Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 725 : เช้าตรู่
เฝ้ามองมิสผู้ส่งสารหายตัวไป ไคลน์ครุ่นคิดเกี่ยวกับครึ่งเทพที่ตนสามารถติดต่อได้ในทันที แต่เค้นสมองนึกเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบ สมาธิจึงย้อนกลับมายังคำถามที่ว่า ตนควรทำอย่างไรต่อ
‘เสียงตามสายทั่วเมือง’ เมื่อครู่ต้องทำให้ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนออกตามหาเฮลโมซีนแน่ ขณะเดียวกันก็พยายามค้นหาร่องรอยของ ‘เทพสมุทร’ และสาวก… การออกไปไหนมาไหนยามค่ำคืนอาจทำให้ถูกพบตัว ดังนั้น เราทำได้แค่รออยู่ในห้องจนกระทั่งรุ่งสาง…
นอกจากนั้น เราโดยสารเรือเที่ยวพรุ่งนี้ไม่ได้ หากถูกโจมตีกลางทาง ผู้คนบนเรือคงไม่รอด นอกจากนั้น เรายังปกปิดตัวเองได้ไม่แนบเนียนพอ…
อา… คงต้องอัญเชิญสัตว์ทะเล ออกเดินทางด้วย ‘เรือวาฬ’ อาศัยเกาะร้างและหินใหญ่เป็นที่พักระหว่างทางจนกว่าจะถึงท่าเรือถัดไป… ‘แสงส้ม’ บอกว่าต้องเข้าใกล้พอสมควรจึงจะพบ ‘ร่องรอย’ ความพิเศษในตัวเรา… พิธีกรรมของสาวกมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายคงมีขอบเขตตรวจจับกว้างเท่าเมืองใหญ่ และน่าจะระบุตำแหน่งได้ละเอียดระดับบล็อกถนน… นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงถูกวางกับดักบนเกาะโอลาวี…
แค่ออกจากบายัมให้ได้ เราก็จะรอดพ้นจาก ‘สายตา’ ของหล่อน…
ขณะความคิดไคลน์กำลังสุขุม เครื่องรับโทรเลขเริ่มส่งข้อความใหม่!
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ รีบจดบันทึกเนื้อหาและแปลงรหัสด้วยคู่มือ
เพียงไม่นาน คำแปลจากสัญญาณโทรเลขถูกเขียนลงบนกระดาษขาวด้วยหมึกดำ
“ข้าเห็นเจ้า”
ข้าเห็นเจ้า… ไคลน์ทวนคำในใจ ร่างกายสั่นสะท้านเย็นเยียบ
…
บายัม ณ บ้านหลังหนึ่งที่ไม่ห่างจากอาคารสภาเมืองมากนัก
ภายในห้องใต้ดินขนาดใหญ่ เทียนไขกำลังเผาตัวเองอย่างเงียบงัน มอบแสงสว่างแก่ทุกสิ่งโดยรอบ
‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลถอดเสื้อคลุมหัว จ้องชายวัยกลางคนฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางสั่นกลัว กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง
“ท่านเซนอล ผมไม่ทราบว่าทำไมจุดซ่อนตัวที่แท้จริงของเฮลโมซีนถึงถูกเปิดเผย”
เซนอลสวมหมวกสามเหลี่ยมใบเก่า เบ้าตาจมลึก ผิวพรรณขาวซีดจนน่ากลัว คล้ายกับวิญญาณมารมากกว่ามนุษย์ มันยกมือขึ้นมาลูบเคราสีดำใต้ริมฝีปาก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องใบหน้าโอเดลด้วยความเย็นชา อีกฝ่ายทำได้เพียงก้มหน้าต่ำตามสัญชาตญาณ
จ้องหน้าบุรุษฝั่งตรงข้ามสักพัก ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล ผู้สวมกางเกงสีขาวและแจ็คเก็ตสีแดงกล่าวเสียงเย็น
“ไม่ถึงสามนาทีนับตั้งแต่โทรเลขถูกส่ง ข้อความได้กระจายไปทั่วเมือง และเนื้อหาคือสิ่งที่เขียนอยู่ในโทรเลข… ฉันกำลังสงสัยว่า ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไร้สายแล้ว และพวกมันได้รับคู่มือการถอดรหัสไปจากเฒ่าควินน์”
“ค…ครับ ต้องใช่แน่!” ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลรีบเห็นพ้อง หวังให้พลเรือเอกโลหิตไม่ถือโทษในเรื่องที่ตนเลินเล่อจนยอดนักวิทยาศาสตร์เฮลโมซีนหายตัวไป
มันรู้ดีว่าโจรสลัดป่าเถื่อนรายนี้ปฏิบัติต่อลูกน้องที่ก่อความผิดพลาดอย่างไร!
เซนอลชำเลืองโอเดล กล่าวเย้ยหยัน
“แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แกทำงานพลาด… หากไม่ใช่เพราะแกกับภรรยาเคยทำให้ฉันมีความสุข ป่านนี้คงถูกล้วงไส้ออกมาแล้ว!”
“ส่งโทรเลขซะ บอกกับคนที่แอบฟังไปว่า ข้าเห็นเจ้า ให้มันได้ลิ้มรสค่ำคืนอันหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความวิตก นั่นคือหน้าที่เดียวของแกในตอนนี้”
ได้ยินเช่นนั้น โอเดลแอบโล่งใจ ชำเลืองอย่างหวาดกลัวไปทางพลเรือเอกโลหิตและแท่นบูชาด้านหลังซึ่งเต็มไปด้วยเลือด ตอบกลับนอบน้อม
“ครับ ท่านเซนอล!”
จนถึงเมื่อครู่ มันนึกว่าตัวเองต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องสังเวยเสียแล้ว
รอจนกระทั่งโอเดลออกจากห้องใต้ดิน ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลหันหน้าไปทางแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยศีรษะมนุษย์ เครื่องใน แขนขา และเลือดสด จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
“ท่านอาวุโสแจ็คส์ พิธีกรรมสำเร็จไหมครับ”
“สำเร็จ เหลือแค่รอให้พระองค์ตอบสนอง” น้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์ดังมาจากผ้าม่านที่แขวนรอบแท่นบูชา
จากนั้น คล้ายกับผ้าม่านมีชีวิต ฝั่งซ้ายและขวาต่างม้วนเข้าหากัน มัดตัวเองเสร็จสรรพและตกลงมายังกึ่งกลางแท่นบูชา
ผ่านไปสักพัก ร่างกึ่งล่องหนปรากฏตัวใกล้แท่นบูชา ผิวสีแทน ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยร่องลึก ผมสีเทาแห้งกรอบคล้ายใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ราวกับมีชีวิตอยู่บนโลกมานาน
มันยืนจ้องแสงเทียนไขอย่างถ่อมตน ดวงตาสีน้ำตาลยังคงไร้ความเคลื่อนไหว
‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลไม่กล้าพูดอะไร เพียงยืนข้างอาวุโสแจ็คส์ เฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงของแท่นบูชา
ทันใดนั้น เปลวไฟเทียนไขพลันถูกฉาบด้วยแสงหลากสี คล้ายกับแต่ละสีคือตัวแทนความปรารถนาในใจผู้เฝ้ามอง
ศีรษะ เครื่องใน แขนขา และเลือดสดบนแท่นบูชาเริ่มขยับได้เองโดยไม่ต้องมีลมช่วย ซ้อนทับกันหลายชั้นด้านหน้าเทียนไขที่กำลังละลาย
ถัดมาไม่นาน พวกมันก่อตัวกันเป็นต้นไม้เลือดเนื้อที่ไม่สูงนัก ผิวตะปุ่มตะป่ำเหมือนเปลือกวอลนัท
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ภายในต้นไม้เลือดเนื้อ เสียงคล้ายหัวใจเต้นคำรามออกมาอย่างทรงพลัง
เมื่อเซนอลเริ่มทนเสียงไม่ไหว ต้นไม้เลือดเนื้อพลันเหี่ยวเฉา สลายเป็นกองโคลนแพร่กระจาย
ในจุดเดิม เหลืองเพียงลูกบอลสีเนื้อเปียกๆ เหนียวข้น
ทันใดนั้น แขนขาและศีรษะงอกออกจากลูกบอล กลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ขนาดเท่าฝ่ามือ
ไม่มีดวงตา ไม่มีใบหน้า ไม่จมูก แต่มีหนึ่งช่องว่างคล้ายปาก
ปากของมันพ่นหมอกสีเทา สลับกับสูดเข้าไป หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง
ชายชรานามว่าแจ็คส์ท่องคำว่า ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ซ้ำไปมาด้วยสีหน้าเปี่ยมศรัทธา ก่อนจะเหยียดแขนออกไปจับสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด
เทียนไขทั้งหมดดับสนิทอย่างเงียบงัน แต่ด้วยเนตรมองกลางคืนของ ‘วิญญาณอาฆาต’ สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น
‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลที่ยืนมองแจ็คส์ ได้ยินอาวุโสคนดังกล่าวเปล่งเสียงแผ่ว
“เพื่อพิธีกรรมคราวนี้ พวกเราใช้เวลาเตรียมการนานมาก… พรของพระองค์จะทำให้เราสามารถสัมผัสถึงตัวตนของเป้าหมายได้เป็นระยะทางไกล… จากนั้น พวกเราจะตามหามันด้วยแว่นตาที่สร้างจากคนของโรงเรียนชีวิต!”
ขณะกล่าว แจ็คส์นำแว่นตาขาเดียวออกจากกระเป๋า ภายนอกดูไม่แตกต่างจากแว่นปรกติ แต่จะส่องแสงสีขาวในความมืด
“ท่านอาวุโสแจ็คส์ พวกเราต้องทำยังไงต่อ?” เซนอลถามด้วยความเคารพ
แจ็คส์ เจ้าของริ้วรอยเหี่ยวย่น ครุ่นคิดสักพัก
“รุ่งสางเมื่อไร จงออกไปตามหาเป้าหมาย… หากเจ้านั่นมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือ พวกเราจะจับตามองโดยรักษาระยะห่าง ป้องกันไม่ให้เป้าหมายออกห่างจากรัศมีการตรวจจับ รอจนกว่าท่านอาวุโสเซียอาจะมาถึง… แต่ถ้าไม่มีคนคุ้มกัน ลำพังเจ้านั่นถือว่าอ่อนแอมาก พวกเราจะลงมือทันที”
ในวินาทีที่ได้ยินคำว่าเซียอา หน้าผาก ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอลพลันกระตุกรุนแรง ลำพังนามของบุคคลดังกล่าว ยิ่งใหญ่พอจะทำให้มันหวาดกลัว
เซนอลสูดลมหายใจ
“รับทราบครับ ท่านอาวุโสแจ็คส์”
หลังจากมอบคำตอบ เซนอลเลื่อนมือไปสัมผัสสร้อยคอที่หน้าอกตามสัญชาตญาณ
สร้อยเส้นดังกล่าวทำจากเงินแท้ จี้ห้อยเป็นเหรียญเก่าแก่
…
ไคลน์ที่ถูกโทรเลขทำให้หวาดกลัว แทบไม่ได้นอนหลังจากเที่ยงคืน จนกระทั่งรุ่งสางจึงค่อยสังเวยกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสตางค์ และเงินสดเกือบทั้งหมดเข้าไปในมิติหมอก
จัดการเสร็จ ชายหนุ่มเดินลงไปยังแผนกต้อนรับเพื่อเช็กเอาต์ นั่งรถม้าไปยังสุดขอบเมืองบายัม เดินเท้าออกจากเมืองและตรงขึ้นเขา คล้ายกับเตรียมมุ่งหน้าไปยังสุสานสำหรับชนพื้นเมือง
เดินไปได้ครึ่งทาง ไคลน์หักเลี้ยวเข้าไปในป่า ปลายทางคือสุดขอบหน้าผาสูง ที่นั่นมีสัตว์ทะเลขนาดใหญ่กำลังรออยู่ด้านล่าง!
ท่ามกลางฝูงนกและแมลงยั้วเยี้ย ไคลน์เดินไปบนดินร่วนด้วยความเร็วสูงโดยมีสัตว์เล็กๆ วิ่งผ่านหน้าเป็นระยะ
ระหว่างทาง ชายหนุ่มเห็นเห็ดที่โตหลังฝน เห็นเสื้อผ้าเก่าฉีกขาดและขยะอื่นๆ ที่ชนพื้นเมืองเหลือทิ้งไว้หลังจากปิกนิก ธรรมชาติรอบตัวกำลังสงบสุข ผสานกับกลิ่นอากาศสดใสของยามเช้า
ใบไม้ใบหนึ่งร่วงหล่นตรงหน้า แต่ไคลน์ไม่หยุดเดิน ทำเพียงโยกตัวหลบ
ทันใดนั้น ความเร็วของใบไม้เพิ่มขึ้นกะทันหัน แถมยังหักเลี้ยวกลางอากาศอย่างผิดธรรมชาติ อุดปากและจมูกของชายหนุ่มแนบแน่น
ขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ ปิดช่องทางการหายใจโดยสมบูรณ์
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
กิ่งไม้ร่วงหล่นจากด้านบน พุ่งเข้าหาไคลน์ประหนึ่งศรคม
แม้แต่ขยะกับกระดาษบนพื้นก็ยังคล้ายกับมีชีวิต รวมตัวกันในลักษณะตาข่ายและ ‘ขว้าง’ ตัวเองมาทางไคลน์
………………………………………………….