Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 600 : เก็บกวาด
เมื่อมังกรข่มขวัญแสดงผล ชายฉกรรจ์·โอซิลและลูกน้องจำนวนมากพลันสั่นกลัวโดยพร้อมเพรียง ประหนึ่งถูกใครบางคนฟาดด้วยค้อนยักษ์
ท่ามกลางความวุ่นวาย บางคนวิ่งวนเป็นวงกลม บางคนวิ่งพล่านอย่างไร้จุดหมาย บางคนหมุนตัวอยู่กับที่ บางคนยืนนิ่งด้วยร่างกายสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุม แบ่งเป็นประเภทการตอบสนองได้เป็นหลายระดับ
ขณะที่สู้กับนักเจรจา·มีซอร์ ไคลน์กังวลว่าอีกฝ่ายอาจฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์ จึงเพ่งสมาธิกับการปิดบัญชีโดยเร็ว แต่สำหรับตอนนี้ ชายหนุ่มมีเวลาว่างพอจะสำรวจผลกระทบของมังกรข่มขวัญอย่างละเอียด กวาดตาไปรอบตัวหนึ่งหน มันรีบเก็บข้อมูลอย่างคร่าว
ท่าทีตอบสนองจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางกายและความอดทนทางจิตของเป้าหมาย ระดับรุนแรงที่สุดจะเป็นการวิ่งพล่านพลางแหกปากหวาดกลัว คนที่เข้มแข็งขึ้นมาเล็กน้อยจะวิ่งอย่างไร้ทิศทางด้วยท่าทีสุขุม ในกรณีมนุษย์ธรรมดาที่แข็งแกร่งมากและผู้วิเศษปลายแถว พวกมันจะยืนหมุนรอบตัวเอง ส่วนผู้วิเศษที่ร่างกายและจิตค่อนข้างเข้มแข็ง พวกมันจะยืนอยู่กับที่อย่างสั่นกลัว…
หากใครสะสมความกลัวจนเกิดขีดจำกัด มันจะวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุทันที…
ไคลน์ชำเลืองหาเป้าหมาย เตรียมยิงคนที่อาจสร้างอันตรายให้กับตน เป็นการขจัดภัยคุกคามล่วงหน้า
ทันใดนั้น มันพบว่าแววตาของกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดเริ่มกลับมากระจ่าง คล้ายกับใกล้หลุดพ้นจากมังกรข่มขวัญเต็มที ส่วนกลุ่มที่รองลงมาก็เริ่มมีท่าทีตอบสนองเบาลง
เมื่อพิจารณาว่าตนไม่สามารถจัดการกับทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว หากเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เกรงว่าคนที่เหลืออาจได้สติตื่น และพลังพิเศษหลากชนิดจะโถมเข้าใส่จนเกิดเป็นความเดือดร้อน ยืนไตร่ตรองสักพัก ไคลน์เปลี่ยนให้ถุงมือซ้ายกลายเป็นสีดำชั่วร้ายแต่สูงส่ง
ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ภายในใจเพ่งจิต ‘บิดเบือน’ เจตนาของเป้าหมาย
ทันใดนั้น ชายที่ร่างกายสั่นเทารีบกระโจนม้วนตัวไปทางด้านข้าง เจตนาที่คิดหนีถูกเสริมทวีคูณจนเกินพอดีไปหลายเท่า ในสมองเหลือเพียงความคิดเดียวคือการวิ่งไปยังทางออกลับ ลูกน้องของชายฉกรรจ์โอซิลเริ่มหายไปทีละคนสองคน
ไคลน์สับเปลี่ยนวิญญาณในยุบพองหิวโหยอย่างชำนาญ ประเดี๋ยวนักจิตบำบัด ประเดี๋ยวบารอนแห่งการเน่าเปื่อย มังกรข่มขวัญตามด้วยบิดเบือน มังกรข่มขวัญตามด้วยบิดเบือน จนกระทั่งลูกน้องของโอซิลที่ค่อนข้างแข็งแกร่งถูกขับไล่ออกจากห้องใต้ดินจนเกือบหมด
แม้ยุบพองหิวโหยจะไม่ทรงพลังเท่ากับคนเลี้ยงแกะตัวจริง ยังมีเวลาเหลื่อมระหว่างการสับเปลี่ยนดวงวิญญาณ แต่ไคลน์ก็กลบจุดอ่อนด้วยการบริหารจังหวะอย่างชำนาญ พลังมังกรข่มขวัญคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทุกสิ่งง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มเริ่มพบปัญหา ยิ่งเหยื่อถูกมังกรข่มขวัญครอบงำในเวลาไล่เลี่ย ประสิทธิภาพของพลังจะลดทอนลงทุกครั้ง แต่เมื่อเพิ่ม ‘บิดเบือน’ เข้าไปเร่งปฏิกิริยา เหยื่อที่มีระดับไม่สูงมากอย่างกลุ่มอันธพาลปลายแถว โดนเข้าไม่กี่รอบก็หมดสติพร้อมกับขับถ่ายอึฉี่เรี่ยราดจนส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วห้อง
มังกรข่มขวัญกับบิดเบือนผสมผสานกันได้ลงตัวมาก… ในจังหวะก่อนหน้านี้ หากนักเจรจา·มีซอร์ไม่หันมาตอบโต้เรา ฝืนกัดฟันหนีด้วย ‘ติดสินบนให้อ่อนแอ’ และ ‘บิดเบือน’ เพียงอย่างเดียว เราคงฆ่ามันไม่สำเร็จ…
อา… แต่ก็ต้องยอมรับว่าหมัดนั่นมีพลังทำลายรุนแรงจนน่าเหลือเชื่อ แถมยังลอบลงมือได้โดยที่เราไม่รู้ตัว หากไม่ใช่เพราะนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกแสดงผล แม้แต่เราก็คงใช้กระดาษคนตัวแทนไม่ทัน…
สิ่งนี้ช่วยเตือนสติว่า แม้จะครอบครองยุบพองหิวโหยจนแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้วิเศษลำดับ 5 แต่หากเกิดความประมาท ก็อาจถูกผู้วิเศษลำดับ 6 เก็บได้ไม่ยาก…
ท่ามกลางภวังค์ความคิด ไคลน์เปลี่ยนถุงมือให้กลายเป็นสีทอง ดวงตาปรากฏสายฟ้าสองเส้น
ชายฉกรรจ์·โอซิลพลันส่งเสียงกรีดร้อง มิอาจพยุงร่างกายไว้ได้อีก ล้มทรุดลงไปกองกับพื้นประหนึ่งขุนเขาพังถล่ม สองมือกุมศีรษะด้วยร่างกายดีดดิ้นคล้ายกับปลาดุกในกะละมัง
น่าเสียดาย เราไม่มีท่าโจมตีหมู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องไล่เหยื่อคนอื่นกลับไป…
อา… ถ้าจำไม่ผิด ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนสามารถใช้ ‘พายุสายฟ้า’ ได้ด้วย… แต่ระดับของยันต์ยังสูงเกินไป อยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของเรา…
ไคลน์ชำเลืองอันธพาลที่นอนหมดสติบนพื้นด้วยหางตา ย่างกรายเข้าไปในเขตห้องใต้ดินอย่างไม่รีบร้อน
ที่นี่เคยเป็นตลาดมืดจนถึงเมื่อครู่ ในปัจจุบัน พ่อค้าแม่ค้าและแขกที่เดินเที่ยวต่างอพยพออกไปจนไม่เหลือใคร
ไคลน์ผู้สวมโค้ทกระดุมสองแถวสีดำ หยิบเก้าอี้จากแผงลอยร้านหนึ่ง วางลงตรงหน้าชายฉกรรจ์·โอซิล หย่อนก้นนั่ง โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย จดจ้องบอสใหญ่แห่งผับใบไม้หอมโดยไม่กล่าวคำใด
โอซิลเกลือกกลิ้งอยู่สักพัก จนในที่สุดก็หลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่เกือบทำให้มันคลุ้มคลั่ง แต่ความรู้สึกคล้ายกับศีรษะจวนเจียนระเบิดยังคงไม่เลือนหาย
ขณะกำลังจะยืนขึ้น โอซิลเหลือบเห็นดวงตาสีทองอ่อน เห็นถุงมือที่ฉาบด้วยสีทองเข้ม
ทันใดนั้น ขณะเหงื่อไคลเย็นเฉียบกำลังผุดขึ้นตามร่างกาย มันเห็นดวงตาอีกฝ่ายหมุนวนเป็นเกลียวคลื่น ส่งผลให้สมองโอซิลพลันขาวโพลนไปชั่วขณะ
ไคลน์ซักถามเสียงแผ่ว
“แกเคยเป็นโจรสลัดใช่ไหม”
“ใช่…” โอซิลพบว่าตัวเองต้องการตอบคำถามของอีกฝ่ายโดยไม่ขัดขืน
นี่คือผลจากพลัง ‘การชี้นำทางจิต’ ของนักจิตบำบัด
ไคลน์ถามอีกครั้งด้วยเสียงเดิม
“เคยทำเรื่องผิดกฎหมายอะไรมาบ้าง”
โอซิลไม่ปิดบัง เล่าเรื่องราวที่ตนเคยทำสมัยเป็นโจรสลัดอย่างรวบรัด ตามด้วยวีรกรรมหลังจากกลายเป็นบอสใหญ่แห่งผับใบไม้หอม ประกอบไปด้วยการปล้นเรือโดยสาร ข่มขืนผู้โดยสารหญิง ฆ่าคนบริสุทธิ์ ต่อสู้กับอริ ลักพาตัวครอบครัวของอีกฝ่าย และวางแผนซุ่มโจมตีทีเผลอ จมเรือของศัตรูลงก้นทะเล
ไคลน์นั่งฟังเงียบงัน มุมปากยกขึ้นทีละนิด ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาตบฝ่ามือซ้าย
“ยอดเยี่ยมมาก… ทำหน้าที่ของโจรสลัดและบอสใหญ่ของกลุ่มอันธพาลได้อย่างไร้ที่ติ”
ท่ามกลางคำเชยชม ชายหนุ่มเหยียดแขนซ้ายออก กึ่งกลางผ่ามือเกิดรอยแยกคล้ายกับปากสัตว์ประหลาดที่กำลังอ้ากว้าง
เสียงร้องโหยหวนดังกังวานภายในห้องใต้ดินของผับ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ทุกสิ่งก็หยุดลงและกลับคืนสู่ความเงียบ เหลือไว้เพียงเสียงสะท้อนอันเจือจาง
ไคลน์บนเก้าอี้ นั่งจ้องละอองแสงสว่างที่กำลังบรรจงรวมตัวกันอย่างเชื่องช้า
เมื่อกลุ่มอันธพาลที่นอนอึฉี่ราดโดยรอบเริ่มได้สติกลับคืน พวกมันพยายามแอบคลานออกไปจากไคลน์อย่างเชื่องช้า ตามทางมีคราบเปียกชื้น
ผ่านไปสักพัก ไคลน์ยืนขึ้นอย่างไม่รีบ โน้มตัวก้มเก็บลูกบอลแสงขนาดเท่ากำปั้นทารก รวมถึงกระเป๋าสตางค์และเสื้อผ้าของโอซิล
หลังจากเหลือบมองปึกธนบัตรหนา มันยัดทั้งสองสิ่งเข้าไปในโค้ท สอดเก็บลูกโม่ดัดแปลงกลับเข้าที่เก่า ถอดหมวกทรงกึ่งสูงออกพร้อมกับทำท่าทักทายเหล่าอันธพาลฉี่แตกตรงมุมห้อง
เมื่อจัดการเสร็จ ไคลน์เดินตรวจสอบจนทั่วชั้นใต้ดินสักพัก เกิดความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อไม่พบตู้นิรภัย จึงทำเพียงย้อนกลับไปยังทางเก่า ก้มตัวเก็บศพมีซอร์บนขั้นบันไดและเดินตรงไปทางประตู
ชายหนุ่มยืนแช่หน้าประตูราวสองวินาที นิมิตลางสังหรณ์ปรากฏขึ้นตามปรกติ ฉายให้เห็นฉากภายในผับด้านหลังบานประตู แล้วก็ต้องผิดคาดเล็กน้อย คิดว่าจะได้เห็นภาพของคนคุมผับพยายามพังประตูลงมาช่วย แต่กลับกลายเป็น พวกมันหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
มังกรข่มขวัญทำให้พวกมันทราบว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้วิเศษ จึงเผ่นหนีไปแล้ว?
เป็นไปได้… ที่นี่เต็มไปด้วยโจรสลัดที่มีพลังพิเศษ คนธรรมดาคงมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวเหนือธรรมชาติมาบ้าง… เหตุการณ์ทำนองนี้คงเกิดขึ้นบ่อยสินะ… สงสัยทูตพิพากษาจะแวะเข้ามาล่าอาชญากรหลบหนีเป็นครั้งคราว…
ไคลน์คลายโซ่ที่ตนมัดจนแน่น ล้วงมือหยิบกระเป๋าสตางค์ของมีซอร์ โยกย้ายธนบัตรจากในนั้นมาเป็นของตัวเอง
มันระงับความต้องการที่จะนับจำนวน หยิบกระดาษคนตัวแทนออกมาจุดไฟ สะบัด ปล่อยให้ซากขี้เถ้าโปรยลงพื้น จากนั้นก็เปิดประตูออก แบกศพมีซอร์เดินเข้าไปในเขตผับ
ที่นี่ แขกเกือบทั้งหมดกลับไปแล้ว เหลือเพียงเจ็ดแปดคนที่ยังคงหลบในแต่ละมุมร้านเพื่อรอชมผลลัพธ์
ไคลน์กวาดตาอย่างไร้อารมณ์ เกือบทุกสายตาที่กำลังมองมาทางชายหนุ่มพลันเบือนหนีอย่างลนลาน
มีเพียงออส·เคนท์คนเดียวที่กล้าจ้องตอบ อีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้ว มองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังเดินเข้าหาพร้อมกับศพลึกลับ
โครม!
ศพถูกโยนลงบนโต๊ะ
ออส·เคนท์เพ่งมอง รูม่านตาพลันหดลีบ
นักเจรจา·มีซอร์·คิง!
ผู้ช่วยรองกัปตันแห่งกลุ่มโจรสลัดโรคภัย!
ออส·เคนท์เงยหน้าด้วยอากัปกิริยาตกตะลึง จ้องเข้าไปในดวงตาเกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกครั้ง
ไคลน์ยิ้มมุมปาก
“อย่าลืมขึ้นเงินให้ฉันด้วย”
เมื่อสิ้นเสียง ชายหนุ่มถอดหมวกผ้าไหม ทำท่าทางทักทาย หมุนตัวกลับและเดินตรงไปยังทางเข้าผับใบไม้หอม
…
ณ ท่าเรือบายัม บนเรือโมราขาว
ไอร์แลนด์นั่งจ้องประตูห้องกัปตันที่ถูกเปิดออกด้วยเสียงดังโครม ซักถามอย่างฉงน
“เคนท์ มีอะไร?”
ออส·เคนท์ย้อนถามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“ไอร์แลนด์! นายแนะนำสัตว์ประหลาดพรรค์ไหนให้ฉันรู้จัก!”
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์?” ไอร์แลนด์ถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
ออส·เคนท์พยักหน้า
“หมอนั่นฆ่านักเจรจา·มีซอร์·คิง ฆ่าชายฉกรรจ์·โอซิล ภายในผับใบไม้หอม ต่อหน้าฉัน! ด้วยเวลาไม่ถึงห้านาที!”
มันแทบบ้า
“มีซอร์·คิง?” ไอร์แลนด์พึมพำกับตัวเองในลักษณะคล้ายคำถาม
จากนั้น มันเผยรอยยิ้มขื่นขม
“พวกเราต้องรายงานให้เบื้องบนทราบ”
ในเมื่อออส·เคนท์มิได้เอ่ยชื่อเพลิงพิโรธ·เดนิส ไอร์แลนด์จึงไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์สังหารเหล็กกล้า·แม็ควิตี้
“ตกลง!” นี่คือสิ่งที่ออส·เคนท์กำลังรอ
…
บ่ายสามโมงตรง ภายในบ้านสวนใกล้กับบ้านพักนายกเทศมนตรีบายัม
ไอร์แลนด์และออส·เคนท์กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกหรูหรา รอคอยคำตอบจากเบื้องบนอย่างใจเย็น
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มผมทองผมหวีเรียบเดินลงจากบันได กล่าวกับคนทั้งสอง :
“ท่านนายพลระบุว่า ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรู ให้ผูกมิตรในเชิงสายข่าวไปตามเดิม แต่พวกเราไม่ควรประมาท ต้องส่งโทรเลขกลับไปยังเบ็คลันด์ ให้ทางนั้นช่วยสืบหาตัวตนที่แท้จริงและจุดประสงค์ในการออกทะเล นอกจากนั้น ประกาศออกไปให้โจรสลัดทราบโดยทั่วกันว่า เขาคือผู้สังหารมีซอร์·คิง”
“รับทราบครับ! มิสเตอร์ลัวอาน”
ไอร์แลนด์และออส·เคนท์ที่ได้รับคำสั่งชัดเจนพลันหัวใจทั่วท้อง
…
ภายในโรงแรม ไคลน์ใช้พลังทำนายตรวจสอบในหลายสิ่ง ตามด้วยการนับเงินสดที่หยิบติดมือมา ยืนยันว่าตนได้รับเงินสามร้อยยี่สิบเจ็ดปอนด์ เก้าซูล ห้าเพนนี และตะกอนพลังของลำดับ 8 ‘กลาดิเอเตอร์’ แห่งเส้นทาง ‘นักรบ’
มีมูลค่าของมันไม่ต่ำกว่าหกร้อยปอนด์… และเมื่อนำไปรวมกับค่าหัวมีซอร์ ถึงถูกจะหักค่านายหน้าไปบางส่วน แต่ก็ยังเหลืออีกหลายพันปอนด์
หึหึ เจ้าออส·เคนท์ไม่กล้าหักแน่…
เงินหล่นจากฟ้าชัด ๆ …
ไคลน์ครุ่นคิดอย่างมีความสุข จากนั้นก็ประกอบพิธีกรรมส่งยุบพองหิวโหยเข้าสู่มิติสายหมอก
ว่ากันตามตรง พลังมังกรข่มขวัญ สร้างโรคประสาท และชี้นำทางจิต ถือเป็นพลังสามชนิดที่ค่อนข้างมีประโยชน์ ไคลน์จึงลังเลที่จะปล่อยออกจากถุงมือ แต่ในเมื่อให้สัญญากับมิสจัสติสไว้แล้ว มันก็เลือกที่จะไม่กลับกลอก
……………………