Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 570 : ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ
เธอมองไปทางมิสเตอร์ฟูลทำไม…
เมื่อจัสติส ออเดรย์ ตระหนักถึงความผิดปรกติของเดอะเฮอร์มิท หญิงสาวเกิดความสับสนเล็กน้อย
ในมุมมองของออเดรย์ ท่าทีดังกล่าวนับว่าผิดปรกติมาก เพราะเรื่องเล่าของแฮงแมนไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับเฮอร์มิทหรือมิสเตอร์ฟูล เป็นเพียงเรื่องเกี่ยวกับเทพสมุทรกำมะลอ คาเวทูว่า ที่ดูเหมือนจะร่วงหล่นไปแล้ว แต่กลับยังมอบวิวรณ์ให้สาวกได้อยู่ ฉะนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่เดอะเฮอร์มิทต้องหันไปจ้องมิสเตอร์ฟูล
การร่วงหล่นของคาเวทูว่า… สาวกเทพสมุทรยังคงได้รับวิวรณ์อย่างต่อเนื่อง… มาดามเฮอร์มิทหันไปมองมิสเตอร์ฟูล…
หรือว่า…!
ดวงตาออเดรย์พลันลุกวาว หญิงสาวผุดข้อสันนิษฐานขึ้นมาหนึ่งเรื่อง
มิสเตอร์ฟูลคือผู้มอบวิวรณ์แก่สาวกเทพสมุทรแทนคาเวทูว่า…?
แล้วมาดามเฮอร์มิททราบเรื่องนี้ได้ยังไง?
เมื่อสมองเริ่มประมวลผล จัสติส·ออเดรย์พลันบิดร่างกายครึ่งรอบ หันไปมองเดอะฟูลที่กำลังนั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน
ขณะเดียวกัน แฮงแมน·อัลเจอร์ก็กำลังประหลาดใจแกมตะลึง เมื่อเห็นอากัปกิริยาเกินความคาดหมายของเดอะเฮอร์มิท
เราเพียงต้องทดสอบปฏิกิริยาของเธอด้วยข่าวการตายของเลติเซีย สมาชิกนิกายมอสส์ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงหันไปมองมิสเตอร์ฟูล…
หรือหล่อนจะทราบว่า มิสเตอร์ฟูลคือเทพสมุทรตนปัจจุบัน… ท่าทีตอบสนองเมื่อครู่คงตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว!
หมายความว่า ก่อนที่มาดามเฮอร์มิทจะถูกดึงเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ เธอเคยคิดต่อกับมิสเตอร์ฟูล หรือไม่ก็แอบทำงานให้ท่านมาตลอด…?
ยิ่งครุ่นคิด อัลเจอร์ก็ยิ่งหวาดระแวงเฮอร์มิท
มันหันไปมองเดอะฟูลตามสัญชาตญาณ
ขณะเดียวกัน เมื่อทั้งแฮงแมน เดอะเฮอร์มิท และจัสติส ต่างหันไปมองเดอะฟูล แม้จะไม่ได้พร้อมเพรียงกัน แต่พฤติกรรมดังกล่าวก็มากพอจะทำให้ฟอร์สเอะใจถึงความไม่ปรกติ
พวกเขามองมิสเตอร์ฟูลทำไม… การตายของคาเวทูว่าเกี่ยวข้องอะไรกับท่านด้วยหรือ…
ทั้งเอ็มลินและฟอร์สต่างก็มีไหวพริบดี จึงพอจะคาดเดาสมมติฐานได้เบื้องต้น จึงพากันหันไปมองที่นั่งตำแหน่งประธาน
เดอะซัน·เดอร์ริคย่อมไม่ทราบว่าคาเวทูว่าเป็นใคร และไม่แน่ใจว่า การส่งวิวรณ์หลังจากตายไปแล้วมีความพิเศษอย่างไร แต่เมื่อเห็นทุกคนหันไปมอง มันจึงทำตาม
เดอะเวิร์ลหันช้ากว่าใครเพื่อน คล้ายกับกำลังครุ่นคิดในเรื่องสำคัญ
ไคลน์ เดอะฟูล ชำเลืองไปทางแฮงแมนเล็กน้อย ส่งผลให้อัลเจอร์เกิดอาการประหวั่นกะทันหัน แต่เพียงไม่นานก็กวาดสายตามองไปรอบห้อง
มาถึงจุดนี้ ไคลน์พอจะเดาได้ เฮอร์มิทกำลังคิดว่าตนคือผู้มอบวิวรณ์ให้เหล่าสาวกเทพสมุทร
ฉะนั้น ปัญหาในปัจจุบันก็คือ ตนควรตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร
จะให้ทำเป็นว่า
‘ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่มีค่าให้พูดถึง แต่ในเมื่อพวกเจ้าสงสัย เราก็จะอธิบายให้ฟัง…’
หรือ
‘ในฐานะเทพ เราไม่มีหน้าที่ตอบข้อสงสัยของพวกเจ้าทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรือยอมรับ…’
ไคลน์นั่งไตร่ตรองอุปนิสัยของเดอะฟูลสักพัก
ก่อนจะตัดสินใจได้
ทางเลือกของมันคือ ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ ขณะเดียวกันต้องมอบคำตอบสุดกำกวม เพื่อให้คนที่ยังไม่เข้าใจ สับสนหนักยิ่งกว่าเก่า และเพื่อให้คนที่กำลังสงสัย ได้ขจัดความคาใจในประเด็นก่อนหน้า แต่ต้องสับสนยิ่งขึ้นกับประเด็นใหม่ที่กำกวมกว่าเดิม ด้วยวิธีนี้ ภาพลักษณ์มิสเตอร์ฟูลจะไม่ถูกทำลาย และไม่มีใครสามารถคาดเดาเจตนาที่แท้จริงถูก
หากทำสำเร็จ เดอะฟูลจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่และยากหยั่งถึงมากขึ้น
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ไคลน์เอนหลัง เปล่งหัวเราะในลำคอ
“คาเวทูว่ากลายเป็นครึ่งเทพเพราะได้รับมรดกจากโคฮีเน็มแห่งภัยธรรมชาติ”
ดูเหมือนมิสเตอร์ฟูลจะเกี่ยวข้องกับเทพสมุทรจริง… แต่เราก็ยังไม่เข้าใจอะไรอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเบื้องหลังมีความลับอย่างไร…
เมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส ทำได้เพียงขมวดคิ้วพลางปะติดปะต่อเรื่องราว
คิดไว้แล้วเชียว… มิสเตอร์ฟูลยืนยันเป็นนัยด้วยตัวเอง แถมยังกรุณาบอกความลับเพิ่ม…
คทาครึ่งเทพด้ามนั้นเกิดจากตะกอนพลังของคาเวทูว่า หรือเป็นมรดกจากภัยธรรมชาติ…
หรือทั้งสองอย่าง? แล้วโคฮีเน็มเป็นใครกัน… ชื่อคล้ายชาวเอลฟ์… แฮงแมนเล่าว่า เลติเซียเข้าไปสำรวจโบราณสถานเอลฟ์ หรือที่นั่นจะเคยเป็นถิ่นพำนักของเอลฟ์ลำดับสูง…
แล้วมิสเตอร์ฟูลครอบครองคทาได้อย่างไร เป็นฝีมือของแฮงแมน… หรือคนอื่น? ไม่น่าใช่แฮงแมน เพราะหากเป็นเขา คงไม่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเอง…
เหตุใดมิสเตอร์ฟูลถึงต้องสวมรอยเป็นเทพสมุทร นี่คือส่วนหนึ่งของขั้นตอนฟื้นคืนพลัง หรือท่านต้องการมีอำนาจบนโลกความจริง?
ยิ่งเฮอร์มิท·แคทลียาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงใด เธอก็ยิ่งพบว่ามิสเตอร์ฟูลคือตัวตนที่ลึกลับเกินว่าจะหยั่งถึงด้วยจินตนาการ คล้ายเงามืดที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอก หลังจากมองทะลุหมอกเข้าไป แทนที่จะได้พบความจริง กลับต้องเผชิญความน่ากลัวและหวาดหวั่นแทน
นี่คงเป็นศึกระหว่างเทพกระมัง…
แคทลียาถอนหายใจเงียบงัน ห้วงอารมณ์กำลังหนักอึ้ง
เราเดาไม่ผิด!
ในที่สุด แฮงแมน·อัลเจอร์ ก็มั่นใจโดยไม่เคลือบแคลงอีกต่อไปว่า มิสเตอร์ฟูลคือเทพสมุทรในร่างใหม่ เศษเสี้ยวความค้างคาใจและกังวลมานานถูกขจัดทิ้งอย่างหมดจด
หลังจากนี้ หากต้องแสร้งเป็นสาวกเทพสมุทร เราก็สามารถวิงวอนพระนามเต็มของท่านได้อย่างสบายใจ… ชักอยากรู้แล้วว่า ท่านฟื้นพลังถึงระดับใดแล้ว ยังเหลือผนึกอีกมากแค่ไหน…
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ลำดับของท่านต้องไม่ต่ำกว่าครึ่งเทพแน่นอน และมีพลังมากพอที่จะปกป้องคุ้มครองเหล่าสาวกในท้องทะเล…
มาดามเฮอร์มิทมิได้ตกใจมากนัก… ค่อนข้างแน่ชัดว่า เธอแอบทำงานให้มิสเตอร์ฟูลมาได้สักระยะหนึ่ง และทราบเรื่องนี้อยู่ก่อน… แต่นั่นก็เป็นการยืนยันว่า ลำดับพลังของเธอต้องไม่ต่ำ อย่างน้อยก็ต้องระดับพลเรือโจรสลัด…
เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับเรา…
ข่าวดีก็คือ ชุมนุมทาโรต์จะมีอำนาจทางทะเลเพิ่มขึ้น และเราก็จะมีผู้ช่วยที่พึ่งพาได้ในยามเดือดร้อน ภารกิจที่เคยคิดว่าไม่มีทางสำเร็จ ก็อาจได้ผลลัพธ์ใหม่… แต่ข่าวร้ายก็คือ ข้อมูลทางทะเลที่เคยเป็นจุดแข็งของเราจะถูกเธอแย่งชิงไปบางส่วน ส่งผลให้ตัวเรามีความสำคัญภายในชุมนุมลดลง… แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า มาดามเฮอร์มิทคือพลเรือเอกดวงดาวจริง…
หึหึ… แต่เรายังมีทางออก แค่เปลี่ยนไปเน้นสืบข้อมูลจากโบสถ์วายุสลาตันแทน ในจุดนี้ ไม่มีใครมาแทนเราได้แน่…
แฮงแมนใคร่ครวญอย่างเบาใจ แต่ก็ยังคงไม่ประมาท
เทพสมุทรคือมิสเตอร์ฟูล!
ไม่สิ เราต้องพูดว่า ท่านแย่งชิงอำนาจของเทพสมุทรมาครอง และกลายเป็นเทพสมุทรตนปัจจุบัน… แบบนี้ก็หมายความว่า ท่านเริ่มมีอิทธิพลบนโลกความจริงแล้วใช่ไหม? เจ๋งเป้ง! หากมีโอกาสได้ล่องทะเลในอนาคต เราสามารถสวดวิงวอนถึงเทพสมุทร และได้รับการตอบสนองจากท่านโดยตรง!
จัสติส·ออเดรย์ ทั้งตกตะลึง มีความสุข และภาคภูมิใจเสียเต็มประดา
จากข้อมูลของเธอ การสวดวิงวอนถึงเทพจารีตในแต่ละโบสถ์ หากไม่ใช่พิธีกรรมพิเศษ โอกาสได้รับการตอบสนองจะแทบเป็นศูนย์ นอกเสียจากจะเป็นอาร์ชบิชอปคนสำคัญ ที่ได้รับวิวรณ์ไม่บ่อยนัก หรือไม่ก็เหล่าข้ารับใช้ซึ่งมีจำนวนเพียงน้อยนิดจนสามารถนับได้ด้วยนิ้ว
และถึงจะเป็นข้ารับใช้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการตอบสนองต่อคำวิงวอนทุกครั้ง ต้องเป็นข้ารับใช้คนพิเศษเท่านั้น
…แต่เราได้รับสิทธิ์นั้น! มิสเตอร์ฟูลกำลังทวงคืนบัลลังก์ของท่านทีละนิด การช่วงอิงอำนาจเทพสมุทรคือหนึ่งในก้าวสำคัญ!
ออเดรย์ไม่เก็บซ่อนอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เพียงนั่งเหยียดหลังตรงอย่างสง่างาม
โคฮีเน็ม? ชื่อของเอลฟ์ไม่ใช่หรือ เราเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนรึเปล่า…
เดอะมูน·เอ็มลิน พยายามเค้นสมองนึก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรออกมา
ในส่วนของประเด็นที่ทุกคนกำลังสนใจ ทำไมสาวกเทพสมุทรยังได้รับวิวรณ์หลังจากคาเวทูว่าร่วงหล่น เอ็มลินมิได้แยแสมากนัก อาจพยายามคาดเดาเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดลงลึก
จะเป็นยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา? ไม่ได้ช่วยให้ภารกิจกอบกู้ตระกูลผีดูดเลือดราบรื่นขึ้นสักหน่อย แถมยังไม่น่าสนใจเลยสักนิด! หากมีปัญหา แค่สวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลก็พอแล้ว!
เอ็มลินรำพัน พลางส่งสายตาเหยียดหยันสมาชิกคนอื่นที่มัวใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ภัยธรรมชาติ…? หมายถึงราชินีแห่งภัยธรรมชาติ? แต่ไม่เคยมีบันทึกไว้ว่า พระนามของพระองค์คือโคฮีเน็ม…
เดอะซัน·เดอร์ริค เบือนหน้าไปทางซ้ายเล็กน้อย เป็นอุปนิสัยส่วนตัวขณะใช้ความคิด
ดูเหมือนเดอะซันก็ไม่ทราบว่าราชินีแห่งภัยธรรมชาติมีนามว่าโคฮีเน็มจริงไหม… ไม่อย่างนั้นคงแสดงอาการออกมาบ้างแล้ว…
ไคลน์กลอกตากลับด้วยอารมณ์ผิดหวัง
ชายหนุ่มบังคับให้เดอะเวิร์ลกระแอมในลำคอ เพื่อเป็นการดึงสติทุกคนกลับมา
จากนั้น มันรบกวนให้เดอะฟูลช่วยฉายภาพขึ้นทั้งสองฝั่ง ทุกคนจะได้เห็นอย่างทั่วถึง
“มีใครรู้จักหล่อนบ้าง”
เป็นภาพของเอลเลน สตรีผมแดง โดยเจาะจงเน้นถามเฮอร์มิท·แคทลียา และแฮงแมน·อัลเจอร์ เพราะทั้งสองมีเครือข่ายข้อมูลในทะเลกว้างขวาง
อัลเจอร์จ้องสักพัก และเตรียมตอบกลับไปว่าตนไม่รู้จัก แต่ทันใดนั้น มันได้ยินเสียงเดอะเฮอร์มิทกล่าวอย่างใจเย็น
“เอลเลนผมแดง มีเชื้อสายเซารอนแห่งอินทิส เป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางตกอับ”
แคทลียาเล่าต่อ
“ประกอบอาชีพนักธุรกิจ แต่ภายหลังได้ถูกเทรซี่ ‘สตรีแห่งโรคภัย’ จับตัวไป”
เชลยของพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ เองหรือ… นึกว่าจะเป็นตำนานรักของ ‘ลูกคุณหนูวุ่นวายกับนายโจรสลัดเอาแต่ใจ’ เสียอีก… แต่บางที เทรซี่อาจเป็นนายโจรสลัดเอาแต่ใจก็ได้… หึหึ…
ไคลน์รำพันติดตลก
ทันใดนั้น ฟอร์ส เมจิกเชี่ยน ที่กำลังจมอยู่กับประเด็นคาเวทูว่าและมิสเตอร์ฟูล พลันหันเหความสนใจมายังเรื่องใหม่ทันที ภายในหัวกำลังจินตนาการบทนิยายรักสุดโรแมนติกระหว่างเอลเลนผมแดงกับพลเรือโทแห่งโรคภัย
แต่น่าเสียดาย คำบรรยายของเฮอร์มิทจบลงเพียงเท่านั้น ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้ฟอร์สนำไปต่อยอด
มาดามเฮอร์มิทรู้จักชื่อของพลเรือโทโรคภัย… แต่นั่นก็ไม่ได้บ่งบอกอะไร หากเป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งสักหน่อย ชื่อของเจ็ดพลเรือโจรสลัดถือเป็นข้อมูลพื้นฐาน ค่าหัวพวกมันแทบจะถูกติดอยู่ในทุกเมือง… แต่หนึ่งสิ่งที่แน่ชัดคือ เธอมีสายข่าวในอินทิสพอสมควร…
แฮงแมนมิได้สนใจเอลเลนผมแดง เพียงต้องการสืบทราบตัวตนที่แท้จริงของเฮอร์มิท
เมื่อเรื่องของเอลเลนผมแดงใกล้ได้ข้อสรุป จัสติส·ออเดรย์เริ่มไตร่ตรองว่า ตนควรเล่าเรื่องที่ได้พบมังกรจิตออกไปหรือไม่
ไม่เหมือนกับทุกที เพราะคราวนี้มีเฮอร์มิทที่ยังไม่ทราบเจตนา ส่งผลให้หญิงสาวลังเล
แต่ผ่านไปสักพัก ออเดรย์ตัดสินใจเล่า
“ในช่วงหลัง ดิฉันพยายามตามหาเบาะแสของมังกรจิต จนกระทั่งมีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งชนพื้นเมืองมีประเพณีกราบไหว้บูชามังกร”
……………………