Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 677 : พยัคฆ์หมอบ
ท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น ร่างของแอนเดอร์สันหมอบลงกับพื้นพลางหลบกระสุนปืนด้วยท่าทางชวนให้ขบขัน
ไคลน์กระโดดหลบไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก ก่อนจะเปิดเนตรวิญญาณพร้อมกับชักลูกโม่
ระหว่างนั้น ความคิดแวบแรกในหัวชายหนุ่มก็คือ เมื่อคืนแอนเดอร์สันคงออกล่าโจรสลัดจนเลยเถิด ส่งผลให้ถูกแก้แค้นเข้าในช่วงเช้า ไคลน์จึงอยากตะโกนออกไปว่า “ฉันไม่รู้จักหมอนี่! ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด!”
ขณะเดียวกัน ที่โต๊ะอาหารด้านข้างแอนเดอร์สัน·ฮู้ด ชายกำยำซึ่งถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ทำการโยนมีดและส้อมทิ้งพร้อมกับชักปืนลูกซองแฝดพร้อมยิงออกจากใต้เก้าอี้ เล็งกดไปบนพื้น ลั่นไกจากมุมสูงที่ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทั้งหมดเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกับที่เจ้าของโรงแรมลั่นไกยิงปืน เพียงแต่ช้ากว่าเนื่องจากมีขั้นตอนยุ่งซากซับซ้อนมากกว่า
ปัง!
สิ้นเสียงยิง กระสุนลูกปรายจำนวนมากเจาะใส่พื้นจนพรุนเป็นรังผึ้ง แม้นแอนเดอร์สันจะกลิ้งหลบได้ทันเวลา สามารถหลีกเลี่ยงกระสุนกลุ่มใหญ่ แต่ก็ยังถูกเศษๆ ประปรายจนสีข้างชุ่มโชก
ขณะไคลน์เตรียมยิงชายร่างท้วมที่ถือลูกซองแฝด หวังช่วยแอนเดอร์สันให้รอดพ้นจากวิกฤติ ชายหนุ่มพบว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพเดียวกับเจ้าของโรงแรม สีหน้าเหม่อลอยกะทันหัน เจือความประหลาดใจและหวาดกลัว ก่อนจะทำท่าทางคล้ายกับตื่นจากภวังค์
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… พวกเขาไม่ใช่คนร้ายตัวจริง… ไคลน์ชะงักนิ้วที่เตรียมเหนี่ยวไกอย่างไม่ผลีผลาม รีบกวาดตามองไปทั่วร้านอาหาร
เมื่อเนตรวิญญาณตรวจไม่พบสิ่งใด ไคลน์ใช้นิ้วโป้งซ้ายกดข้อนิ้วชี้แรก เปิดเนตรด้ายวิญญาณ
ทันใดนั้น เหล่าสุภาพบุรุษและสตรีภายในร้านต่างรีบลุกขึ้นเพราะตื่นตระหนกจากเสียงปืน ก่อนจะวิ่งเบียดเสียดตรงไปยังทางออก
ขณะหญิงสาวหน้าตาดีแต่งตัวหรูหราคนหนึ่งเดินผ่านแอนเดอร์สัน หล่อนชะงักฝีเท้าพร้อมกับเปิดฝาขวดแก้วสีเข้มในมือ เทของเหลวด้านในราดศีรษะนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด
ฉ่า!
พื้นผิวของทุกจุดที่ของเหลวตกไปถึงล้วนถูกกัดกร่อน แอนเดอร์สันรีบใช้มือปิดหน้าปิดตาพร้อมกับกระโดดหลบ หลีกหนีจากการลอบโจมตีอันคาดไม่ถึง
ถัดมาในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวเงียบขรึม สุภาพบุรุษถือหนังสือพิมพ์ บริกรชายในเสื้อกั๊กสีแดง และเด็กชายห้าขวบที่ถือลูกกวาดในมือ ต่างกรูเข้ามาทำร้ายแอนเดอร์สันตามแบบฉบับของตัวเอง
ทั้งแป้งมัน ก้านไม้ขีด มีดปอกผลไม้ กาแฟเดือด และเหล้าความเข้มข้นสูง ต่างลอยละลิ่วตรงมาทางแอนเดอร์สันอย่างต่อเนื่อง ราวกับทุกคนในร้านอาหารโรงแรมมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการเอาชีวิตแอนเดอร์สัน·ฮู้ด!
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพลังพิเศษใดเลย แอนเดอร์สันที่ถูกล้อมกรอบจากทุกทิศทางจนยากจะหลบพ้น ทำได้เพียงกลิ้งตัวไปบนพื้น บางครั้งกระโดดหลบ บางครั้งเตะโต๊ะขึ้นมาบัง บางครั้งจุดไฟเผาวัตถุบางชิ้นทิ้ง หลบเลี่ยงจุดตายได้อย่างฉิวเฉียด จบลงด้วยการไม่มีบาดแผลฉกรรจ์
ขณะเดียวกัน ไคลน์เริ่มพบความผิดปรกติ
ณ มุมหนึ่งของร้านอาหาร ด้านหลังตู้สำหรับจัดแสดง ด้ายวิญญาณมายาสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด ลักษณะเป็นการลอยแน่นิ่งและเงียบงันในจุดเดิม
ท่ามกลางความโกลาหลของร้านอาหาร พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าผิดปรกติอย่างมาก!
คนร้ายตัวจริงผู้วางแผน ‘ฆาตกรรมด้วยฝีมือคนธรรมดา’ กำลังหลบอยู่ตรงนั้น? พิจารณาจากอาการสับสนเจือความตื่นตระหนกของเจ้าของโรงแรม พนักงาน และลูกค้า คนเหล่านี้มิได้กลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์ แต่เป็นเทคนิค ‘บงการ’ ในรูปแบบหนึ่ง… ถูกทำให้เห็นภาพหลอน? หรือถูกกระตุ้นอารมณ์โดยผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย? ไม่สิ อาจเป็นอิทธิพลในระดับจิตใจ… ไคลน์ที่ผุดความคิดบางอย่างได้กะทันหัน ตัดสินใจเหยียดขาไปข้างหน้า สกัดขาลูกค้าคนหนึ่งซึ่งยังมีครีมติดอยู่ที่มุมปาก เปิดทางให้แอนเดอร์สันหลบหนี
นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดกลิ้งตัวออกจากวงล้อมในทิศทางดังกล่าว รีบพยุงตัวลุกขึ้นและวิ่งตามไคลน์กลับขึ้นชั้นสองของโรงแรม จากนั้นก็ยืนพิงผนังตรงมุมบันไดพลางหายใจหอบ
“พลังการยั่วยุของฉันพัฒนาถึงระดับนี้แล้วหรือ… กระทั่งชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ยังต้องการฆ่าฉันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ… ซี้ด…” แอนเดอร์สันเลื่อนมือขึ้นมาจับซี่โครงขวาที่บาดเจ็บ สีหน้าคล้ายกับอยากครวญคราง
ผิดแล้วสหาย… ต้นตอของเรื่องนี้ก็คือ นายดันไปล่าโจรสลัดจำนวนมากขณะที่ตัวเองยังไม่หลุดพ้นจากคำสาปความซวย… เหตุผลที่ไคลน์ตัดสินใจถอยห่าง ไม่เดินเข้าไปควบคุมด้ายวิญญาณของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายตัวจริง เพราะคำนึงถึงความเป็นไปได้ดังนี้
คนธรรมดาเหล่านั้น คล้ายกับถูกบงการหรือไม่ก็ถูกฝังการชี้นำทางจิตอยู่ ส่งผลให้กรูเข้ามารุมทำร้ายแอนเดอร์สันอย่างกะทันหันในลักษณะมีระเบียบแบบแผน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับพลังพิเศษของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านทั่วไปจะลงมือส่งเดช ปราศจากความชำนาญและเป็นขั้นเป็นตอน แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการเตรียมตัวล่วงหน้า และเหนือสิ่งอื่นใด ไคลน์ยังเคยได้ยินว่ามีโอสถลำดับ 4 ที่ชื่อ ‘จอมบงการ’ !
นอกจากนั้น ตามคำบอกเล่าของดวงวิญญาณ ‘นักจิตบำบัด’ ที่เคยถูกขังในยุบพองหิวโหย ไคลน์สงสัยมาตลอดว่า บนเกาะทอสคาร์เตอร์อาจบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสมาคมแปรจิตแฝงตัวอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น พลังพิเศษสำหรับบงการจิตใจหรือฝังการชี้นำทางใจยังสอดคล้องกับลักษณะเด่นของเส้นทางผู้ชม และไคลน์เคยคาดเดาไว้ว่า โอสถ ‘จอมบงการ’ น่าจะอยู่บนเส้นทางผู้ชม หรืออีกชื่อหนึ่งคือเส้นทางมังกร เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เค้าโครงดังกล่าวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
สมาคมแปรจิตมีฐานลับสำคัญซ่อนอยู่บนเกาะทอสคาร์เตอร์ สำคัญถึงขั้นที่มีครึ่งเทพลำดับ 4 คอยเฝ้าระวังความปลอดภัย และ ‘ท่านผู้นั้น’ คงแอบ ‘บงการ’ โจรสลัดบางคนให้ทำงานบางอย่างแทนโดยไม่รู้ตัว แต่แอนเดอร์สันดัน ‘ระดมเงินทุน’ กับโจรสลัดเหล่านั้นเข้า ส่งผลให้เจ้าของเงินทุนตัวจริงโผล่ออกมาในตอนเช้า!
หลังจากปั้นหน้าขรึม ไคลน์จ้องไปทางแอนเดอร์สันและกล่าวเสียงเรียบ
“มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า โจรสลัดเมื่อคืนหลายคนมีครึ่งเทพคอยหนุนหลัง… นายคิดว่าลำพังผู้วิเศษลำดับกลางจะทำเรื่องแบบเมื่อครู่ได้หรือ?”
“ฉันไม่น่าจะดวงซวยขนาดนั้น… หรอกมั้ง…” หางเสียงแอนเดอร์สันเบาลงทีละนิด จนกลายเป็นพึมพำในที่สุด “ก็อาจจะใช่… พวกเขาเป็นเพียงหมากของใครบางคน เป็นผู้บริสุทธิ์ โชคดีที่ฉันไม่ได้ตอบโต้กลับไป ไม่อย่างนั้นคงถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ และนั่นจะมาพร้อมค่าหัวก้อนโต! ชีวิตบั้นปลายจะเหลือเพียงเส้นทางโจรสลัดให้เลือกเดิน”
“…” ไคลน์ขยับปากเล็กน้อยและกล่าว
“หากเหยื่อที่ถูกบงการเมื่อครู่เป็นพวกโจรสลัดที่มีพลังพิเศษ ทูตพิพากษา หรือนักบวชจากโบสถ์วายุสลาตัน นายคิดว่าเหตุการณ์จะลงเอยยังไง?”
“ฉันคงตายไปแล้ว” แอนเดอร์สันผายมืออย่างจนปัญญา ตามด้วยการตอบสนองคล้ายกับเริ่มเข้าใจบางสิ่ง “นายกำลังจะบอกว่า อีกฝ่ายมิได้คิดจะฆ่าฉัน เพียงแค่ตักเตือน?”
ไคลน์พยักหน้าขรึม
“หรือก็คือ นายยังมีโอกาส… ขอโทษเขาซะ”
จงไปหาและสอบถามว่า ครึ่งเทพตนดังกล่าวต้องการสิ่งใด
“ขอโทษเขา?” ใบหน้าแอนเดอร์สันพลันบิดเบี้ยว กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ต…แต่ฉันโด่งดังมากในทะเลหมอก”
ไคลน์ไม่พูดต่อ เพียงยืนตัวตรง ใช้มือตบเสื้อคลุมแผ่วเบาและเตรียมเดินจากไป
ทันใดนั้น แอนเดอร์สันเริ่มได้สติ รีบตรงมาทางบันไดและตะโกนเสียงดัง
“ขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว! ยินดีเจรจากับท่านในทุกเรื่อง!”
เว้นวรรคสักพัก มันกล่าวซ้ำ
“ขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว! ยินดีเจรจากับท่านในทุกเรื่อง!”
แปะ! แปะ! แปะ! เสียงปรบมือจังหวะเชื่องช้าดังมาจากชั้นแรก ตามด้วยการปรากฏกายของบุคคลผู้หนึ่ง
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าแผ่วเบา ร่างดังกล่าวค่อยๆ เคลื่อนที่มาถึงส่วนโค้งของบันได แต่ไคลน์กลับเลือกจะกลอกตาหนีตามจิตใต้สำนึก คล้ายกับไม่อยากทราบว่า อีกฝ่ายมีหน้าตาเป็นเช่นไร
นอกจากนั้น ชายหนุ่มพบว่าตนไม่มีเจตนาจะยกแขนขึ้นและเล็งปืนไปทางอีกฝ่าย คล้ายกับถูกฝังการชี้นำจิตใจให้ไม่คิดต่อต้าน
น่ากลัวฉิบ… โชคยังดีที่อีกฝ่ายมิได้สะกดจิตแบบตัวต่อตัว แต่เป็นการชี้นำจิตใจแบบกลุ่ม ไม่อย่างนั้นเราคงไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกพลังพิเศษเล่นงาน… หากเป็นการสะกดจิตตัวต่อตัวล่ะก็ ผลลัพธ์คงเลวร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า…
นี่คือ ‘คำสั่ง’ อย่างกลายๆ จากครึ่งเทพ? ไคลน์เข้าใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายต้องการสนทนากับแอนเดอร์สันตามลำพัง จึงไม่คิดขัดขืน เพียงก้าวออกจากบันได เดินตรงไปยังห้องพักของตัวเอง
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที แอนเดอร์สันเคาะประตู ใบหน้าค่อนไปทางหดหู่
“เสร็จแล้ว?” ไคลน์ถามห้วน
แอนเดอร์สันพยักหน้า
“อื้อ… เขาขอให้ฉันช่วยทำบางสิ่ง ส่วนทำอะไรนั้น ฉันบอกใครไม่ได้”
“จำหน้าตาได้ไหม?” ไคลน์ถามหลังจากไตร่ตรอง
แอนเดอร์สันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะขมวดคิ้ว
“จำไม่ได้…”
ไม่ผิดจากที่คิด… หมอนี่ช่างน่าสมเพช กับแค่เงินหนึ่งพันหกร้อยปอนด์ นายต้องกลายเป็นหนี้ชีวิตของครึ่งเทพ ไม่คุ้มเลยสักนิด… ไคลน์ถอนหายใจเงียบสักพัก ตามด้วยกล่าว
“แล้วพรุ่งนี้นายออกจากเกาะได้ไหม”
“ได้ งานที่ถูกมอบหมายไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตอนนี้ต้องรีบขจัดคำสาปโชคร้ายออกไปก่อน” แอนเดอร์สันตอบอย่างมั่นใจ
ไคลน์ไม่พูดมากความ ชี้ลงไปบนพื้น
“ลงไปกินมื้อเช้าไหม”
แอนเดอร์สันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและกล่าว
“แน่นอน! ไม่มีความกังวลใดอยู่เหนือการกินและการนอนได้!”
เมื่อคนทั้งสองเดินลงไปยังชั้นหนึ่ง ภาพแรกที่เห็นคือบริกรชายกำลังก้มหน้าเก็บเศษข้าวของที่กระจัดกระจาย ดูเหมือนว่าทั้งเจ้าของโรงแรมและลูกค้าจะลืมไปแล้วว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง
…
หลังเสร็จอาหารเช้า แอนเดอร์สันยังคงออกไปข้างนอกเพื่อรวบรวมเงินค่าหัวและค่าตะกอนพลัง รวมไปถึงการเตรียมตัวบางอย่าง ส่วนไคลน์พักอยู่ในโรงแรม เพ่งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณที่เอ่อล้นออกจากร่างกายหลังเลื่อนลำดับ และทดสอบพลังพิเศษของ ‘นักเชิดหุ่น’ ร่วมกับหนอนแมลง
บ่ายสองโมงครึ่ง ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้ามิติหมอกก่อนเวลา ซักซ้อมกับตัวเองเพื่อเตรียมตัวจัดชุมนุมทาโรต์ที่ใกล้เข้ามา เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์ฟูลต้องมีบทลงโทษต่อ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาสักเล็กน้อย
ขณะนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเดอะฟูล ไคลน์ซ้อมลงโทษจากแผนที่วางไว้ทั้งหมดสามรูปแบบซึ่งครุ่นคิดมาตลอดสามวัน มีสองแผนต้องอาศัยพลังจากมิติแห่งนี้ และมีสองแผนที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เป็นเหตุผลว่าทำไมไคลน์ต้องขึ้นมากะเกณฑ์ระยะเวลา หากพบข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน รวมถึงการเพิ่มความชำนาญและความกลมกลืน จะได้ไม่แตกตื่นในช่วงเวลาสำคัญ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ไคลน์หายใจเข้าออกพลางยืนยันแผนการ
จากนั้น ชายหนุ่มเสก ‘เดอะเวิร์ล’ ขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย และสามารถมองเห็นกลุ่มด้ายสีดำหนาแน่นที่แผ่ออกมาด้วยตาเปล่า
“ดูเหมือนว่า สิ่งที่เสกขึ้นจากพลังของมิติหมอกจะมีพลังวิญญาณติดมาด้วยเล็กน้อย… เป็นเหตุผลว่าทำไมเดอะเวิร์ลถึงมีด้ายวิญญาณ… แต่ถ้าเป็นโลกความจริง วัตถุที่ไม่มีชีวิตจะปราศจากพลังวิญญาณและด้ายวิญญาณ… ไคลน์บงการด้ายวิญญาณอย่างชำนาญ เพียงครู่เดียวก็สามารถเชิดเดอะเวิร์ลได้ช่ำชอง
ปัจจุบัน ไม่เพียงสีหน้าท่าทางของเดอะเวิร์ลจะละเอียดอ่อนขึ้นจนดูเหมือนคนจริง แต่ออร่าของพลังวิญญาณก็ยังแปรปรวนเล็กน้อยในระดับใกล้เคียงความจริงด้วย มิได้ขาดแคลนชีวิตชีวาเหมือนสมัยอดีต!
นอกจากนั้น ไคลน์ยังรู้สึกราวกับตนได้ควบคุมสองตัวละครพร้อมกัน เพราะทั้งประสาทสัมผัสและมุมมองของเดอะเวิร์ลล้วนถูกส่งมายังร่างต้นอย่างคมชัด!
เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ ไคลน์เหลือบมองนาฬิกาพกสีทอง ก่อนจะส่งข้อความหา ‘เดอะซันน้อย’ เพื่อให้เด็กหนุ่มเริ่มนับการเต้นของหัวใจ
………………………………………