ‘ข้อตกลง’ ที่มองไม่เห็นได้
“จอมเวทท่องมิติ?” เมจิกเชี่ยนฟอร์สผงะ
ด้วยความสัตย์จริง เธอไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้มาก่อน สิ่งที่อยู่ในหัวตอนนี้มีเพียงการย่อยโอสถจอมเวทลึกลับและหาโอกาสประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็น ‘นักพเนจร’
เพียงไม่นาน เธอสลัดความคิดฟุ้งซ่าน
“ค่ะ มิสเตอร์ฟูล”
ไคลน์หันไปมองเดอะมูนเอ็มลินต่อทันที
“ภารกิจล้อมโจมตีโรงเรียนกุหลาบเกี่ยวพันกับการเตรียมตัวสำหรับวันสิ้นโลก ซึ่งนั่นค่อนข้างอันตราย ต่อให้มีเทวทูตเข้าร่วม แต่เราก็ควรใส่ใจกับความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก… งานของเจ้าก็คือ จงรวบรวมวัตถุที่มีออร่าหรือพรของ ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’ จากเหล่าสาวกภายในโรงเรียนกุหลาบให้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้อันตรายยิ่งกว่าสมบัติปิดผนึกระดับ 1 เสียอีก”
ปัจจุบัน แม้ไคลน์จะยังคงรักษาน้ำเสียงของเดอะฟูลไว้ได้ แต่ลักษณะการพูดเริ่มฟังดูคล้ายกับเพื่อนกำลังเตือนเพื่อน
นั่นทำให้ออเดรย์ที่มีอารมณ์ค่อนข้างมั่นคง สังเกตเห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อนึกทบทวนสิ่งที่มิสเตอร์ฟูลเพิ่งกล่าวกับสมาชิกคนอื่น หญิงสาวพูดกับตัวเอง
ยิ่งใกล้หลับใหล ความเป็นมนุษย์ในตัวมิสเตอร์ฟูลก็ยิ่งชัดเจน…
ขณะเดอะมูนเอ็มลินประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย ไคลน์กล่าวต่อไป
“นอกจากการเข้าร่วมภารกิจล้อมโจมตีโรงเรียนกุหลาบ เราอยากให้เจ้าก่อตั้งบริษัทยาเพื่อศึกษาวิธีผลิตยาวิเศษเป็นจำนวนมาก”
“หากผลิตเป็นจำนวนมาก ผลลัพธ์ของมันจะไม่อัศจรรย์” เดอะมูนเอ็มลินตอบสนองตามสัญชาตญาณ
เดอะฟูลไคลน์พยักหน้า
“จงหาจุดสมดุลให้พบ… เป้าหมายของเจ้าคือการเผยแผ่นามของเราผ่านบริษัทยา… รางวัลคือการขอพรจากเรา”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อันตรายหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะทำได้ไหม… หนทางที่ง่ายที่สุดคือการหาโอสถนักปรุงยามาให้ได้สักพันขวด นั่นจึงจะใกล้เคียงกับการสร้างโรงงานผลิตยา… เดอะมูนเอ็มลินพึมพำเงียบ ก่อนจะตอบรับด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ครับ มิสเตอร์ฟูล”
ไคลน์มองไปทางจัดจ์เมนต์ซิลอีกฝั่ง
“วันสิ้นโลกใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะนักบวชสีชาดหรือแม่มด พวกมันจะต้องตื่นตัวแน่ งานของเจ้าคือการชักนำหน่วยพิเศษของทางการให้สืบหาเอกลักษณ์และตะกอนพลังทั้งสามก้อนของนักบวชสีชาด หากมีโอกาส จงลองเสี่ยงอันตรายเพื่อยืนยันสถานะปัจจุบันของแม่มดบรรพกาล”
ไคลน์ไม่ระบุรางวัล เพราะได้มอบรางวัลให้อีกฝ่ายล่วงหน้าไปแล้ว
ความปรารถนาของซิลได้รับการเติมเต็มหลังจากประกอบพิธีกรรมและกลายเป็นลำดับ 4 จอมเวทกฎหมาย
สำหรับตะกอนพลัง ‘ผู้พิชิต’ ลำดับ 1 ของเส้นทางนักบวชทั้งสามก้อน ไคลน์พอจะทราบสถานะอยู่บ้าง หนึ่งก้อนอยู่ในมือตระกูลเซารอน อดีตราชวงศ์ของอินทิส หนึ่งก้อนอยู่ในมือตระกูลไอน์ฮอร์นแห่งราชวงศ์ฟุซัค และอีกหนึ่งก้อนเคยอยู่ในมือตระกูลออกัสตัสแห่งโลเอ็น โดยในภายหลังถูกยกให้นิกายแม่มดเป็นรางวัลตอบแทน
แน่นอน นี่เป็นข้อมูลเก่า และมีโอกาสที่สถานการณ์ปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลง:
ตระกูลเซารอนถดถอยลงมากในยุคสมัยของโรซายล์ บางทีอาจไม่มีปัญญารักษาตะกอนพลังลำดับ 1 หรือสมบัติปิดผนึกที่เกี่ยวข้อง ไคลน์สงสัยว่าบางทีอาจตกไปอยู่ในมือของชุมนุมกางเขนเหล็กโลหิตแล้วก็เป็นได้
ความล้มเหลวในสงครามโลกครั้งล่าสุดทำให้ตระกูลไอน์ฮอร์นสั่นสะเทือนอย่างหนัก ไคลน์เชื่อว่ามีโอกาสที่เทวทูตระดับสูงจะร่วงหล่นหรือไม่ก็สูญเสียสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ไป
ตะกอนพลังผู้พิชิตที่ตระกูลอันทีโกนัสยกให้นิกายแม่มดคือก้อนที่ชัดเจนที่สุดในปัจจุบัน แต่ไคลน์ทราบดีว่าเทวทูตสีชาด เซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีเพ่งเล็งตะกอนพลังก้อนนี้มานานแล้ว บางทีแผนการของมันอาจประสบความสำเร็จแล้วในปัจจุบัน
ณ ตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสของเอกลักษณ์เส้นทางนักบวชสีชาด ครั้งล่าสุดที่ถูกบันทึกไว้คือช่วงปลายยุคสมัยที่สี่ขณะภัยพิบัติสีจางถือกำเนิด
………………………………………………………..