Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 598 : เงินหล่นจากฟ้า
ณ มุมหนึ่งในผับใบไม้หอม
ไอร์แลนด์เดินเข้าไปหาชายสวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาลคนหนึ่ง ตบบ่ากันและกัน ส่งเสียงหัวเราะเฮฮาด้วยรอยยิ้ม
“นายไม่ดื่มแลงติร้อนแรงหรือ”
ชายลึกลับอยู่ในวัยสามสิบ ใบหน้าตรงตามมาตรฐานทั่วไป เพียงมองผิวเผินก็ทราบทันทีว่ามีเชื้อสายโลเอ็นเจือปน
เส้นผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล ดั้งจมูกโด่ง
ทันใดนั้น แววตาที่เคยเมามายพลันแปรเปลี่ยน ประกายในดวงตาเริ่มคมกริบ
หลังจากชำเลืองสำรวจไอร์แลนด์และไคลน์อย่างละเอียด แววตาของมันกลับไปเป็นขี้เมาหัวราน้ำอีกครั้ง
“ฉันดื่มมาเยอะแล้ว ตอนนี้ต้องดื่มซาร์ฮาร์เพื่อคงสติเอาไว้”
ซาร์ฮาร์คือเบียร์มอลต์ท้องถิ่น ราคาต่ำ ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ รสชาติค่อนไปทางดี
ไอร์แลนด์หัวเราะในลำคอ ชี้มายังไคลน์
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์”
จากนั้น มันแนะนำให้ไคลน์รู้จักอีกฝ่าย
“ออส·เคนท์ เรียกเขาว่าเคนท์ก็ได้ พวกคุณคุยกันไปนะ ผมขอตัวกลับไปเตรียมความพร้อมก่อน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า”
ไอร์แลนด์โบกมือลา หมุนตัวกลับและเดินออกจากผับโดยไม่ลังเล
ไคลน์ดึงเก้าอี้ใกล้ตัว หล่อนก้นนั่งแต่ยังไม่ดื่ม เพียงจ้องเคนท์โดยไม่กล่าวคำใด
เคนท์ที่เกิดความอึดอัดเหนือคำบรรยาย ตัดสินใจกระดกซาร์ฮาร์และเริ่มพล่าม
“ในอนาคต นายมาหาฉันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะแจ้งเบาะแส หรือมาขอภารกิจจากฉัน”
มันไม่กังวลว่าขี้เมารอบตัวจะได้ยินบทสนทนาอันสุ่มเสี่ยง เนื่องจากกลุ่มอันธพาลและโจรสลัดส่วนใหญ่มักพูดแบบเดียวกันเสมอ ทุกครั้งที่มีการเจรจากับสายข่าวหน้าใหม่ บทพูดจะไปเป็นในลักษณะเช่นนี้
“ตกลง”
ขณะเดียวกัน ไคลน์เกิดอยากถามขึ้นมาว่า ‘ฉันสามารถเบิกค่าเสียหายในภารกิจปลอมตัวเป็นเอลเลนและพยายามลอบสังหารพลเรือโทโรคภัยได้ไหม’ ถึงแม้มันจะไถเงินจากเดนิสมาบ้างแล้วก็ตาม
แต่สุดท้ายก็แค่คิด มิได้กล่าวออกไป
ขณะเคนท์เริ่มเมามาย มันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันได้ยินเรื่องของนายจากเอลเลนมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอเตือนไว้ก่อน ในทะเล นายจะบ้าบิ่นมากไม่ได้ ต้องระมัดระวังตัวให้ดี พยายามไม่ไปมีเรื่องกับโจรสลัด ฉันหมายถึง ไม่ควรมีการเผชิญหน้าโดยตรง แต่สามารถแจ้งเบาะแสให้พวกเราทราบแทน สัญญาว่าจะปิดข้อมูลไว้เป็นความลับ” เคนท์กล่าวโดยลดเสียงลง
เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังนิ่ง มันเสริม
“พวกโจรสลัดไม่มีเกียรติของนักรบหรืออะไรทำนองนั้น และไม่ทำตามกฎหมายของอาณาจักรด้วย ฮึ่ก! หากบ้านเกิดของนายอยู่ที่เมืองท่าหรือเกาะอาณานิคม พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ครอบครัวนายเดือดร้อน”
ครอบครัว…
ไคลน์นิ่งหลายวินาที มอบคำตอบเสียงเย็นชา
“ฉันไม่มีครอบครัว”
ออส·เคนท์อึ้งจนหมดคำจะกล่าวไปสักพัก
“พวกมันจะทำร้ายเพื่อนของนาย”
ทันใดนั้น มันได้ยินคำตอบที่ไม่สั่นคลอนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ฉันไม่มีเพื่อน”
ออส·เคนท์แทบสำลัก จิตใต้สำนึกสั่งให้มันรีบดื่มเบียร์ซาร์ฮาร์เพื่อปรับอารมณ์
มันกระแอมสองหน พูดเสียงแผ่ว
“พวกมันจะดักซุ่มโจมตีนายทุกฝีก้าว ใช้เงินซื้อคนรอบตัวนาย ตามหากิจวัตรประจำวันของนายให้พบ ดักถล่มเรือที่นายโดยสาร ท่ามกลางท้องทะเล ตัวคนเดียวนั้นไม่มีพลังอะไรเลย”
ไคลน์ตอบกลับด้วยเสียงที่เบาลง
“ถ้ามีคนนำเงินมาให้ถึงที่ ฉันก็คงไม่ปฏิเสธ มันเป็นมารยาท”
นำเงินมาให้ถึงที่…?
ออส·เคนท์พลันมึนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูดสักเท่าไร
ผ่านไปหลายวินาที มันเพิ่งถึงบางอ้อว่า อีกฝ่ายมองโจรสลัดเป็นเพียงถุงเงินรางวัลเคลื่อนที่!
เคนท์ซดเบียร์ แล้วก็ซดเบียร์ ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลานาน
…
ณ ห้องใต้ดินผับใบไม้หอม
“นักผจญภัยปริศนา?” มีซอร์·คิงเริ่มตื่นตัว แผนหลังถูกเหยียดตั้งตรง
ฉายฉกรรจ์·โอซิลเสริม
“จากคำบอกเล่าของเนตรสีฟ้า·มีธ มันไม่คุ้นหน้านักผจญภัยคนดังกล่าว คงเพิ่งอาศัยอยู่ในบายัมได้ไม่นาน แต่แค่ได้เห็น มีธตระหนักทันทีว่าชายคนนั้นค่อนข้างอันตราย”
ค่อนข้างอันตราย? หรือจะเป็นคนที่ร่วมมือกับเดนิสเพื่อสังหารเหล็กกล้า·แม็ควิตี้? และยังอาจเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นเอลเลนผมแดง…
มือสังหารที่พยายามลอบฆ่ากัปตัน…
มีซอร์เริ่มจับต้นชนปลาย ซักถามเสียงลึก
“มีรูปถ่ายหรือภาพวาดไหม”
โอซิลโบกมือเรียกลูกน้อง หยิบแผ่นกระดาษสีขาวจากอีกฝ่าย
“พวกเราอาศัยพิธีกรรมช่วยให้เนตรสีฟ้า·มิธวาดภาพเหมือนของนักผจญภัยปริศนาออกมาสำเร็จ เฮ่อ… นายคงเข้าใจใช่ไหม การจะปักหลักในโลกใต้ดินได้อย่างมั่นคง ถ้าไม่ใช่โจรสลัดชื่อดัง ก็ต้องมีลูกน้องฝีมือดีจำนวนมาก เพื่อจะจ้างคนเหล่านั้นมาใช้งาน ฉันต้องเสียเงินไปไม่น้อย”
มีซอร์เข้าใจความนัยแฝงของอีกฝ่าย ขยับปากส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“ตราบใดที่พวกเราหาเป้าหมายพบ กัปตันไม่งกเงินค่าตอบแทนให้นายแน่”
มันรับภาพวาดไปเพ่งดู ได้พบกับชายหนุ่มผมดำตาสีน้ำตาล ใบหน้าผอมเพรียว บรรยากาศรอบตัวเย็นชา สัดส่วนคมชัด สวมโค้ทกระดุมสองแถวสีดำตัวใหญ่ สวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง
ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ระบุไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ปลอมตัวเป็นเอลเลนหรือไม่…
มีซอร์เงยหน้าพูด
“เร่งมือสืบหาตัวต้นที่แท้จริงและแหล่งกบดานของมัน”
“สั่งให้ลูกน้องไปทำแล้ว” ชายฉกรรจ์·โอซิลกล่าวพลางฉีกยิ้ม
ทั้งสองเงียบลงพร้อมกัน ต่างคนต่างยกไวน์แดงนันวีลล์ขึ้นจิบ
ผ่านไปสองสามนาที คนคุมผับเดินเข้ามาทำลายความเงียบ
มันชำเลืองนักเจรจา·มีซอร์เล็กน้อย ขยับเข้าใกล้เจ้านายตน กระซิบสองประโยค
สีหน้าโอซิลพลันแปรเปลี่ยน ผสมผสานกับรอยยิ้มที่ยากจะเก็บซ่อน
โอซิลวางแก้วทรงสูงลง จากนั้นก็กล่าวห้วน
“พบนักผจญภัยปริศนาแล้ว”
“มันอยู่ไหน” มีซอร์โพล่งถาม
โอซิลชี้นิ้วขึ้นไปข้างบน
“ในผับ”
มีซอร์เงยหน้ามองเพดาน เงียบงันไปสักพัก
“ฉันขอขึ้นไปยืนยันด้วยตัวเอง”
มันเชื่อว่าสำหรับตนที่เคยเผชิญหน้าเอลเลนตัวปลอมในระยะประชิด และมีข้อมูลเกี่ยวกับพลังแปลงโฉมมาบ้าง ถึงอีกฝ่ายจะปลอมตัวมา แต่ก็คงสัมผัสถึงความคุ้นเคยได้อย่างเลือนราง ดังนั้น มันจึงตัดสินใจขึ้นไปยืนยันด้วยตัวเอง
ตามนิสัยเดิมของมีซอร์ มันไม่ชอบการนำพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายสักเท่าไร ส่วนมากเป็นการสืบสวนจากวงนอก รอจนกว่าจะมั่นใจค่อยลงมือ เพียงแต่ในคราวนี้ มันไม่เชื่อมือลูกน้องของโอซิล
หากอีกฝ่ายคือคนที่ปลอมตัวเป็นเอลเลนจริง ในวินาทีที่ตระหนักถึงความผิดปรกติ คงทำการแปลงโฉมและหนีไปอย่างเงียบงัน ไม่ปล่อยให้ถูกล้อมจับกุมได้ง่ายนัก การให้คนอื่นทำงานสำคัญแทนจึงไม่ใช่เรื่องฉลาด
และเหนือสิ่งอื่นใด มีซอร์ทราบดีว่ามันกำลังอยู่ระหว่างถูกกัปตันลงโทษ ต้องรีบแก้ตัวอย่างกระฉับกระเฉง เพื่อที่จะได้กลับไปยังกาฬมรณะเสียที
เฮ่อ… ไม่ว่าจะเป็นเพราะความอ่อนหัดหรือความประมาทของเรา แต่ผลลัพธ์ก็มิได้แปรเปลี่ยน เราถูกต้มจนเปื่อย ปล่อยให้อีกฝ่ายลอบเข้าไปในกาฬมรณะและเกือบลอบสังหารกัปตันสำเร็จ…
ถ้าเปลี่ยนเป็นคีลิงเกอร์ เราคงไม่รอดแน่ เพราะเจ้านั่นเล็งพลังพิเศษของเรามานานแล้ว…
ที่กัปตันไม่ลงโทษเรารุนแรงเพราะหล่อนเองก็ตระหนักถึงพลังแปลงโฉมของยุบพองหิวโหย… เธอเชื่อว่าเรามิได้ร่วมมือกับผู้บุกรุก จึงไม่ทำการลงโทษสถานหนัก เพียงส่งมายังบายัมเพื่อสืบหาเบาะแสคนร้าย นับเป็นกัปตันที่ใจเย็นมาก… เทียบกับคีลิงเกอร์แล้ว หล่อนน่ารับใช้กว่าเป็นร้อยเท่า… เราต้องรีบสะสางงานให้เสร็จ หาข้ออ้างติดต่อกับเธอ พยายามสร้างความประทับใจให้เธอ… มีซอร์รำพันขณะลุกขึ้นและเดินออกไป
ถึงมันจะโจรเป็นสลัดอำมหิตที่เคยสังหารผู้คนมากมายและปล้นเรือสินค้านับไม่ถ้วน แต่มีซอร์ก็มีจุดอ่อนโดยที่มันไม่รู้ตัว หลังจากได้ใกล้ชิดกับพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่เป็นเวลานาน มันถูกเสน่ห์ของเธอครอบงำจนเกือบสมบูรณ์ เกิดเป็นความหลงใหลที่ซึมซาบเข้าไปถึงจนกระดูกสันหลัง
โดยไม่ต้องให้สตรีแห่งโรคภัยออกคำสั่ง มันก็ยินดีที่จะคุกเข่าก้มลงไปจุมพิตแทบเท้าอย่างไม่ขัดขืน น้อมรับทุกคำบัญชา
แต่แน่นอน นั่นไม่เกี่ยวกับจินตนาการลามกระหว่างมันกับเทรซี่ในหัว หากสบโอกาสให้ลงมือเมื่อไร ถึงกัปตันจะไม่ยินยอม แต่มีซอร์ก็จะทำเรื่องอย่างว่าโดยไม่กังวลถึงผลที่ตามมา
ในฐานะโจรสลัดชั่ว การข่มขืนไม่ใช่สิ่งใหม่
เดินขึ้นมาถึงชั้นบน มีซอร์·คิงภายใต้การนำทางของลูกน้องโอซิล เดินวนครึ่งรอบผับ จนกระทั่งพบนักผจญภัยแปลกหน้านั่งอยู่ตรงมุมห่างไกล
สอดคล้องกับภาพวาด… แต่ก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี… คงปลอมตัวได้เก่งมาก หรือไม่ก็ เอลเลนผมแดงตัวปลอมเป็นคนอื่น เช่นพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด… เธอสามารถเลียนแบบพลังพิเศษที่เคยเห็นได้ พลังแปลงโฉมก็ไม่น่าจะเป็นข้อยกเว้น…
มีซอร์จ้องอีกฝ่ายค้างไว้เพียงสองวินาที ก่อนจะรีบเบือนหน้ากลับอย่างไม่ประมาท
ในเวลาเดียวกัน สัญชาตญาณนักทำนายของไคลน์พลันตื่นตัวและทราบว่า ใครบางคนกำลังจ้องมองมันอยู่
ไคลน์ไม่เก็บซ่อน มองกลับไปด้านหลังทันที จนกระทั่งพบชายคิ้วสั้น เบ้าตาจมลึก นัยน์ตาสีน้ำตาล
นักเจรจา·มีซอร์·คิง… ผู้ช่วยรองกัปตันของกาฬมรณะ เรือธงประจำกลุ่มโจรสลัดโรคภัย…
ไคลน์ระบุตัวตนของคนที่จ้องได้ทันที
ทันใดนั้น ประกายความคิดสองชนิดพลันแล่นเข้ามาในหัวพร้อมกัน
ความคิดแรก : ค่าหัวห้าพันสี่ร้อยปอนด์!
และความคิดที่สอง : ทำไมหมอนั่นถึงจับตามองเรา… สืบจากเดนิสจนพบว่าเราเกี่ยวข้อง?
เมื่อสายข่าวของกองทัพ ออส·เคนท์ พบความผิดปรกติเกี่ยวกับไคลน์ มันรีบมองตามสายตาชายหนุ่ม แต่เนื่องจากเป็นมุมอับ จึงถูกขี้เมาสองสามคนบังจนมิด
ภายในใจ ไคลน์รีบวางแผนตามนิสัย
ก่อนอื่นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักมีซอร์·คิง… เบือนสายตากลับ ยกแก้วกระดกดื่ม คอยจับตามองว่ามันออกจากผับแล้วไปไหนต่อ ใช้พลังของผู้ไร้หน้าลอบเข้าไปในที่พัก จากนั้นก็เชือดทิ้งอย่างเงียบเชียบ…
เมื่อห้วงความคิดจบลง ไคลน์พลันตระหนักถึงปัญหาสำคัญหนึ่งเรื่อง
นี่เป็นนิสัยของเรา…
ไม่ใช่ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์!
สำหรับตอนนี้ เรากำลังสวมหน้ากากนักผจญภัยอำมหิต บ้าบิ่น และเลือดเย็น…
หลังจากสมองประมวลผลอย่างหนัก ไคลน์หมุนตัวกลับกะทันหัน ดึงลูกโม่ดัดแปลงออกมาง้างนก เล็งไปทางมีซอร์·คิงท่ามกลางบรรยากาศอึกทึกภายในร้าน
ปัง!
เสียงปืนดังกังวานสนั่นผับ แขกจำนวนมากรีบนั่งยองกองไปกับพื้นอย่างชำนาญตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินเสียงปืน
ส่วนใหญ่นอนแผ่ไปกับพื้น แต่มีอีกหลายสิบคนม้วนตัวกลิ้งเพื่อหลบหลีกอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในนั้นคือมีซอร์·คิง
แต่ในความเป็นจริง ไคลน์ยังมิได้เหนี่ยวไกปืน เพราะมันกังวลว่ากระสุนจะพลาดเป้าไปโดนผู้บริสุทธิ์ที่ยืนขวางระหว่างตนกับมีซอร์
เสียงปืนเมื่อครู่มาจากพลังสร้างภาพหลอนของนักมายากล
ในวินาทีนี้ แนวยิงกำลังถูกเปิดกว้าง ผู้คนล้มพับประหนึ่งทุ่งข้าวถูกเก็บเกี่ยว เห็นดังนั้น ไคลน์เล็งปากกระบอกไปทางมีซอร์ที่เพิ่งขาแตะพื้น
ตามด้วยการลั่นไกของจริง
ปัง!
……………………