Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 511 : แสงทรงกลด
ฟ้าว
สายลมรุนแรงพัดมาจากร่างบิชอปมิลเลอร์จนชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มของมันพัดกระพือ
แกร่ก! แกร่ก! เปรี้ยะ!
กิ่งไม้ในบริเวณใกล้เคียงเริ่มแตกหักและร่วงกราวลงพื้น บางส่วนปลิวกระจัดกระจายลอยไปในอากาศ
ร่างกายดอนน่าลอยสูงขึ้นจากพื้นอย่างมิอาจขัดขืน ก่อนจะกระเด็นไปด้านหลังราวสองสามเมตรและตกกระแทกพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ไม่ใช่แค่เธอ แต่เซซิล แดนตัน ดิเมอดอร์ แฮร์ริส และอีกหลายคน ต่างมีอันต้องลอยไปในอากาศก่อนจะตกกระแทกพื้นระเนระนาด
เหลือเพียงคลีฟส์ ทีก และเออร์ดี้มิได้ลอยขึ้นไป อาจจะด้วยเพราะร่างกายแข็งแรงหรือไม่ก็มีน้ำหนักตัวมาก อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีอันต้องเสียหลักล้มกลิ้งสองสามตลบ
ไอร์แลนด์ ผู้ยืนใกล้กับบิชอปมิลเลอร์มากกว่าใคร พยายามตีลังกาถอยหลังเพื่อลดแรงกระแทกและหลีกเลี่ยงการปะทะ
ไคลน์กับเดนิสมิได้ขัดขืนต่อต้าน ปล่อยร่างกายให้ลอยขึ้นตามแรงลม แต่ยังคงรักษาสมดุลไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
เมื่อพายุเกรี้ยวกราดหยุดชะงัก ท่ามกลางสายหมอกกระจัดกระจาย เงารางจำนวนหกร่างปรากฏขึ้นรอบตัวมิลเลอร์ ทั้งหมดสวมผ้าคลุมสีดำและปราศจากศีรษะ เผยให้เห็นส่วนลำคอชุ่มเลือดโดยมีสายลมหมุนวนโอบล้อมรอบตัว
แฮ่ก! แฮ่ก!
พวกมันส่งเพียงครางคล้ายกับสัตว์ร้ายเตรียมกระโจนโจมตี
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ใบมีดลม คมและบาง ถูกรัวยิงใส่ในจุดซึ่งไคลน์เคยยืนอยู่
กึก! กึก! กึก!
ถือโคมตะเกียงด้วยมือข้างหนึ่ง มิลเลอร์ในเสื้อคลุมน้ำเงินยกมือขึ้นสองข้าง
ร่างหัวขาดทั้งหกพลันย่ำเท้าปรี่ใส่ไคลน์และไอร์แลนด์จนพื้นดินสั่นสะเทือน
ลำพังสัตว์ประหลาดไร้หัวตัวเดียวยังยาก แต่นี่กลับมาพร้อมกันถึงหก… แถมยังมีบิชอปวิปริตอีกหนึ่ง!
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเต็มสองตา เดนิสพลันเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
ทันใดนั้น วัตถุบางชนิด สีทองแดง พุ่งผ่านหน้าเดนิสจนเกิดเป็นเส้นแสง ก่อนจะลอยไปตกลงในจุดห่างไกล
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
นกหวีดทองแดงของอะซิกกระทบพื้นและกระเด้งไปอีกสองสามตลบ
ด้วยเสียงครางในลำคอหนึ่งหน ศพหัวขาดทั้งหกต่างกรูไปรุมทึ้งนกหวีดทองแดงโดยมิได้นัดหมาย ส่งผลให้บิชอปมิลเลอร์ยืนโดดเด่นอยู่ตามลำพัง
ไคลน์ฉวยโอกาสล้วงมือซ้ายเข้าไปหยิบเข็มกลัดสุริยันในเสื้อโค้ทและโยนไปทางกัปตันไอร์แลนด์ซึ่งยืนไม่ห่าง
ปิดท้ายด้วยการตะโกนสั้นกระชับ
“ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปห้าวินาที. น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์.”
จากนั้น ชายหนุ่มไม่แยแสชะตากรรมของหมวกทรงกึ่งสูงบนศีรษะตน เพียงวิ่งซิกแซกซ้ายขวาตรงเข้าหาบิชอปมิลเลอร์อย่างคล่องแคล่ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ใบมีดสายลมถูกกระหน่ำยิงเพื่อหยุดยั้งการกระทำของไคลน์
พื้นดินในจุดดังกล่าวแตกร้าวและถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ไคลน์อาศัยความคล่องตัวของตัวตลกโยกหลบด้วยหลากหลายลูกเล่น ไม่ว่าจะใช้มือยันพื้นเพื่อเบรกจังหวะ หรือการม้วนตัวกลิ้งอันเป็นสิ่งถนัด ส่งผลให้การระดมยิงรอบแรกของบิชอปมิลเลอร์กลายเป็นหมัน
มิลเลอร์ยกแขนสองข้าง ดวงตาสีแดงของมันทวีความสว่างเข้มข้น
ฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุบ!
คมมีดอากาศถูกรัวยิงในจังหวะถี่ยิบยิ่งกว่าปืนกลสมัยใหม่ ไคลน์พยายามหลบหลีกเต็มกลืน แต่ก็ทำสำเร็จเพียงครึ่งเดียว ส่งผลให้ร่างกายถูกเฉือนเข้าอย่างจังจนแปรสภาพกลายเป็นเศษกระดาษฉีกขาดโปรยปราย
ชายหนุ่มโผล่ออกจากอีกฝั่ง ยังคงพุ่งปรี่ใส่บิชอปมิลเลอร์เพื่อลดระยะห่าง พยายามหาทางเข้าถึงขอบเขตการโจมตีให้ได้
…
เมื่อไอร์แลนด์จับเข็มกลัดสุริยัน มันรู้สึกถึงไอความร้อนแสนอบอ้าว และต้องการถอดเสื้อกระโดดลงไปแช่ในบ่อน้ำแข็งทันที
หลังจากนึกทบทวนคำพูดทิ้งท้ายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไอร์แลนด์ล้วงหยิบเหยือกดีบุกทรงสี่เหลี่ยมแบนออกมาจากเสื้อโค้ท หมุนคลายเกลียวฝาออก และเท ‘แลงติร้อนแรง’ ทิ้งลงพื้นทั้งหมด กลิ่นเหล้าเข้มข้นโชยหึ่งเตะจมูกคนรอบข้างถ้วนหน้า
เดนิส·เพลิงพิโรธมองไปรอบตัวและเริ่มเข้าใจสถานการณ์
มันคุกเข่าลงหนึ่งข้าง มุมปากฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับนำฝ่ามือทั้งสองนาบกับพื้น
อสรพิษเพลิงสีแดงสองตัวผุดขึ้นจากพื้นดินถัดไปจากด้านหน้าเดนิส ก่อนจะพุ่งไปทางนกหวีดทองแดงอะซิกและก่อตัวเป็นกำแพงไฟสี่ทิศรายล้อม
ในตอนแรก มันคิดจะขว้างลูกไฟไปทางบิชอปมิลเลอร์ เพื่อให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์กระโจนเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้เร็วขึ้น แต่หลังจากไตร่ตรองจนถี่ถ้วน มันเปลี่ยนใจไปจัดการกับศพไร้หัวทั้งหกก่อน เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะได้แสดงพลังแท้จริงโดยไม่ถูกรบกวน
คลีฟส์ เซซิล ทีก และแฮร์ริส ต่างรีบพยุงตัวลุกยืนและเก็บปืนของตนกลับมาถือ ทุกคนยืนล้อมดอนน่า เออร์ดี้ ดิเมอดอร์ และอีกหลายคนไว้ตรงกลาง คอยปกป้องจากภัยอันตรายอันคาดไม่ถึงในอนาคต
ประสบการณ์ได้สอนพวกมันว่า หากไม่เคยถูกฝึกมาก่อน และไม่ได้รับคำขอร้องให้ช่วย ห้ามยื่นมือเข้าไปสอดระหว่างการต่อสู้ของผู้วิเศษโดยเด็ดขาด!
ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!
ศพไร้หัวทั้งหกไม่แยแสกำแพงไฟรอบนกหวีดทองแดง คิดเพียงจะแย่งชิงวัตถุดังกล่าวมาเป็นของตนราวกับสุนัขหิวโหย
ภาพตรงหน้าทำให้ไอร์แลนด์มีสมาธิกับการถ่ายพลังวิญญาณลงในเข็มกลัดสุริยันได้โดยไม่ต้องพะวงหลัง บรรจงหยดน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ลงในเหยือกแบนของตนอย่างใจเย็น
เมื่อเดนิสเห็นฝูงศพหัวขาดไม่เปลี่ยนเป้าหมายจากนกหวีด มันยิ้มกรุ้มกริ่มพลางง้างมือขวาไปด้านหลังและเสกหอกเพลิงทรงยาวสีขาวโพลนลุกโชติช่วง
เดนิสก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าครึ่งจังหวะ บิดเอวส่งแรง และขว้างหอกเพลิงออกไปอย่างสุดแรง คมหอกแหวกอากาศเสียบหนึ่งในศพไร้หัวและปักเหยื่อลงกับพื้นดิน
บึ้ม!
เพลิงสีขาวสว่างวาบพร้อมกับระเบิดลอยสูงขึ้นฟ้า ศพหัวขาดร่างหนึ่งไหม้เกรียมไปครึ่งตัวในพริบตา ส่วนร่างอื่นๆ รอบข้างได้ผุดควันสีเขียวเข้มออกมาเจือจาง
เมื่อพบว่าการโจมตีได้ผล เดนิสตั้งใจจะทำซ้ำในสิ่งเดิม แต่ทันใดนั้น มันเริ่มสัมผัสถึงความหิวโหยอันน่าสยดสยอง กำลังแผ่ฟุ้งคละคลุ้งเต็มบรรยากาศรอบตัว
ในวินาทีนี้ มันรู้สึกราวกับตนกำลังยืนอยู่ขอบผาเหนือหุบเหวลึกไร้ก้นบึ้ง โดยอีกก้าวเดียวก็จะพลัดตกลงไป
เดนิสทราบทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ปลดปล่อยความบ้าคลั่งในร่างกายออกมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หลังจากสิ้นเปลืองกระดาษคนตัวแทนครบจำนวนสามครั้ง ไคลน์เข้าสู่ระยะปรารถนาของตนสำเร็จ
คล้ายกับหิวกระหายเป็นเวลานาน ถุงมือข้างซ้ายเริ่มยุบพองอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับผุดเกล็ดสีทองดำปกคลุมหลังมือ
รูม่านตาไคลน์กลายเป็นวงรีตั้งฉาก
ภาพบนกระจกตาชายหนุ่มเริ่มสะท้อนร่างของมิลเลอร์ในชุดคลุมสีน้ำเงิน
กึก!
ชายวัยกลางคน ผู้เตรียมสร้างปืนกลลมเฉือนใส่ไคลน์ พลันชะงักพฤติกรรมและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาสีแดงสว่างของมันสูญเสียความแวววาว ทดแทนด้วยความบ้าคลั่งและปราศจากเหตุผล ผิวหนังเริ่มมันเลื่อมคล้ายกับมีเมือกของสัตว์ทะเลปกคลุม
มันอ้าปากกว้างพร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอแผ่วเบา ฟังดูคล้ายกับมาจากสัตว์ในท้องทะเลลึก พร้อมกันนั้น หนวดหมึกลื่นไหลและน่าขยะแขยงพลันงอกเงยออกจากใต้ชายเสื้อคลุมสีน้ำเงิน!
นี่คือพลัง ‘โรคประสาท’ ของนักจิตบำบัด!
ความจริงแล้ว ไคลน์ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อหยุดการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ตนจะได้มีช่องว่างโจมตีกลับเข้าไป ทว่า เมื่อบิชอปมิลเลอร์ถูกดึงสติจนขาดผึ่ง คล้ายกับมันเข้าสู่กระบวนการคลุ้มคลั่งในทันที
จิตใจอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเปราะบางถึงขั้น ขอเพียงมีแรงกระตุ้นเล็กน้อย ก็จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดในพริบตา
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว รูม่านตาไคลน์พลันหดกลับคืนสภาพเดิม มันตัดสินใจเปลี่ยนวิญญาณในถุงมือโดยไม่ลังเล
ขณะอีกฝ่ายกำลังอาละวาด ถุงมือซ้ายชายหนุ่มเริ่มฉาบด้วยแสงสีทองสุกสว่าง สายตาเพ่งมองบิชอปมิลเลอร์โดยไม่ละไปไหน
ภายในรูม่านตา สายฟ้าสีขาวสองเส้นปรากฏขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
โดยไม่ต้องรอนาน มิลเลอร์เริ่มส่งเสียงแหกปากโหยหวนราวกับกำลังทุกข์ทรมานเสียเต็มประดา ทั้งฝ่ามือและหนวดหมึกพลันหดกลับไปกุมศีรษะด้วยท่าทางเจ็บปวด
จิตใจของมันกำลังถูกกรีดแทง เกิดเป็นความเจ็บปวดเกินคำบรรยาย
พลังของนักสอบสวน!
ไคลน์ยันร่างกายขึ้นด้วยมือขวา พลางยกมือซ้ายอันเปล่งประกายและกำหมัดขณะถุงมือกำลังเปลี่ยนสี
ทันใดนั้น ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและกางมือออกราวยืนกับอ้าแขนรับแสงแดด
แสงสีขาวเข้มข้น สุกสว่าง อัดแน่นด้วยความศักดิ์สิทธิ์แสนบริสุทธิ์ โปรยปรายลงมาจากอากาศว่างเปล่าด้านบนมิลเลอร์ ฉาบร่างบิชอปแห่งวิหารวายุอย่างท่วมท้นสมบูรณ์
บรรยากาศโดยรอบสว่างไสวจนคล้ายกับตอนกลางวัน ลมพายุเกรี้ยวกราดในตอนแรกพลันชะงักงันและเริ่มสลายตัวเจือจาง
ลำดับ 5 นักบวชแสง!
ร่างของมิลเลอร์ค่อยๆ ถูกแผดเผาทีละนิด เริ่มจากก้อนเมือกและพังผืด ตามด้วยหนวดหมึก และปิดท้ายด้วยผิวหนัง
เมื่อลำแสงระยิบระยับเลือนหาย มันก็พ้นสภาพจากการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เหลือเพียงคราบของสัตว์ประหลาดอันประกอบขึ้นจากกระดูกสีขาวและก้อนเนื้อเละเทะ
ลมหายใจมิลเลอร์ขาดห้วงและอ่อนแอ
แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ตาย!
พลังชีวิตของร่างสัตว์ประหลาดหลังจากคลุ้มคลั่ง ทนทายาดจนน่าเหลือเชื่อ!
ไคลน์ไม่เปลี่ยนสีหน้า มันรีบปรี่เข้าประชิดตัวบิชอปมิลเลอร์โดยเว้นระยะห่างประมาณสองสามก้าว ตามด้วยการคุกเข่าลงหนึ่งข้างและนาบถุงมือข้างซ้ายลงบนผิวหนัง
ชายหนุ่มตัดสินใจหยุดใช้พลังนักบวชแสงกลางคันก็เพื่อรักษาสภาพศพไว้เป็นอาหารของยุบพองหิวโหย!
ใจกลางฝ่ามือ ผิวถุงมือแยกตัวออกจากกันพร้อมกับเผยให้เห็นฟันมายาสีขาว จากนั้น ‘ปาก’ ของยุบพองหิวโหยเริ่มเขมือบร่างกายและจิตวิญญาณของเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด
อย่างไรก็ตาม บิชอปมิลเลอร์ยังพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย หนวดหมึกสองสามเส้นผุดขึ้นใหม่หมายกระชากไคลน์ให้เสียงจังหวะ
ไคลน์ทิ้งไม้เท้าในมือขวา ตามด้วยการชักลูกโม่ดัดแปลงออกจากซองรักแร้ และกระหน่ำยิงห้านัดรวดอย่างไร้ความปรานี
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนหลากสีสัน ประกอบด้วยทองอ่อน ทองเหลือง และเงิน แหวกอากาศทะลวงร่างบิชอปมิลเลอร์โดยสร้างเส้นแสงเป็นทางยาว
มิลเลอร์ส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า วิญญาณของตนมิอาจขัดขืนการเขมือบจากยุบพองหิวโหยได้
เลือดเนื้อของเหยื่อค่อยๆ ถูกสูบเข้าปากอันไร้ก้นบึ้งทีละนิด
ผ่านไปสองสามวินาที เหลือเพียงเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ธนบัตรหนึ่งปึก และก้อนแสงสีเขียวเข้มแกมน้ำเงิน ตกลงบนพื้นจนเกิดเสียงกุกกักแผ่วเบา
นี่คือความแตกต่างระหว่าง ‘เขมือบ’ กับ ‘ต้อนแกะเข้าคอก’
ใจจริง ไคลน์ต้องการทำอย่างหลังมากกว่า แต่นอกจากมิลเลอร์ มันก็มองไม่เห็นอาหารอื่นของยุบพองหิวโหยในบริเวณใกล้เคียงแล้ว
ขณะเดียวกัน กัปตันไอร์แลนด์เสร็จการสร้างน้ำมนต์ใส่เหยือกแบนสี่เหลี่ยมรอบสอง
เห็นดังนั้น เดนิสตะโกนเร่งเร้า
“โยนเข้าไป!”
ไอร์แลนด์ไม่ลังเล มันโยนเหยือกไปทางศพหัวขาดทั้งหกซึ่งพยายามแย่งชิงนกหวีดทองแดงผ่านกำแพงไฟ
เดนิสกระแอมในลำคอและยืนตัวตรง
มือซ้ายล้วงกระเป๋า มือขวาเหยียดตรงไปด้านหน้า ทันใดนั้น อีกาไฟสีแดงหลายตัวได้ผุดขึ้นจากอากาศรอบตัวเดนิส
อีกาไฟมายากึ่งโปร่งแสงโบยบินเข้าหาเป้าหมายด้วยวิถีแตกต่าง โดยมีตัวหนึ่งพุ่งขึ้นไปชนกับเหยือกแบนสี่เหลี่ยมของไอร์แลนด์ ซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือกลุ่มศพไร้หัวพอดิบพอดี
บึ้ม!
เหยือกแตกกระจัดกระจาย น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันเริ่มโปรยปรายลงมายังด้านล่าง
ฉ่า! ฉ่า!
เมื่อศพไร้หัวอาบน้ำมนต์ถ้วนหน้า พวกมันส่งเสียงหวีดจากหลอดลมพร้อมกับลงไปนอนชักกระตุกบนพื้น
เพียงไม่นาน ทุกตัวได้ละลายหายไปจนเหลือเพียงกองเลือดบ่อใหญ่ กึ่งกลางของเหลวเหนียวข้นมีนกหวีดทองแดงนอนนิ่งอย่างเงียบงัน
จบสิ้นสักที… เกอร์มัน·สแปร์โรว์แข็งแกร่งผิดคาด ถึงจะยังเอาชนะกัปตันของเราไม่ได้ แต่เธอเองก็คงฆ่าหมอนี่ไม่ได้เช่นกัน…
เฮ่อ น่าเสียดาย เรายังเห็นพลังพิเศษของมันไม่มากนัก…
เดนิสหันไปจ้องไคลน์ ผู้กำลังยืนนิ่งหน้าเศษของเหลือจากมิลเลอร์ พลางถอนหายใจ
ทันใดนั้น มันเห็นอีกฝ่ายจ้องกลับมาด้วยดวงตาสุดแสนเย็นชา
เฮือก. เดนิสรีบวิ่งไปหยิบนกหวีดทองแดงใจกลางกองเลือดอย่างกล้าหาญ ราวกับเป็นพฤติกรรมจากสัญชาตญาณก้นบึ้งจิตใจ
ดอนน่าลูบท่อนแขนฟกช้ำของเธอ สายตาจ้องมองลุงสแปร์โรว์ในโค้ทดำกระดุมสองแถวเดินกลับมาอย่างเงียบงัน อีกฝ่ายโน้มตัวก้มเก็บหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงขึ้นมาปัดทำความสะอาด และก็สวมกลับไปบนศีรษะราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
……………………