Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 721 : คำแนะนำของไคลน์
บนอนาคตกาล แฟรงค์·ลีพับแขนเสื้อขึ้น ลงมือขยับปากกาเขียนด้วยรอยยิ้ม
“ถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์เพื่อนรัก ฉันมีข่าวดีมาแจ้ง ตอนนี้ฉันประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกเห็ดที่เจริญเติบโตด้วยเลือดเนื้อของนักบวชกุหลาบ ตราบใดที่มีปลา พวกมันจะเจริญพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่มีเห็ดกินเมื่อต้องแล่นเรือเป็นเวลานานเกินไป และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันนำไปผสมข้ามสายพันธุ์กับวัว ช่วยให้รสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก!”
“ข้อบกพร่องเดียวในตอนนี้คือ มันไม่สามารถตกปลาได้ด้วยตัวเอง ต้องมีใครบางคนช่วยนำมาเสิร์ฟ แต่ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหา นีน่าบอกว่าแบบนี้ดีแล้ว จะได้ไม่กลายเป็นภัยต่อทะเล สิ่งที่เธอพูดก็มีส่วนถูก”
“ฉันจะส่งเห็ดแห้งบางส่วนไปให้ เพียงรดน้ำและให้มันกินปลา เห็ดจะกลับเป็นปรกติทันที จากนั้นก็เริ่มขยายพันธุ์ด้วยตัวเอง… หวังว่านายจะชอบของขวัญชิ้นนี้”
หลังจบบทสนทนายืดยาว แฟรงค์·ลีพับกระดาษ บรรจุใส่ซองจดหมาย แนบเห็ดแห้งลงไปสามชิ้น จากนั้นก็ติดกาวและปิดผนึก
จัดการทั้งหมดเสร็จ มันหยิบกระดาษโน้ตที่ไคลน์เป็นคนมอบให้ ทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ เตรียมทำพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร
สำหรับแฟรงค์ ขั้นตอนเช่นนี้ไม่ซับซ้อนและไม่ใช้เวลานาน หลังจากตั้งแท่นบูชาเสร็จก็เริ่มสร้างกำแพงวิญญาณทันที
ปิดท้ายด้วย มันบรรจงวางเหรียญทองแดงโลเอ็นไว้ตรงหน้าเทียนไข
เทียนถูกจุด เสียงสวดมนต์ดังขึ้น ขณะแฟรงค์·ลีจ้องเปลวไฟที่ค่อยๆ ขยายตัว หญิงไร้หัวปรากฏกายพร้อมกับหิ้วศีรษะทั้งสี่ไว้ด้วยมือสองข้าง
แฟรงค์·ลีผงะเล็กน้อย ก่อนจะจ้องใบหน้าทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ด้วยสายตาตื่นเต้น จากนั้นก็พึมพำ
“คุณทำได้ยังไง? ทำไมทุกหัวถึงเหมือนกับยังกับแกะ? ถ้านำไปปลูกในดินจะเจริญเติบโตไหม?”
ดวงตาแปดข้างจากสี่เศียรของไรเน็ตต์พลันหันมาจ้องแฟรงค์·ลีอย่างพร้อมเพรียง
ทันใดนั้น โคลนจากภาชนะจำนวนมากภายในห้องเริ่มบินว่อน ทั้งหมดพุ่งมาทางแฟรงค์
ร่างกายแฟรงค์ลอยไปในอากาศ หมุนเคว้งด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่จางหาย จนกระทั่งกระแทกลงบนกองโคลน
แข้งขาของมันพยายามกระเสือกกระสนให้หลุด แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ
ศีรษะทั้งสี่ของไรเนตต์·ไทน์เคอร์ขยับมาด้านหน้าสองเศียร หนึ่งงับซองจดหมาย อีกหนึ่งงับเหรียญทอง
จนกระทั่งหญิงสาวหายไปอย่างสมบูรณ์ แฟรงค์·ลีเพิ่งพบจุดที่สามารถดิ้นหลุดได้ง่าย จึงส่งแรงทั้งหมดเพื่อสลัดให้เป็นอิสระจากบ่อโคลน ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น
“สุดยอด…” แฟรงค์·ลีถอนหายใจเจือความสั่นกลัว ปาดคราบสกปรกออกจากใบหน้าและริมฝีปาก ก่อนจะนำโคลนใส่ปากเคี้ยวหนึ่งคำและพึมพำ “เปรี้ยวไปนิด…”
ในเวลาเดียวกัน ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาที่เพิ่งเสร็จพิธีกรรมสังเวยในห้องกัปตัน คล้ายกับสัมผัสถึงบางสิ่ง ดวงตาสีม่วงเข้มหันไปมองทางห้องแฟรงค์ตามความรู้สึก ได้พบกับตุ๊กตามายาหยาบๆ อย่างไม่คมชัด
ตุ๊กตาตัวดังกล่าวไม่มีหัว!
เพียงไม่นานภาพก็สลายไป ดวงตาแคทลียาปิดสนิทในทันที เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่ราวกับถูกไฟแผดเผา น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างมิอาจควบคุม
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำด้วยความลังเล
“มารบรรพกาล?”
…
หลังจาก ‘แจกจ่าย’ ผลึกอุกกาบาตและน้ำไขสันหลังของตะกวดดำนักล่าให้กับเมจิกเชี่ยนและจัสติส ไคลน์ส่งตัวเองกลับโลกความจริง นอนแผ่บนเก้าอี้เอนหลัง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้
จากข่าวลือของเกอร์มัน·สแปร์โรว์และ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ กลุ่มโจรสลัดคงไม่เผยตัวบนเกาะบายัมไปอีกสักพัก ไม่ว่าพวกมันจะออกจากท่าไปแล้ว หรือซ่อนตัวอยู่ตามแหล่งกบดาน ล้วนหาตัวได้ยากทั้งสองกรณี…
ในอีกความหมายหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องแช่อยู่ที่นี่นาน เพราะยังสามารถควบคุมกลุ่มต่อต้านด้วยวิวรณ์ของ ‘เทพสมุทร’ และการประสานงานของเดนิส…
ถ้าอย่างนั้น… อันดับแรกต้องแวะผับสาหร่ายทะเลเพื่อซื้อตั๋วผีเรือโดยสาร จุดหมายคือเมืองคอนแนนท์บนอ่าวเดซีย์… นอกจากจะเป็นเมืองท่าที่ใหญ่อันดับหนึ่งแล้ว ยังเป็นเมืองเกิดของเดวีย์·เรดม่อนด้วย ในตอนที่ปลดปล่อยถุงมือแดงออกจากยุบพองหิวโหย เราให้สัญญาไว้แล้วว่า จะแวะเที่ยวชมเมืองชายฝั่งอันงดงามดังกล่าวสักพัก พร้อมกับบอกกับลูกสาวของเขาว่า ไม่ต้องแก้แค้นให้การตายของพ่อ… นอกจากนั้น เราคงต้องหาวิธีคืนตะกอนพลัง ‘ฝันร้าย’ ให้กับโบสถ์อย่างลับๆ …
หึหึ… มนุษย์เราช่างน่าขัน… ทั้งที่กำลังวางแผนจะแอบคืนตะกอนพลังฝันร้าย แต่อีกใจหนึ่งกลับวางแผนจะขโมยสมบัติออกจากหลังประตูยานิสของโบสถ์นักบุญแซมมวล…
ส่ายศีรษะเล็กน้อย ไคลน์หลับตาลง ใช้การนอนฟื้นฟูพลังวิญญาณ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้น จึงลืมตาตื่นตามธรรมชาติ รีบเปิดเนตรวิญญาณ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เดินออกจากความว่างเปล่า
ผู้ส่งสารสวมเดรสสีดำหลายชั้นเหมือนทุกครั้ง หนึ่งในศีรษะกำลังคาบจดหมาย
ใครเป็นคนส่ง? เดนิส พลเรือโทธารน้ำแข็ง แฟรงค์ หรือแอนเดอร์สัน? ไคลน์จ้องจดหมาย พยักหน้ารับ
“ขอบคุณมาก”
ชายหนุ่มทำตัวสุภาพกับมิสผู้ส่งสารลึกลับและทรงพลัง เนื่องจากไม่อยากถูกบีบคอตายเข้าสักวัน
“เจ้า…” “จะตอบ…” “ทันที…” “ไหม…?” ศีรษะทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์อ้าปากและพ่นคำเรียงกัน
ไคลน์ฉีกซอง นำกระดาษจดหมายออกมาคลี่อ่าน เนื้อหาด้านในชวนให้ตกตะลึงจนลืมมอบคำตอบกับผู้ส่งสารไปครู่หนึ่ง แต่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ยังคงยืนรอใจเย็น
หากปล่อยเอาไว้ แฟรงค์ต้องทำลายโลกในสักวันแน่… เราต้องรีบควบคุมชายคนนี้โดยเร็ว ห้ามให้เลื่อนลำดับเด็ดขาด! ทำไมถึงชื่นชอบการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างพืชกับสัตว์นัก? เดี๋ยวสิ… เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังขาดแคลนอาหาร… ไคลน์พลันผุดความคิดที่บ้าบิ่นอย่างหนึ่ง
นั่นคือการหลอกล่อให้แฟรงค์ทุ่มความสนใจทั้งหมด มาที่การคิดค้นอาหารให้เมืองเงินพิสุทธิ์!
ด้วยเหตุนี้ วัว ปลา เห็ด นักบวชกุหลาบ และสิ่งมีชีวิตทางทะเลบนโลกก็จะปลอดภัย!
ไคลน์เงยหน้าอย่างรีบร้อน กล่าวกับมิสผู้ส่งสาร
“ผมจะตอบกลับทันที”
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เอนหลัง เดินไปทางโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกาและกระดาษ ลงมือเขียนรวดเร็ว
“ฉันมีคำถาม หากกินเห็ดที่นายสร้างเข้าไปในท้อง จากนั้นก็กินปลาสุกและดื่มน้ำตามลงไป เห็ดยังจะขยายพันธุ์ได้เองไหม”
ถามเสร็จ ไคลน์เกริ่นเข้าหัวข้อใหม่
“นายสามารถสร้างข้าวสาลีที่เติบโตโดยไม่ต้องใช้แสงแดดได้ไหม? หรือไม่ก็วัวเนื้อและวัวนมที่กินซากศพสัตว์ประหลาดเป็นอาหาร ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม!”
จบหัวข้อดังกล่าว ไคลน์ยังเขียนอีกหลายย่อหน้า จนกระทั่งพับกระดาษส่งให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ กล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
“แฟรงค์จ่าย”
“หวังว่า…” “เจ้านั่น…” จะยัง…” “ไม่ตาย…” สี่เศียรของมิสผู้ส่งสารกล่าวทีละคำจนครบประโยค จากนั้นก็ส่งตัวแทนมางับกระดาษจดหมาย
หวังว่าจะยังไม่ตาย? ไคลน์ผงะเล็กน้อย เตรียมถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไรเน็ต·ไทน์เคอร์ได้กลับสู่โลกวิญญาณ หายไปกับความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
ครุ่นคิดสองวินาที ไคลน์เขียนประโยคทำนาย ใช้จี้บุษราคัมทำนายยืนยันว่าแฟรงค์·ลียังมีชีวิตอยู่
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก เก็บเห็ดแห้ง ใช้มือนวดคลึงหน้าผาก กลับไปนอนบนเก้าอี้เอนหลังอีกครั้ง
…
หลังเสร็จอาหารค่ำ
ณ ผับสาหร่ายทะเล
ไคลน์สวมใบหน้าคนธรรมดา กลับมาเยือนผับแห่งเดิม
แตกต่างจากคราวก่อน ลูกค้าภายในร้านส่วนใหญ่เป็นพวกเลือดผสมและชนพื้นเมือง ผิวเข้มและผมหยักศกเล็กน้อย คนเหล่านี้อาจสังกัดกลุ่มอันธพาลในบายัม หรือไม่ก็แอบทำงานให้กลุ่มต่อต้าน หรือไม่ก็ทั้งสอง แทบไม่มีคนธรรมดาภายในร้าน โจรสลัดจากอาณาจักรต่างๆ ที่มักพบเห็นได้บ่อยล้วนหายหัว เหลือเพียงคนที่แต่งตัวเหมือนนักผจญภัยบางส่วนที่นั่งดื่มเหล้า ถกเถียงกันเรื่องข่าวลือทางทะเล
ไคลน์ชำเลือง พบเดอเนียร์ที่เดนิสเคยเอ่ยถึง ชนพื้นเมืองหุ่นผอมบางรายนี้ขายตั๋วผีและรับทำบัตรประจำตัวปลอม
ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เดินเข้าไปใกล้และกล่าว
“ตั๋วเรือชั้นสองหนึ่งใบ เที่ยววันพรุ่งนี้ ปลายทางคือเมืองท่าคอนแนนท์ แล้วก็บัตรประจำตัวปลอมหนึ่งใบ”
เดอเนียร์มองหน้า ตอบหลังจากครุ่นคิด
“ทั้งหมดยี่สิบปอนด์”
ตามปรกติแล้ว ตั๋วเรือชั้นสองเที่ยวไปคอนแนนท์จะมีราคาเก้าปอนด์ ตั๋วผีย่อมแพงกว่าปรกติ รวมกับบัตรประจำตัวปลอม ยี่สิบปอนด์นับว่าไม่แพง… ไคลน์พึมพำ
“จะได้เมื่อไร”
“ภายในสี่สิบห้านาที” เดอเนียร์ตอบคล่องแคล่ว “จ่ายก่อนห้าปอนด์ หลังจากได้รับตั๋วกับบัตรประจำตัวค่อยจ่ายที่เหลือ”
“ตกลง” ไคลน์ไม่ต่อความยาว ล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบธนบัตรหนึ่งปอนด์จำนวนห้าใบ
ชายหนุ่มไม่กลัวคนเห็นกระเป๋าสตางค์ เพราะหากมีใครคิดสั้นลงมือขโมย ตนก็ไม่ต้องเสียยี่สิบปอนด์ให้เดอเนียร์ หรืออาจจะได้มากยิ่งกว่านั้น
ขณะเดอเนียร์ตรวจสอบความถูกต้องของธนบัตรและเตรียมสั่งให้ลูกน้องทำงาน บรรยากาศภายในผับพลันเงียบสงัดจนผิดวิสัย!
ไคลน์เองก็สัมผัสได้ จึงมองไปยังทางเข้าตามสัญชาตญาณ
ที่นั่นมีคนสองคน หนึ่งสวมสูทหางยาว ผมสีน้ำตาลหวีเรียบ ดวงตาไม่ใหญ่แต่สดใส หนวดเคราหร็อมแหร็มรอบปาก มอบความรู้สึกของสุภาพบุรุษที่ไม่พิถีพิถัน ส่วนอีกคนสวมเสื้อคลุมปิดศีรษะซึ่งไม่ค่อยมีใครนิยมใส่ ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เงามืด ไม่มีใครมองเห็น
สุภาพบุรุษไม่พิถีพิถันกวาดสายตา คล้ายกับพึงพอใจในท่าทีตอบสนองของคนในร้าน มือข้างหนึ่งควงเหรียญเงินเล่น เดินตรงดิ่งมาหาเดอเนียร์ ชายสวมเสื้อคลุมหัวที่เดินตามมา หยิบบางสิ่งยัดใส่ปากตัวเอง เคี้ยวจนเกิดเสียง
สุภาพบุรุษไม่พิถีพิถันหยุดควงเหรียญและกล่าวกับเดอเนียร์ด้วยรอยยิ้ม
“เตรียมตั๋วเที่ยวพรุ่งนี้ให้ฉันสิบใบ ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ และต้องเป็นเรือที่แตกต่างกันสามลำ”
“ตกลงครับ มิสเตอร์โอเดล” เดอเนียร์ยืนขึ้นอย่างลนลาน รีบทำความเคารพ
ไคลน์มิได้สนใจสุภาพบุรุษที่ควงเหรียญเล่นในตอนแรก เพราะอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนมีค่าหัว แต่พอได้ยินเดอเนียร์เรียกว่า ‘โอเดล’ ชายหนุ่มเกิดความคุ้นเคยขึ้นมาทันที
ขณะกำลังจะนึกออก ชายสวมเสื้อคลุมหัวหยิบลูกอมสีน้ำตาลออกจากกระเป๋า โยนใส่ปาก กัดจนเกิดเสียงดัง
หลังจากได้รับคำตอบในเชิงบวก โอเดลไม่แช่นาน รีบเดินตรงไปยังบันไดท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดภายในร้าน ขึ้นไปยังชั้นสองของผับ
เดอเนียร์ถอนหายใจ เมื่อเห็นไคลน์เผยสีหน้างุนงง มันอธิบายอย่างเป็นกันเอง
“โอเดล… นักผจญภัยที่ทำงานให้กัปตันเรือ ‘รุ่งอรุณ’ ”
นึกออกแล้ว ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล! มักอวดอ้างว่าเป็นตัวแทนของราชินีเงื่อนงำ แต่ไม่มีใครยืนยันได้ เราสามารถนำเรื่องนี้ไปถามมาดามเฮอร์มิทในภายหลัง… ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินชื่อของชายคนนี้… ท่าเรือดาเมียร์สินะ… ดูเหมือนจะสนิทสนมกับ ‘เฒ่าควินน์’ ที่เป็นสายข่าวให้พลเรือเอกโลหิต แต่เฒ่าควินน์ถูกมิสเตอร์แฮงแมนฆ่าไปแล้ว… เมื่อเริ่มจดจำได้หลายเรื่อง ไคลน์ถามเข้าประเด็น
“แล้วอีกคนคือ?”
“ไม่รู้จัก” กล่าวจบ เดอเนียร์หันไปออกคำสั่งให้ลูกน้องเริ่มงาน เตรียมจัดการกับตั๋วเรือและบัตรประจำตัวปลอม