Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 444 : สารภาพบาป
ความรู้สึกอันคุ้นเคยพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไคลน์ผู้มากประสบการณ์รีบใช้พลังตัวตลกระงับอากัปกิริยาสั่นระริกและสีหน้าตกตะลึงของตน
มันบรรจงชักสายตาออกอย่างไม่รีบร้อน พยายามทำให้การชำเลืองเมื่อครู่เป็นเพียงพฤติกรรมตามธรรมชาติ
“เฮ่อ… ทาลิมยังหนุ่มแน่น เขายังไม่ได้สมรสและไม่มีทายาท” ไคลน์ถอนหายใจพลางสานต่อบทสนทนาอย่างไหลลื่น
มันกล่าวเช่นนี้เพราะต้องการกลบเกลื่อนอาการชะงักในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่ โดยทำทีว่า ตนมองเห็นหญิงสาวกำลังวางดอกไม้ให้ทาลิม จึงเชื่อมโยงเข้ากับความรัก การสมรส และการมีทายาท ส่งผลให้เลือกกล่าวประโยคเมื่อครู่อย่างแยบยล
“ถูกต้อง ด้วยวัยของเขา ทาลิมควรสมรสและมีทายาทตั้งแต่สี่ถึงห้าปีก่อนแล้ว แต่น่าเสียดาย ปมด้อยเรื่องคุณปู่ทำให้เขาฝังใจและปฏิเสธการแต่งงานมาตลอด เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลัง” นักข่าวไมค์ถอนหายใจ
ทันใดนั้น ไคลน์ ผู้มองผิวเผินจะไม่พบความผิดปรกติอันใด พลันตระหนักว่าแผ่นหลังของตนกำลังถูกพุ่มหนามแหลมทะลวงผ่านผิวหนังเข้ามาทีละนิด เป็นความรู้สึกตึงเครียดและกดดันเหนือคำบรรยาย
ขณะเดียวกัน หญิงสาวปริศนาในเดรสสีดำ ผู้สวมแหวนพลอยสีฟ้าบนนิ้วก้อยมือซ้าย เริ่มลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามเมื่อวางดอกไม้เสร็จ เธอมองไปรอบตัวหนึ่งครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะเดินออกห่างจากหลุมศพทาลิมทีละนิดพร้อมกับสาวใช้สองคน
ฟู่ว…! ไคลน์ถอนหายใจยาว
ความรู้สึกประหนึ่งมีพุ่มหนามทิ่มแทงแผ่นหลังเริ่มจางหาย
เธอเป็นใคร ทำไมถึงมีสิทธิ์ร่วมวางดอกไม้ในงานศพทาลิม? เป็นคนรัก?
แล้วทำไมสามัญชนอย่างทาลิม ผู้ไม่มีพลังอำนาจ ไม่มีความมั่งคั่ง ไม่มีพลังพิเศษอันใดเลย ถึงเข้าไปพัวพันกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือตัวตนลำดับสูงได้?
นี่ไม่ใช่นิยายสักหน่อย… และเหนือสิ่งอื่นใด มีความเป็นไปได้มากว่าหล่อนคือผู้ร่ายคำสาปใส่ทาลิม… เรื่องราวซับซ้อนชะมัด…
ไคลน์แสร้งยืนฟังบทสนทนาระหว่างไมค์กับอลันด้วยสีหน้าอึมครึม
เพียงไม่นาน การวิเคราะห์ของชายหนุ่มก็ดำเนินมาถึงทางตัน ปริศนาคาใจอันดับหนึ่งหนีไม่พ้นเรื่อง ทำไมคนธรรมดาและไม่มีอะไรเลยนอกจากเคยตระกูลเป็นขุนนางมาก่อนอย่างทาลิม ถึงได้ถูกบุคคลลำดับสูงหรือสมบัติปิดผนึกในระดับเดียวกันสาปแช่งจนตาย
บทสรุปเช่นนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เพราะโดยทั่วไปแล้วแล้ว ผู้วิเศษลำดับสูงจะไม่ลดตัวลงมาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด
แต่ว่ากันตามตรง หากพิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตของเรา คดีการตายของทาลิมมิได้พิสดารมากขนาดนั้น…
เมื่อฉุกคิดบางสิ่งได้ ไคลน์ชำเลืองไปทางศัลยแพทย์อลันด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
หากพูดถึงความแปลกประหลาด คุณหมอมาดเย็นชาแสนธรรมดาผู้นี้ ในท้องภรรยาของเขามีสัตว์ประหลาดลำดับ 1 ‘อสรพิษปรอท’ ซุกซ่อนอยู่!
ชุดความคิดถัดมา ไคลน์เริ่มตระหนักว่าตนมีประสบการณ์เหนือธรรมชาติมาโชกโชนพอสมควร ภายในระยะเวลาเพียงห้าเดือนหลังจากเดินทางข้ามโลก มันมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเหล่าครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกอันตรายหนแล้วหนเล่า
สตรีปริศนาผู้สาปใส่ทาลิม อสรพิษปรอท วิล·อัสติน ผู้เย้ยเทพ อามุนด์ สตรีปริศนาในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติซึ่งชอบสวมรองเท้าบูทหนัง ผู้วิเศษลำดับสูงจากโรงเรียนกุหลาบ 0-08 1-42 อินซ์·แซงวิลล์ ตราศักดิ์สิทธิ์บิดเบือนแห่งสุริยัน สมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัส อะซิก·อายเกส ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นทายาทมรณา มิสเตอร์ประตู สภานักสิทธิ์แห่งสนธยา…
ทุกชื่อแล่นผ่านสมองไคลน์ด้วยความรู้สึกเย็นวาบไปทุกซอกมุม
ชายหนุ่มยืนตรึกตรองอย่างใจเย็น
นี่ยังไม่ได้นับรวมเทพสุริยันเจิดจรัสและพระผู้สร้างแท้จริงซึ่งลำดับสูงกว่ารายชื่อข้างต้นค่อนข้างมาก… ว่ากันตามตรง ในฐานะดวงวิญญาณจากดาวอื่น รวมถึงตัวตนผู้ปกครองห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทาสุดพิสดาร เราเองไม่ด้อยไปกว่ารายชื่อข้างต้นสักเท่าไร…
หรือนี่จะเป็น ‘จุดปะทุแห่งยุคสมัย’ ระลอกใหม่หลังจากจบยุคสมัยอันรุ่งเรืองสุดขีดของจักรพรรดิโรซายล์? และเป็นเหตุผลให้บรรดาครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกน่ากลัวหลายชิ้นผุดขึ้นรอบตัวเต็มไปหมด?
ขณะไคลน์กำลังยืนไตร่ตรอง ไมค์·โยเซฟและศัลยแพทย์อลันขอตัวกลัวก่อน ชายหนุ่มจึงเดินตามออกไปด้วยย่างก้าวใจเย็น
ขณะกวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อมองหารถม้าเช่า รถม้ารูปร่างคุ้นตาคันหนึ่งได้แล่นมาจอดตรงหน้า
แม้ว่าตราประจำตระกูลข้างรถจะถูกอำพรางมาอย่างดี แต่ไคลน์ก็จดจำได้ทันทีเช่นกัน ว่านี่คือรถม้าขององค์ชายเอ็ดซัค
ประตูห้องโดยสารเปิดออกพร้อมเสียงเสียดสีแผ่วเบา พ่อบ้านชราผมหวีเรียบเดินลงมาและทำสัญญาณมือเชื้อเชิญให้ไคลน์เข้าไป
“องค์ชายกำลังรออยู่ด้านในครับ”
“ตกลง” ไคลน์เดินเข้าไปในรถม้าสุดหรูโดยปราศจากความเคอะเขิน
องค์ชายเอ็ดซัคแต่งกายในชุดสีน้ำเงินเข้ม ปกเสื้อแข็งตั้งตรง และมีริ้วริบบิ้นสีทองพาดผ่านลำตัวอย่างสง่างาม ทุกองค์ประกอบช่วยส่งเสริมให้ชายคนนี้มีกลิ่นอายสมกับเป็นบุคลากรระดับสูงสุดของอาณาจักร
เอ็ดซัคใช้มือลูบเข็มกลัดเพชรพลางแสดงสีหน้าเศร้าหมอง
“เราไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงานศพของพระสหาย ทำได้เพียงเฝ้ามองจากระยะไกลโดยห้ามเผยตัว ต้องวานให้ใครสักคนช่วยนำดอกไม้ไปวางแทน นี่คือความน่าเศร้าของเชื้อพระวงศ์ เราไม่ได้มีอิสระมากมายเช่นนั้น”
“หากตระกูลของทาลิมไม่ถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ในรุ่นปู่ ป่านนี้องค์ชายคงสามารถร่วมงานศพของเขาได้อย่างเปิดเผย” ไคลน์เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามสัญญาณมือเอ็ดซัด
องค์ชายสามหยิบแก้วบรรจุไวน์สีแดงเลือดขึ้นมาจิบ
“เฮ่อ… เรากำลังวางแผนว่าจะช่วยกอบกู้บรรดาศักดิ์คืนให้บิดาของทาลิม แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน…”
เอ็ดซัคไม่สานต่อหัวข้อเดิม มันเปลี่ยนไปซักถามประเด็นอื่น
“เชอร์ล็อก ได้รับพัสดุหรือยัง”
“เรียบร้อยขอรับ” ไคลน์ตอบกระชับโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม
เอ็ดซัคพยักหน้า
“แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม”
“กระหม่อมลองนำทางด้วยผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด ของใช้ประจำตัว และกระจุกเส้นผม แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถนำพาไปสู่ความจริงได้เลย ผลลัพธ์ระบุเพียงการตายตามธรรมชาติด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว” ไคลน์อธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแกมขอความเห็นใจ โดยพยายามสื่อออกไปทำนองว่า ‘ผมมีลำดับน้อยเกินไป’ ‘มาตรฐานของผมไม่ถูกพอจะทำคดีนี้’ ‘ถึงผมจะชำนาญการทำนาย แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก’ และ ‘ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถค้นหาความจริงพบ’
เอ็ดซัคแสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน
“แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”
“ตรวจสอบว่าทาลิมแวะไปหาใครบ้างก่อนจะเสียชีวิต และเดินสำรวจละแวกใกล้เคียงในกรณีเผื่ออาจพบเบาะแสสำคัญ” ไคลน์ตอบอย่างฉะฉานตามแผนการ
เอ็ดซัคหันไปจ้องพ่อบ้านชรา
“อย่างนั้นหรือ หมายความว่าคุณอาจต้องใช้วิธีข่มขู่ สอบปากคำ หรือไม่ก็ติดสินบนพวกเขาตามความเหมาะสม… มอบเงินให้เชอร์ล็อกหนึ่งร้อยปอนด์”
“ขอรับองค์ชาย” พ่อบ้านชราควักปึกธนบัตรซึ่งถูกแลกมาเตรียมไว้ล่วงหน้า
ยอมจ่ายร้อยปอนด์ง่ายขนาดนี้เชียว?
ชายหนุ่มเริ่มประจักษ์ความใจป้ำขององค์ชายสาม
“แล้วผมจะพยายาม” ไคลน์รับปึกธนบัตรและเก็บใส่เสื้อโค้ทโดยไม่นับจำนวน
“ได้แต่หวังว่า พวกเราจะช่วยให้ดวงวิญญาณของทาลิมนอนตายตาหลับ” เอ็ดซัคกำหมัดขวาพลางทุบหน้าอก
มันมองออกไปยังสุสานมงกุฎด้านนอกซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก
สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับทาลิมแข็งแรงผิดจากภายนอกลิบลับ…
ไคลน์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินลงจากรถม้าภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน
…
เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์
ออเดรย์แสร้งทำหน้าตั้งใจเรียนพลางจ้องมองครูสอนวิชาจิตวิทยาส่วนตัว เอสลันด์ ผู้มีเส้นผมยาวจนถึงสะโพก
ทันใดนั้น เด็กสาวกระซิบกระซาบ
“มาดามเอสลันด์ ดิฉันเพิ่งเข้าร่วมชุมนุมลับแห่งใหม่และได้ยินมาว่า มีคนต้องการซื้อเงามืดหนังมนุษย์กับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุในราคาสูงมาก เอ่อ… ผู้ซื้อเป็นคนละคนกัน สิ่งเหล่านี้คือวัตถุลำดับกลางใช่ไหม? ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก! ทางสมาคมแปรจิตสนใจข้อเสนอของพวกเขาไหมคะ?”
เอสลันด์ประหลาดใจไปพักหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิดอีกหลายวินาที
“ถ้ากลับไปแล้วจะถามให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์ตอบเสียงสดใส ประหนึ่งกำลังตื่นเต้นเมื่อได้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนวัตถุลำดับกลาง
เอสลันด์กล่าวตักเตือนอย่างเป็นห่วง
“มิสออเดรย์ ถึงแม้ว่าคุณจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 8 แล้ว แต่ความเข้าใจในโลกเหนือธรรมชาติของคุณยังบกพร่องอยู่มาก แถมยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของพลังผู้ชมและพลังนักอ่านใจ ยังไม่นับรวมทฤษฎีพื้นบาน ฉะนั้น นับแต่นี้ไป ดิฉันจะคอยนำทางคุณบนโลกผู้วิเศษให้เอง”
“ดิฉันก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ!” เด็กสาวกล่าวจากใจจริง
ทันใดนั้น โกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟู ซูซี ผู้กำลังนั่งฟังบทสนทนาข้างปลายเท้าออเดรย์ พลันกระดิกหาระริกคล้ายกับมีความสุขแทนเจ้าของ
…
เมื่อตัดสินใจหนักแน่นว่าจะไม่สืบหาการตายของทาลิมในเชิงลึก ไคลน์จึงโดยสารรถม้ากลับถนนมินส์ตามปรกติ
หลังจากเปิดประตูบ้านและถอดหมวกเตรียมแขวนกับราว ย่างก้าวชายหนุ่มพลันชะงักงันกะทันหัน
สัมผัสวิญญาณได้ร้องเตือนว่าใครบางคนได้ลอบเข้ามาในห้องรับแขก!
ใครบางคนแอบงัดบ้านของตน!
นี่มัน… อีกฝ่ายจงใจเหลือร่องรอยไว้… ถือเป็นคำเตือนใช่ไหม… ก็ยังดี การได้รับคำเตือนย่อมดีกว่าไม่มีเลย…
ชายหนุ่มยืนตัวแข็งกลางบ้านอยู่สองนาน
โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว ไคลน์รีบย่ำเท้าออกจากบ้านและนั่งรถม้าตรงไปยังมหาวิหารไอน้ำทันที
จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมของวิหารแห่งนี้คือหอนาฬิกาสูงตระหง่านและปล่องควันโดดเด่นจนเห็นได้ชัด สิ่งแรกสื่อถึงความงามของกลไก ส่วนสิ่งหลังสื่อถึงพลังงานไอน้ำซึ่งถูกนำมาใช้ปฏิวัติโลก
ปัจจุบันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ยามเที่ยง หรือยามเย็น ส่งผลให้จำนวนสาวกในโบสถ์ค่อนข้างบางตา
ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สำหรับสวดมนต์ วางไว้ค้ำพิงพนักด้านหน้า ถอดหมวกวางบนตัก และก้มศีรษะแสร้งสวดมนตร์ต่อหน้าตราศักดิ์สิทธิ์ประมาณสิบนาที
เมื่อเสร็จสิ้น ชายหนุ่มหยิบของใช้ประจำตัวและลุกเดินมายังด้านข้างแท่นบูชา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้บิชอปพลางกระซิบ
“ผมต้องการสารภาพบาป”
“ดีมาก พระองค์กำลังเฝ้ามองคุณอยู่” บิชอปเจ้าของใบหน้าแก่ชรา จอนข้างขมับสีขาวหงอก เดินนำเข้าไปในตู้สารภาพบาปฝั่งของนักบวช
ไคลน์ตามเข้าไปนั่งอีกฝั่งและปิดประตูห้อง
มันนั่งลงและกล่าวข้ามฉากกั้นทำจากไม้
“ผมมาสารภาพว่า ผมตัดสินใจละทิ้งศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ของตัวเองในยามต้องเผชิญอันตรายถึงแก่ชีวิต ผมเลือกหลบหนีอย่างคนขลาดเขลา”
“ตอนนั้นคุณกำลังคิดถึงสิ่งใด” บิชอปซักถามด้วยน้ำเสียงสุขุมอ่อนโยน
ไคลน์รีบเล่าถึงคดีการเสียชีวิตของทาลิม อธิบายความสงสัยของตน การแจ้งให้คาร์ลเซ่นทราบว่าเป็นคำสาป การถูกองค์ชายเอ็ดซัคมอบหมายงาน และผลลัพธ์อันล้มเหลวของพลังทำนาย ชายหนุ่มอธิบายถึงความหวาดกลัวหากตนต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างเชื้อพระวงศ์
ไคลน์ตัดสินใจไปไม่นำเรื่องนี้ไปบอกกับคาร์ลเซ่นในผับ มันกังวลว่าตนอาจถูกฝ่ายลึกลับคอยจับตามองทุกฝีก้าว และคงไม่ใช่แค่ฝ่ายลึกลับ แต่ยังรวมถึงฝ่ายองค์ชายเอ็ดซัคเองด้วย ทางนั้นย่อมต้องส่งคนมาคอยจับตามองพฤติกรรมนักสืบเชอร์ล็อก
ต่อให้วางตัวเป็นกลาง แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าชีวิตของตนจะปลอดภัยหลังจากแหย่ขาเข้าไปแล้วครึ่งตัว
ในทางกลับกัน มหาวิหารไอน้ำคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของจิตแห่งจักรกลมุขมณฑลกรุงเบ็คลันด์ เป็นหนึ่งในสามวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักร ไม่มีใครกล้าลงมืออุกอาจถึงขั้นแอบสะกดรอยตามเข้ามาข้างในแน่
จุดประสงค์ของไคลน์ก็คือ บอกเล่าความจริงเกือบทั้งหมด รายงานรูปคดีและความผิดปรกติในสาเหตุการตายของทาลิม โดยไม่ต้องเสียงนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาระดับอาณาจักร
ไคลน์กำลังทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ มันต้องการจับตัวคนร้ายฆ่าทาลิมมารับโทษตามกฎหมาย ขณะเดียวก็ยังรักษาคติพจน์ของตัวเองด้วยการไม่เข้าไปเสี่ยงอันตราย
บิชอปนั่งฟังจนจบโดยไม่ขัดคอ ปิดท้ายด้วยแสดงความเห็นอย่างอ่อนโยน
“ตัวเลือกของคุณเกิดจากเสียงเรียกร้องของหัวใจ พระองค์ท่านย่อมไม่ถือสา เชิญกลับไปก่อนเถิด พระองค์จะต้องคุ้มครองคุณแน่”
ค่อยยังชั่ว… ไคลน์เข้าใจความนัยแฝง จึงรีบเดินออกมาจากมหาวิหารไอน้ำด้วยอารมณ์ผ่อนคลายกว่าในตอนแรก
ขณะกำลังยืนริมถนน ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าเทาหม่นพร้อมกับถอนหายใจยาว
เราต้องรีบเลื่อนลำดับโดยด่วน…
……………………