Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 521 : เดาสุ่ม
ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ โจรสลัดจะมีงานอดิเรกสำคัญเพียงสามเรื่อง ประกอบด้วยเหล้า ผู้หญิง และการพนัน อัลเจอร์·วิลสันหยิบนาฬิกาพกสีเงินของตนออกมาตรวจสอบเวลา เพื่อประเมินว่าควรเริ่มสืบข่าวจากตรงไหนก่อน
ปัจจุบันเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า ซ่องและผับยังไม่เปิด จึงเหลือแค่บ่อนพนันแหล่งรวมโจรสลัดผู้อยากรวยทางลัด
อัลเจอร์คุ้นเคยกับเมืองบายัมยิ่งกว่าบ้านเกิดเล็กๆ ของตนเสียอีก การเดินเท้าผ่านซอกซอยเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีหยุดคิดนานให้เสียจังหวะ เพียงครู่เดียวก็มาถึงตรอกแห่งหนึ่งซึ่งมีบ่อนพนันลับปราศจากป้ายร้าน
จากข้อมูลในมือ อัลเจอร์ทราบว่าเจ้าของ ‘บ่อนพนันเหรียญทอง’ เป็นหัวหน้าแก๊งดังในย่านท้องถิ่น และมีเส้นสายกับข้าราชการท้องถิ่นระดับสูง จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการ ‘ปล่อยของ’ หลังจากปล้นสมบัติมาเต็มเรือ
ส่งผลให้มีโจรสลัดรวมตัวภายในบ่อนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก พวกมันจะเปลี่ยนสมบัติให้เป็นก้อนทองในตอนเช้า และแพ้พนันจนหมดตัวในตอนเย็น ลงเอยด้วยการถูกเตะโด่งออกจากบ่อนอย่างน่าสมเพช
อัลเจอร์จัดระเบียบโค้ทสีน้ำตาลตัวหนา กดปีกหมวกแก๊ปซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากบนแผ่นดินใหญ่ พลางผลักประตูเดินเข้าไปในบ่อนโดยมีผู้คุมมองตาม
สำหรับอาณาจักรโลเอ็น บ่อนพนันคือสิ่งผิดกฎหมาย และอนุญาตให้เล่นไพ่ได้ภายในห้องเล็กๆ ของผับเท่านั้น แต่สำหรับโลกภายนอกและมหาสมุทรนั้นตรงกันข้าม นอกจากจะไม่ผิดกฎหมาย การพนันยังเป็นอุตสาหกรรมหลักซึ่งมีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล ได้รับความนิยมมากในเมืองบายัมแห่งหมู่เกาะรอสต์ และเมือง ‘อเลสเซ่’ แห่งไบลัมตะวันออก กลุ่มมหาเศรษฐีจากเบ็คลันด์และแคว้นเลียบทะเลชอบแวะเวียนมาเสี่ยงโชคเป็นประจำ
เมื่อมองไปรอบตัว อัลเจอร์เห็นวงไพ่หลากหลายประเภท รวมถึงโต๊ะสำหรับทอยลูกเต๋า
เนื่องจากยังเช้าเกินไป จำนวนนักพนันจึงมีไม่มาก เพียงมองปราดเดียวก็เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน
ทันใดนั้น แววตาของมันพลันส่องประกาย เนื่องจากจดจำการปลอมตัวของใครบางคนได้
อัลเจอร์ถอดหมวก เดินไปทางโต๊ะเล่นไพ่โปเกอร์เท็กซัส ตบบ่าบุคคลเป้าหมายพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้และหรี่เสียงกระซิบ
“เพลิงพิโรธ”
เดนิส ผู้กำลังใช้มือขวาแอบเปิดมุมไพ่ของตัวเองทีละนิดเพื่อดูดอก พลันสะดุ้งเฮือกและเกือบแหกปากโวยวายพร้อมกับปาก้อนไฟแผดเผาบุคคลแปลกหน้าด้านหลังให้มอดไหม้
หลังจากถูกแม็ควิตี้·เหล็กกล้าลอบโจมตี มันตระหนักว่าตนไม่ควรออกมาหาข้อมูลด้วยใบหน้าจริง เพราะนั่นจะเป็นการดึงดูดโจรสลัดหิวเงินทั้งหลายให้เข้ามาโจมตี
จริงอยู่ โจรสลัดส่วนใหญ่อาจไม่มีพิษภัยให้เดนิสต้องกังวล แต่มันก็ยังไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองอยู่ดี เพราะนั่นจะทำให้แผนการแก้แค้นแม็ควิตี้·เหล็กกล้าคลาดเคลื่อน
แต่มันไม่คาดคิดว่า การแปลงโฉมอย่างไร้จุดบอดของตน จะถูกจับได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังออกจากบ้าน
สีหน้าเดนิสพลันอึมครึม มันหันหน้ากลับไปสบตากับผู้ ‘ทักทาย’
แต่เมื่อได้เห็นเส้นผสมสีน้ำเงินเข้มหยักศกคล้ายสาหร่ายทะเลอันเป็นเอกลักษณ์ เดนิสถอนหายใจโล่งอก พลางหันไปมองรอบตัวเพื่อสำรวจว่ามีใครได้ยินคำพูดเมื่อครู่บ้าง
นักพนันทุกคนกำลังสนใจไพ่ในมือ หรือไม่ก็ไพ่กลางบนโต๊ะ โดยกำลังประเมินว่าควรหยุดหรือสู้ต่อ แทบไม่มีใครสนใจในตัวเดนิส
“นายมาทำอะไร” เดนิสถามห้วน
มันและอัลเจอร์เคยพบกันในการชุมนุมโจรสลัดใหญ่คราวก่อน จึงทราบว่าอีกฝ่ายมีเรือผีสิงพร้อมลูกเรืออีกราวสิบกว่านาย ไม่ใช่โจรสลัดชั่ว และไม่โด่งดังมากนัก
จากข้อสันนิษฐานของพลเรือโทธารน้ำแข็ง หากกลุ่มโจรสลัดขนาดเล็กสามารถรักษาเรือผีสิงโบราณไว้ได้นาน หมายความว่าพวกมันต้องมีองค์กรใหญ่คอยหนุนหลัง เป็นได้ทั้งโบสถ์วายุสลาตัน ราชวงศ์อาณาจักร หรือองค์กรลับอื่นๆ ทางทะเล ฉากหน้าอาจดูเหมือนโจรสลัดทั่วไป แต่เบื้องหลังจะคอยรวบรวมข้อมูลส่งให้เจ้านายตัวเอง และบางครั้งยังต้องทำภารกิจลับให้องค์กร ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าปิดปากใครสักคน หรือปล้นเรือเฉพาะเจาะจงสักลำ
โจรสลัดประเภทนี้มีไม่มากหากเทียบกับประชากรโดยรวม จึงไม่มีใครใส่ใจมากนัก
อัลเจอร์ดึงเก้าอี้ข้างตัวมานั่ง พลางกระซิบ
“ฉันได้ข่าวมาว่า กัปตันของนายมีกุญแจเทพมรณา”
เดนิสยิ้มเหยียดหยัน
“ฉันคิดว่านายจะมีสมองมากกว่านี้เสียอีก ผิดหวังชะมัด เป็นถึงสมบัติในตำนาน จะมาอยู่ในมือพวกเราง่ายดายขนาดนั้นได้ยังไง? ถ้านายต้องการ ทางนี้ก็ยินดีปล่อยของ ลองบอกราคามาสิ คิดว่ายังไง สนไหม?”
อัลเจอร์กล่าวต่อโดยไม่สนใจคำยั่วยุ
“อาจมีความลับอื่นซ่อนอยู่ก็ได้ ฉันเชื่อว่ามีหลายฝ่ายกำลังหมายหัวกัปตันของนายอยู่”
“ก็คงงั้นมั้ง ไอ้แม่เย็*!”
เดนิสสบถเสียงดังหลังจากเห็นดอกไพ่สุดห่วยของตนอย่างชัดเจน
ก่อนจะหรี่เสียงลง
“กุญแจดอกนั้นไม่เหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ น่าจะเป็นของยักษ์หรือปีศาจมากกว่า”
“สิ่งประดิษฐ์? กัปตันของนายสอนคำพูดคำจาแบบนี้ด้วยหรือ?” อัลเจอร์ซักไซ้
มีข่าวลือหนาหูว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งเป็นหญิงสาวเคร่งครัด โดยมักจะสอนหนังสือลูกเรือด้วยความเข้มงวดเสมอ เพราะไม่ชอบให้ลูกน้องของตนเป็นพวกโง่ดักดานอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ดังนั้นบน ‘ฝันทองคำ’ จึงมีคาบเรียนพื้นฐานเป็นประจำในทุกวัน โดยลูกเรือทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าเรียน
เดนิสเผยสีหน้าชัดเจนว่า มันไม่ต้องการพูดถึงเรื่องราวอันน่าปวดใจดังกล่าว
“ยากกว่าการต่อสู้ซะอีก! และด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงหาลูกเรือใหม่ได้ลำบากมาก ไม่เพียงเท่านั้น การเทียบท่าเพื่อเติมเสบียงแต่ละครั้งก็มักมีลูกเรือขอลาออกอยู่เป็นประจำ…”
เดนิสมิได้สาวความยืด สายตาจ้องมองคนแจกไพ่พลางพึมพำ
“…ช่วยสอดส่อง ‘เหล็กกล้า’ ให้ฉันด้วย”
“แม็ควิตี้·เหล็กกล้า? ผู้ช่วยกัปตันของพลเรือเอกโลหิต?” อัลเจอร์ก้มมองแขนซ้ายของเดนิส·เพลิงพิโรธซึ่งถูกเศษผ้ามัดไว้ในลักษณะคล้ายเฝือกหยาบ ก่อนจะถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นายถูกหมอนั่นเล่นงาน…? เพราะกุญแจดอกนั้นใช่ไหม”
“สมองของมันต้องถูกซอมบี้ตัวเองกินไปแล้วแน่นอน!” เดนิสย้ำ
“ก็เลยคิดแก้แค้น?” อัลเจอร์คาดเดาจากน้ำเสียงและพฤติกรรมของอีกฝ่าย
“หึหึ…” เดนิสยิ้มมีเลศนัย สายตาเพ่งมองดอกไพ่ชุดใหม่ซึ่งค่อนข้างดีในมือ
อัลเจอร์ครุ่นคิด
“กัปตันของนายปรากฏตัวครั้งสุดท้ายใกล้กับเกาะโซเนียเมื่อเจ็ดวันก่อน นี่เป็นข่าวน่าเชื่อถือจากโทรเลขด่วน ดังนั้น ฝันทองคำไม่มีทางมาถึงบายัมได้ในวันสองวันแน่นอน คงมีผู้ช่วยสินะ เพราะต่อให้นายดวลกับ ‘เหล็กกล้า’ ตัวต่อตัว ด้วยพลังแพ้ทางกัน นายไม่มีวันเอาชนะหมอนั่นได้เลย และแน่นอน แม็ควิตี้·เหล็กกล้าไม่เคยอยู่ตามลำพัง”
เดนิสไม่ตอบคำถามอัลเจอร์ เพียงโยนชิปพนันออกไปเดิมพัน
“คอล!”
“เป็นใครหรือ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ อัลเจอร์สรุปว่าข้อสันนิษฐานของตนถูกต้อง
เดนิสจ้องไพ่กองกลางและตอบ
“นายไม่รู้จัก”
ฉันเนี่ยนะไม่รู้จัก? ตัวตนเก่งกาจระดับล้มแม็ควิตี้·เหล็กกล้าได้ ก็ควรจะมีชื่อเสียงในทะเลประมาณหนึ่งไม่ใช่หรือ…
หมายความว่าเป็นคนจากบนบกและเพิ่งออกทะเลเป็นครั้งแรก? คนขององค์กรลับ?
ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ นั่นคือหมอนี่ไม่ต้องการเปิดเผยความลับ จึงตอบแบบนี้…
ไม่สิ ถ้าไม่ต้องการเปิดเผย แค่เงียบไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องพูดว่าเราไม่รู้จัก…
หมายความว่าเราไม่รู้จักจริง… คงเป็นสมาชิกองค์กรลับสักแห่ง เพิ่งเคยออกทะเลเป็นครั้งแรก และต้องแข็งแกร่งมากพอจะจัดการกับแม็ควิตี้·เหล็กกล้าได้ไม่ยากเย็น…
เฮงแมนรวบรวมความคิดสักพัก ก่อนจะถามอย่างเป็นกันเองพลางวางมือไว้บนโต๊ะ
“ท่าเรือแบนชีเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม”
เดนิสตอบโดยไม่คิดมาก “สนุกดี…”
ทันใดนั้น มันรีบหันไปจ้องอัลเจอร์พลางซักถามอย่างระมัดระวัง
“นายรู้ได้ยังไง?”
เดนิสเชื่อว่า ด้วยความหยิ่งทระนงของโบสถ์วายุสลาตัน พวกมันคงพยายามปิดข่าวความน่าอับอายบนเกาะอย่างสุดฝีมือ จึงไม่ควรมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาสู่ภายนอก และผู้โดยสายของโมราขาวทุกคนได้ถูกจับลงนามในสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล
อัลเจอร์เพียงยิ้ม ไม่อธิบายต่อ
ในวินาทีนี้ มันกำลังซาบซึ้งวลีดังของจักรพรรดิโรซายล์อย่างถ่องแท้ :
ตั้งสมมติฐานอย่างบ้าบิ่นไปก่อน ค่อยหาหลักฐานมาสนับสนุนในภายหลัง!
เดนิสกวาดชิปกองใหญ่เข้าตัวพลางพึมพำ
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่ประเพณีโบราณถูกฟื้นฟูกลับมา จนทำให้บิชอปของวิหารท้องถิ่นถูกกัดกร่อน”
นึกแล้วเชียว… อัลเจอร์หัวเราะในใจ
“ตกลง ฉันจะช่วยสอดส่อง ‘เหล็กกล้า’ จะให้แจ้งข่าวด้วยวิธีไหน?”
“หืม… เอาเป็น อาคารหมายเลข 15 บนถนนไม้หอม บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่ เขียนข้อความใส่กระดาษและโยนเข้าไป”
เดนิสตอบด้วยสีหน้าลังเล
อัลเจอร์พยักหน้ารับ ยืนขึ้นและตบไหล่ของเดนิส·เพลิงพิโรธแผ่วเบา
“อย่าลืมค่าจ้างล่ะ”
มันหันหลังและเดินตรงไปทางประตู
เมื่อเห็นกัปตันเรือผีสิงจากไป เดนิสพึมพำในลำคอ
“หมอนี่ไม่มีพิษภัย แต่เราก็ต้องรีบไปเหมือนกัน”
มันยังไม่เชื่อใจอัลเจอร์เต็มร้อย โดยกังวลว่าอีกไม่กี่นาทีถัดมา แม็ควิตี้·เหล็กกล้าเปิดประตูบ่อนเข้ามาและพาพวกมารุมกระทืบ
อัลเจอร์เดินออกจากบ่อนเหรียญทองในสภาพสวมกางเกงขาย้วยของท้องถิ่น มันแวะห้างสรรพสินค้าและเจาะจงเดินไปยังแผนกหนึ่งอย่างมีจุดหมาย
“ไพ่ทาโรต์หนึ่งสำรับ”
ระหว่างรอ มันยืนใช้ความคิด :
ข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูลมาทำอะไรในบายัม…
…
ณ ภัตตาคารเฒ่าจอห์น
ไคลน์นั่งดูบริกรวางบรรจงจานปลาย่างลงตรงหน้าตน อาหารจานนี้ถูกห่อด้วยบางสิ่งคล้ายฟางข้าว โรยด้วยเครื่องเทศหลายชนิดทั้งรู้จักและไม่รู้จัก
กลิ่นอันเข้มข้นได้แทรกซึมเข้าไปในรูจมูกของชายหนุ่ม กระตุ้นให้ต่อมน้ำลายทำงานอย่างบ้าคลั่ง
สมกับเป็นหมู่เกาะแห่งเครื่องเทศ…
ขณะไคลน์กำลังจะหยิบมีดส้อม มันเห็นบริกรวางวัตถุคล้ายกิ่งไม้ยาวสองก้านไว้บนจาน
ตะเกียบ…? ชายหนุ่มประหลาดใจ
ทันใดนั้น มันนึกชื่อผู้ต้องสงสัยได้หนึ่งคน
โรซายล์·กุสตาฟ!
“สำหรับปลาเหล็กในบั้งย่าง คุณลูกค้าควรใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในการกิน จักรพรรดิโรซายล์กล่าวว่าท่านได้รับแรงบันดาลใจมาจากเอลฟ์” บริกรชายมอบคำแนะนำ
อุปกรณ์การกินของเอลฟ์? สมกับเป็นเผ่าแห่งอาหาร… หรือไม่ก็ โรซายล์กุเรื่องว่าตนได้รับแรงบันดาลใจ แต่ความจริงแล้วลอกมาจากโลกเก่า…
ไคลน์คาดเดาตามอุปนิสัยอีกฝ่าย
เมื่อช่วงเช้า มันแวะไปโรงพยาบาลบายัมมาแล้ว โดยหวังปลอบประโลมผู้ป่วยใกล้ตายและช่วยให้พวกเขาบรรลุความปรารถนาสุดท้าย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่ค่อยได้ผลนัก
ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนตายในโรงพยาบาล แต่ญาติของผู้ป่วยทุกคนได้มาห้อมล้อมและคอยดูแลเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว การตายของพวกเขาล้วนมีพยานรู้เห็น จึงไม่สามารถปลอมตัวไปหลอกญาติคนอื่นในภายหลังอย่างแนบเนียนได้ รังแต่จะสร้างความแตกตื่นโดยไม่จำเป็น
คงต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นผับของนักผจญภัยแทน เพราะมีคนไม่น้อยตัดสินใจออกจากบ้านเกิดเพื่อแสวงหาโอกาสในฐานะนักผจญภัย แต่สุดท้ายกลับต้องนอนตายในมุมมืดตามลำพังเหมือนกับหมาป่าเดียวดาย โดยครอบครัวไม่มีวันได้ทราบข่าว…
เมื่อได้เป้าหมายใหม่ ไคลน์ก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
……………………