Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 446 : ยุทธวิธีของจิตแห่งจักรกล
โดยไม่ต้องใช้เวลานาน ไคลน์เปลี่ยนมาดตัวเองให้กลายเป็นเดอะฟูลผู้ ‘จ้องมองทุกสิ่งจากเบื้องบน’ และพยักหน้ารับ พลางตอบกลับด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ทำได้ไม่เลว”
เบื้องหน้าชายหนุ่ม ผิวน้ำบนลำธารเริ่มกระเพื่อมและผุดอักษรประโยคใหม่ :
“ถัดจากนี้จะเป็นฉากปฏิบัติการขุดค้นสุสานซึ่งข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน อาโรเดส บันทึกไว้ให้ท่านได้รับชม ท่านยังสามารถเร่งความเร็วหรือย้อนกลับเหตุการณ์ได้ตามใจชอบ”
ข้อความดังกล่าวค้างอยู่ราวสองวินาที จนกระทั่งฉากในนิมิตของไคลน์ ‘ซูมเข้า’ อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นมุมมองจากสายตาของคนปรกติ ชายหนุ่มพบว่าตัวเองกำลังยืนข้างอาวุโสจิตแห่งจักรกล ไอคานส์·เบอร์นาร์ด โดยไม่มีใครตระหนักถึงความผิดปรกตินี้
มองไปรอบตัว ไคลน์รู้สึกราวกับตนกำลังถูกยืนล้อมด้วยคนจริง ไม่มีปัจจัยใจช่วยให้แยกแยะได้ว่านี่คือฉากจำลอง คล้ายกับตนเป็นหนึ่งในทีมขุดค้นสุสานร่วมกับจิตแห่งจักรกลไปแล้ว
สามารถเร่งความเร็ว กดข้าม หรือย้อนกลับได้… ร่างจริงของกระจกวิเศษอาโรเดสต้องเป็นโฮมเทียร์เตอร์แน่… ไคลน์จิกกัดในใจ
ชายหนุ่มสำรวจสมาชิกทุกคนจนพบว่า ทีมนี้ถูกนำโดยนักบวชสวมชุดคลุมสีขาวคนหนึ่ง เหนือศีรษะสวมหมวกใบเล็กของนักบวช สีหน้าแววตาเป็นมิตรและอบอุ่น อากัปกิริยาเป็นไปอย่างสุขุมอ่อนโยน
“เจ้าคุณท่าน สมาชิกทุกคนพร้อมแล้วขอรับ” ไอคานส์เดินเข้าไปใกล้และโค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม
อาร์ชบิชอป… ผู้นำสูงสุดของโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์!
ฮารามิค·ไฮเดิน… จิตแห่งจักรกลจัดลำดับความสำคัญของปฏิบัติการนี้ไว้สูงมาก พวกเขาไม่ประมาทเลยสักนิด…
ไม่แน่ว่า ทีมสำรวจคราวนี้อาจมีสมบัติวิเศษระดับ 1 ติดมาด้วย และคงมีการทำนายตรวจสอบอย่างละเอียดทุกซอกมุมก่อนลงมือแล้ว ต้องไม่ลืมว่าโบสถ์จักรกลไอน้ำครอบครองเส้นทางผู้ส่องความลับไว้ด้วย…
โชคยังดี เราเคยทดสอบและยืนยันได้ว่า ห้วงมิติเหนือสายหมอกมีพลัง ‘แทรกแซงผลทำนาย’ ระดับเดียวกับไพ่เย้ยเทพของโรซายล์ ทุกการทำนายถึงเราจะถูกบิดเบือนให้เป็นผลดีกับตัวเราอย่างกลมกลืน ไม่อย่างนั้น ป่านนี้นักสืบเชอร์ล็อกคงถูกทางการหมายหัวนานแล้ว…
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า การนัดพบระหว่างเรากับชารอนจะถูกมองเห็น เพราะต่อให้หน่วยพิเศษล่วงรู้เหตุการณ์ดังกล่าวเข้า เป้าหมายการจับกุมของจะไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นตัวชารอน พลังแทรกแซงของมิติเหนือสายหมอกจึงไม่น่าจะแสดงผลในกรณีนี้… เฮ่อ ได้แต่หวังว่าวิญญาณอาฆาตจะมีพลังต่อต้านผลการทำนายแบบเดียวกัน…
เดี๋ยวสิ… แทบทุกการทำนายของจิตแห่งจักรกลจะพึ่งพาพลังของกระจกวิเศษอาโรเดสไม่ใช่หรือ? หากประเมินจากท่าทีสุดแสนนอบน้อมต่อเรา มีความเป็นไปได้ว่าอาโรเดสจะช่วย ‘เบลอ’ ใบหน้าของชารอนให้…
ไคลน์เริ่มกระจ่าง
มาถึงจุดนี้ ฮารามิค·ไฮเดินวาดสัญลักษณ์สามจุดบนหน้าอก
“เริ่มปฏิบัติการได้ ขอให้พระองค์คุ้มครองเราทุกคน”
ผู้วิเศษเกือบสิบเดินลงไปยังบันไดทางเข้าสุสาน ไคลน์ตามหลังไปไม่ห่าง และยังไม่คิด ‘เร่งความเร็ว’ วิดีโอบันทึกการสำรวจ
มันสงสัยมานานแล้วว่า ผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำของจิตแห่งจักรกลจะมียุทธวิธีการรบเป็นเช่นไร นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญในการยลโฉมให้เต็มสองตา
นอกจากนั้นยังจะมีโอกาสได้เห็นรูปแบบการต่อสู้ของครึ่งเทพ รวมไปถึงความลับภายใต้สุสานตระกูลอามุนด์
แม้จะถูกกาลเวลากัดกร่อนมานานกว่าสองพันปี แต่บันไดหินของสุสานกลับยังแข็งแรงโดยไม่มีร่องรอยการผุกร่อน ทีมสำรวจของจิตแห่งจักรกลเดินลงไปจนเกือบสุดทางและได้พบเสาหินรูปทรงไม่สมมาตร รวมถึงรอยขูดด้วยดาบหรือขวานอันเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัยที่สี่
สองฝั่งซ้ายขวามีเสาหินประดับตกแต่งเรียงราย สุดปลายทางเดินเป็นประตูหินบานคู่ขนาดมหึมา เพียงจ้องมองก็รู้สึกถึงความหนัก
บานประตูหินเปิดแง้มอยู่ก่อนแล้ว กว้างพอจะให้ผู้ชายสองเรียงหน้ากระดานเดินเข้าไปพร้อมกัน
จิตแห่งจักรกลไม่รีบร้อน เพียงหยุดสำรวจบริเวณหน้าทางเข้าอย่างละเอียดและไม่พบสิ่งของสำคัญ
“ทำตามแผน หน่วยแรกเข้าไปเก็บกวาด” เมื่อได้รับสัญญาณจากอาร์ชบิชอป อาวุโสไอคานส์กดหมวกลงพร้อมกับหันไปสั่งลูกทีม
เก็บกวาด? ไคลน์ยืนทวนคำอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ามึนงง
ท่ามกลางความไม่เข้าใจของชายหนุ่ม สมาชิกจิตแห่งจักรกลร่างกายกำยำสองคนทำการวางกล่องสีดำยาวลงบนพื้น
สำหรับกล่องแรก ด้านในมีแท่งโลหะสีดำเงาลักษณะคล้ายปืนใหญ่ ผิวโลหะสลักลวดลายเวทมนตร์ทุกซอกมุม ส่วนอีกกล่องเป็นปืนกลหนักกลไกซับซ้อน ด้านข้างมีสายกระสุนสีทองเส้นยาววางอยู่ในกล่อง
ผู้ใช้ปืนใหญ่บรรจงเดินผ่านบานประตูหินเปิดแง้มอย่างเชื่องช้า ผู้ใช้ปืนกลหนักนำสายกระสุนมาเสียบและเดินตามหลังคนแรกโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย
มองหน้ากันหนึ่งครั้ง ผู้ใช้ปืนใหญ่นำอาวุธประจำกายประทับบ่า และเพียงพริบตา ลวดลายเวทมนตร์บนผิวโลหะเริ่มส่องแสงพร้อมกับเสียงระเบิดคำรามก้องกังวาน
เปรี้ยง—!
ลูกบอลเพลิงลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ย่อส่วนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนใหญ่เข้าไปในความมืดมิดเบื้องหน้า
บึ้มมมมมมม!
ผืนดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย แสงสว่างส่องออกจากรอยแยกท่ามกลางความมืด
ผู้ใช้ปืนใหญ่เซถอยหลังราวสามก้าว ขาสองข้างเผยอาการสั่นระริกชัดเจน
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
มันยังคงกระหน่ำยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่ศักดิ์สิทธิ์อีกหลายนัดในจุดต่างกัน ถึงแม้จะมีการสั่นสะเทือนของพื้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากเพดาน
หลังจากหยุดยิง ผู้ใช้ปืนใหญ่เดินถอยกลับโดยให้ผู้ใช้ปืนกลเข้าไปยืนแทน
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกลหนักดังระรัวชุดใหญ่ กระสุนสีทองซีดจำนวนมากพุ่งจากปลายกระบอกเข้าไปในความมืดมิด จุดประสงค์คือการขจัดสิ่งแปลกปลอมทางวิญญาณให้ราบคาบ
…นี่มันยุทธวิธี ‘ยิงถล่ม’ ในฝันของเราเลยไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้ใช้กระสุนธรรมดา แต่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยราคาสูงจำพวกกระสุนชำระล้างและกระสุนปืนใหญ่ปัดเป่า…
ร่ำรวยฉิบหาย!
นี่น่ะหรือยุทธวิธีรบของจิตแห่งจักรกล…
ไคลน์จ้องมองปฏิบัติการด้วยดวงตาลุกวาวและริมฝีปากอ้ากว้าง
หลังจากการยิงถล่มชุดใหญ่จบลง ไอคานส์ตะโกนออกคำสั่งท่ามกลางเสียงสะท้อนซึ่งยังคงดังอื้ออึง
“หน่วยสอง เก็บกวาดสมทบ”
ยังจะมีอีกหรือ… ไคลน์ไม่อยากเชื่อหู
หน่วยสองยังคงประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองคนผู้ใช้ม้วนคาถาหนังหลายชนิด
พวกมันเปล่งคาถาไม่ซับซ้อนพร้อมกับถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อเปิดใช้งาน จากนั้นก็ขว้างม้วนกระดาษเข้าไปในความมืด
เพียงพริบตา แสงสว่างเจิดจ้าได้สาดส่องปกคลุมทุกซอกมุมของห้องด้านหลังประตูหิน ถัดมาอีกหนึ่งอึดใจ ‘ฝนศักดิ์สิทธิ์’ สีทองอร่ามเริ่มโปรยปรายลงมาจากเพดาน ทุกสิ่งในบริเวณล้วนถูกชำระล้างจน ‘สะอาด’
ไคลน์จ้องมองพฤติกรรมของหน่วยพิเศษด้วยสีหน้าเหนือความคาดหมาย มันเกิดคำถามทันที
พวกนายไม่ได้หลงใหลการขุดค้นสุสานอย่างสุนทรีย์หรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าจิตแห่งจักรกลเป็น ‘นักโบราณคดี’ มืออาชีพหรือไง? แล้วทำไมถึงไม่เกรงกลัวว่าสุสานจะถล่มลงจากวิธีการอันป่าเถื่อนเลยสักนิด!
ขณะเกิดความคิดดังกล่าว หน่วยสองได้เสร็จสิ้นการเก็บกวาดและหันไปตะโกนกับไอคานส์·เบอร์นาร์ด
“ท่านอาวุโส ไม่ผิดไปจากความคาดหมายเลยสักนิดครับ! โครงสร้างภายในของสุสานแข็งแรงจนน่าเหลือเชื่อ!”
พวกเขาคำนวณไว้แล้ว…
“อืม เริ่มการสำรวจ” ไอคานส์ออกคำสั่ง
ไคลน์เดินตามพวกมันผ่านประตูหินบานใหญ่เข้าไป ภาพแรกด้านหลังประตูคือ เศษหินก้อนเล็กรวมถึงเศษผงกระจัดกระจายเต็มพื้นลานกว้าง ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้เคยเป็นวัตถุชนิดใดมาก่อน หรือเคยมีสัตว์ประหลาดชนิดใดอาศัยอยู่ด้านใดบ้าง
หรือถ้ามีกลไกและกับดัก เห็นทีก็คงจะไม่เหลือซากเช่นกัน…
เมื่อต้องเผชิญการ ‘เก็บกวาด’ ดังกล่าว หากไม่มีการเตรียมตัวรับมือไว้ก่อน ผู้วิเศษลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพทุกเส้นทางคงแทบไม่มีโอกาสรอด…
ไคลน์เริ่มหลงใหลพลังทำลายล้างอันป่าเถื่อนของการยิงถล่ม มันทั้งเรียบง่าย ซื่อตรง และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การสำรวจในห้องถัดๆ ไปค่อนข้างจำเจ ยุทธวิธีแบบเดิมถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง เปิดฉากด้วยการถล่มปืนใหญ่ กลหนัก ตามด้วยม้วนคาถาเวทมนตร์นานับชนิด จิตแห่งจักรกลสามารถสำรวจสุสานได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน ระหว่างทางยังรวบรวมตะกอนพลังและวัตถุมีค่าได้อีกหลายชิ้น
“ไม่มีจิตรกรรมฝาผนัง…” เมื่อสำรวจห้องหลักของสุสานจนรอบ อาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำ ฮารามิค·ไฮเดิน พึมพำกับตัวเอง
ได้ยินเช่นนั้น นักศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์อย่างไคลน์เริ่มฉุกคิดได้
ตามปรกติแล้ว สุสานของตระกูลขุนนางมักมีจุดประสงค์เพื่อ ‘อวด’ ความยิ่งใหญ่และเกียรติยศสมัยพวกมันยังมีชีวิต
เมื่อเป็นตระกูลใหญ่ หลุมศพธรรมดาจึงพัฒนาเป็นสุสานและมหาสุสาน ทำให้ยิ่งมีผนังว่างพอสำหรับแขวนภาพวาดหรือละเลงภาพจิตรกรรม ภาพเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อบอกเล่าความยิ่งใหญ่ของผู้หลับใหลด้านใน
ยิ่งเป็นตระกูลขุนนางยุคเก่าแก่ยิ่งได้รับความนิยม เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์เรียนรู้การวาดภาพก่อนการเขียนตัวหนังสืออยู่แล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ว่า สำหรับหลุมศพตระกูลขุนนางจากยุคสมัยที่สี่ การขาดหายไปของจิตรกรรมผาหนังคือสิ่งไม่ปรกติ
เมื่อได้ยินคำถามจากอาร์ชบิชอป ไอคานส์รีบสั่งให้สมาชิกจิตแห่งจักรกลแยกย้ายออกไปค้นหาเบาะแสในละแวกใกล้เคียง
เหตุการณ์ปัจจุบันทำให้ไคลน์นึกอยาก ‘เร่งความเร็ว’ ไปอีกสักนิดเพื่อดูผลลัพธ์
แต่ทันใดนั้น มันเริ่มตระหนักว่าจิตแห่งจักรกลสองคนตรงมุมซ้ายของห้อง ได้เพิ่มจำนวนกลายเป็นสามคน!
หนึ่งในนั้นมีใบหน้าเหมือนกับไอคานส์ทุกประการ ไม่ว่าจะหมวกใบใหญ่หรือเส้นผมแข็งกระด้างไม่เป็นทรง
นี่มัน… ไคลน์ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบตั้งสติเพ่งมองเหตุการณ์
ระหว่างนั้น ไอคานส์ตัวปลอมได้เดินไปทางสมาชิกทั้งสอง
“พบอะไรไหม” มันกระแอมก่อนกระซิบ
ชายคนดังกล่าวรีบหันมามองอย่างตกใจ ก่อนจะทำสีหน้าโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นไอคานส์
“ไม่คร—”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค ไอคานส์ตัวปลอมได้เปลี่ยนร่างเป็นแผ่นหนังมนุษย์ผืนใหญ่พร้อมกับพุ่งเข้าไปห่อหุ้มจิตแห่งจักรกลอันเป็นเป้าหมาย
หนังมนุษย์ขาวซีดโอบล้อมร่างกายเหยื่อและเริ่มเลียนแบบเค้าโครงร่างกาย หรือแม้แต่รูปพรรณสัณฐานก็ยังเหมือนกับเหยื่อทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีเสียงใดดังแปลกปลอมขณะเกินเหตุการณ์ ไม่มีกระทั่งการเคลื่อนไหวอันผิดปรกติ
ทันใดนั้น ‘หนังมนุษย์’ เริ่มส่องสว่างในลักษณะของริ้วแสงสีขาวคล้ายกับดวงอาทิตย์ระเบิดจากด้านใน
หนังมนุษย์รีบสลัดหลุดจากร่างเหยื่อพร้อมกับลอยขึ้นไปในอากาศด้วยสภาพลุกไหม้
ทันใดนั้น แส้สีดำฟาดใส่จากมุมอับ หวดปะทะร่างหนังมนุษย์อย่างจังจนการเคลื่อนไหวของมันช้าลง
ในการต่อสู้อันดุเดือด หากถูกทำให้เชื่องช้าก็ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วครึ่งตัว เหตุการณ์หลังจากนั้นไปเป็นตามคาด จิตแห่งจักรกลรุมถล่มโจมตีนานับชนิดเข้าใส่ ไม่ว่าจะเป็นกระสุนสีทอง ม้วนคาถาลุกโชน และการโจมตีทางกายภาพชนิดอื่น
หลังจากภายในห้องเต็มไปด้วยแสงสว่างอยู่พักใหญ่ ซากขี้เถ้าสีดำได้โปรยลงบนพื้น
เศษซากทุกส่วนยังคงส่องแสงเจือจางและเริ่มไหลกลับมารวมกันเป็นจุดเดียว
เงามืดหนังมนุษย์…! ไคลน์รีบหันไปมองจิตแห่งจักรกลผู้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีเมื่อครู่
ชายคนดังกล่าวปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดและล้วงบางสิ่งออกมา มันคือแผ่นยันต์โลหะสลักลวดลายดวงอาทิตย์
“ขอบคุณพระองค์! ขอบคุณท่านอาร์ชบิชอปผู้บอกให้พวกเราสวมสิ่งนี้ก่อนออกมา!” มือข้างหนึ่งถือตะเกียง อีกข้างกำยันต์พลางสรรเสริญ
ไคลน์เริ่มสังเกตเห็นว่าชายคนนี้ติดเข็มกลัดรัตติกาล สวมแหวนวายุสลาตัน และคาดเข็มขัดหนังเพิ่มพละกำลัง…
แม้ว่าทั้งหมดนี้จะไม่ใช่สมบัติวิเศษ เป็นเพียงวัตถุในหมวดหมู่ยันต์และอาวุธวิเศษซึ่งจะเสื่อมพลังวิญญาณลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ราคาของแต่ละชิ้นก็ไม่ได้ถูก! ถ้าไม่ใช้ช่างฝีมือหรือผู้วิเศษร่ำรวย การครอบครองทั้งหมดไว้ในคนเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้… นี่น่ะหรือยุทธวิธีการรบของจิตแห่งจักรกล…
สู้ด้วยอำนาจเงินตรา!
ไคลน์หมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน
ทันใดนั้น ซากเงามืดหนังมนุษย์ได้รวมตัวกันเป็นตะกอนพลังลักษณะคล้ายเพชรเม็ดใหญ่ ทุกด้านหน้าตัดของเพชรจะส่องแสงแวววาว แต่ละด้านปรากฏภาพใบหน้ามนุษย์จำนวนมากแตกต่างกันออกไป
เมื่อภาพใบหน้ามากมายซ้อนทับกันในลักษณะน่าขนลุก ไคลน์ผู้จ้องมองเข้าไปเริ่มเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ
เรากำลังขาดสิ่งนี้พอดี…! ชายหนุ่มตื่นเต้น
เมื่อจิตแห่งจักรกลเก็บตะกอนพลังไป พวกมันเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบภาพจิตรกรรมฝาหนึ่งซึ่งควรจะมี
ไม่มีทางเลือก ทุกคนกลับไปออกไปยังทางเดินมายังห้องสุสานหลัก
……………………