Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 794 : การลงทุนระยะสั้น
ใครบางคนอยากขายหุ้น? ไคลน์ทวนประโยคซ้ำ ไม่ได้ถามกลับไปทันที รอจนกระทั่งสาวใช้เดินเข้ามาวางถาดน้ำชายามบ่ายสามชั้นและกลับออกไป จากนั้นจึงค่อยยิ้ม
“มาดาม ทำไมคุณถึงไม่ซื้อเอง? แม้แต่คนตาบอดก็ยังทราบว่า อาณาจักรโลเอ็นกำลังมุ่งความสนใจไปที่สภาพอากาศ ดังนั้น บริษัทโคอิมซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตแอนทราไซต์และถ่านหินคุณภาพสูง จะต้องมีอนาคตที่สดใสมาก มูลค่าบริษัทสามารถพุ่งขึ้นไปเป็นห้าแสนปอนด์ หรืออาจมากถึงหนึ่งล้านปอนด์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน… แน่นอน นั่นอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า บริษัทยังคงรักษาอัตราการขยายตัวไว้ได้… ในสถานการณ์แบบนี้ หุ้นของบริษัทโคอิมจะทำกำไรอย่างแน่นอน ถ้าผมเป็นคุณ ต่อให้ต้องเป็นหนี้ท่วมหัว ก็จะซื้อเก็บไว้เองให้ได้”
แมรี่เหยียดสองนิ้ว หยิบแซนด์วิชแตงกวาจากชั้นล่างสุดของถาดสีเงิน กัดหนึ่งคำ เคี้ยวเชื่องช้า กลืนลงท้อง
จากนั้น เธอเรียบเรียงคำพูด
“นับตั้งแต่ร่างกฎหมายควบคุมสภาพอากาศคลอดออกมา บริษัทโคอิมได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้ถือหุ้นเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ … คุณเองก็คงทราบ พวกหิวเงินมักมีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมในด้านนี้ และมักมีคนใหญ่คนโตคอยอยู่เบื้องหลังเสมอ… ถ้าดิฉันไม่ใช่คณะกรรมการสืบสวนสภาพอากาศแห่งชาติ และอาศัยตำแหน่งดังกล่าวเข้าใกล้ขุนนางกับข้าราชการระดับสูงมากมาย ป่านนี้คงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพวกมัน จำต้องขายหุ้นในราคาที่ค่อนข้างสูง ได้รับเงินก้อนโต และออกจากเวที… แต่ถึงจะมีตำแหน่งช่วยเกื้อหนุน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น หุ้นจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลมารวมกันในจุดจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว… ฉันใกล้จะสูญเสียตำแหน่งผู้ถือหุ้นใหญ่ กำลังจะสูญเสียอำนาจในการปกครองบริษัท… บริษัทโคอิมคือมรดกที่ท่านพ่อเหลือทิ้งไว้ ฉันไม่ต้องการให้มันเป็นของเล่นของใคร และหวังว่าบริษัทจะค่อยๆ ช่วยผลักดังกรุงเบ็คลันด์ หรือแม้กระทั่งอาณาจักรโลเอ็น ด้วยการผลิตแอนทราไซต์และถ่านหินคุณภาพสูง ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมสะอาด… หึหึ… ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่พยายาม ยอมลงทุนถึงขั้นนำอสังหาริมทรัพย์ไปจำนอง ทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อแอบซื้อหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์อย่างลับๆ และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ไว้ใจได้ ช่วยจัดหาหุ้นให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ดิฉันเคยมี ปัจจุบันจึงกำลังถือครองหุ้นทั้งหมดสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์… จนกระทั่งไม่นานมานี้ ผู้ถือหุ้นเล็กๆ คนหนึ่งต้องการขายหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ที่เขาครอบครอง แต่ฉันและเพื่อนยังไม่มีเงินมากพอจะซื้อ”
สงครามทางการเงินสินะ… ไคลน์ที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ของผู้วิเศษ เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงเกิดความรู้สึกแปลกใหม่
ชายหนุ่มเหยียดแขน หยิบแซนด์วิชแฮมคุณภาพสูงจากชั้นล่างสุดของถาดสีเงินสามชั้น เคี้ยวพลางครุ่นคิดราวสิบวินาที
“ทำไมคุณถึงไม่เอาหุ้นของตัวเองไปจำนำก่อน?”
“สายไปแล้ว… อีกฝ่ายเสนอราคาเรียบร้อย พร้อมชำระเงินทุกเมื่อ” แมรี่เคี้ยวอาหารที่เหลือในมือ
ไคลน์เอนหลังพิงโซฟา กล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“แล้วทำไมคุณถึงมาหาผม?”
ได้ยินคำถามดังกล่าว แมรี่เผยสีหน้าโล่งใจ
“ประการแรก เนื่องจากเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเบ็คลันด์ คุณน่าจะมีเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องกู้ยืมหรือจำนองทรัพย์สิน ประการที่สอง คุณยังไม่ได้ผูกมิตรหรือเป็นศัตรูกับใคร นี่คือข้อได้เปรียบที่คนอื่นไม่มี นั่นหมายถึง ดิฉันต้องไม่กังวลว่าคุณจะละเมิดข้อตกลงที่พวกเราทำสัญญากัน เพราะต่อให้คุณคิดจะทำ ก็คงเกิดความกังวลเมื่อต้องสู้กันในชั้นศาล… ประการที่สาม แม้ว่าเราเพิ่งเคยพบกันแค่ครั้งเดียว แต่ดิฉันเชื่อว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและเฉลียวฉลาด”
เขินเหมือนกันแฮะ… แต่สิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การวางตัวของดอน·ดันเตสที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ขั้นต้นของการสร้างตัวตน เพราะอย่างน้อยทุกคนก็มองว่า สุภาพบุรุษวัยกลางคนรายนี้มีประสบการณ์และความสามารถ มีเงินสดในมือ เพียงแค่ยังไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไร… อา ตอนนี้เรามีเงินสดทั้งสิ้น 16,943 ปอนด์ รวมกับที่มิสเมจิกเชี่ยนติดค้างอีกห้าพันปอนด์ ไม่สิ หกพันปอนด์ เมื่อรวมกับสี่สิบแปดปอนด์ที่ได้จากมิสเตอร์ X… เราจะมีเงินสดทั้งสิ้น 22,991 ปอนด์และอีกห้าเหรียญทอง ถึงจะหัก 5,987 ปอนด์ที่กำลังติดค้างมิสผู้ส่งสารออกไป ด้วยเงินสดระดับนี้ เราคือเศรษฐีตัวจริงเสียงจริง… ผู้คนมากมายที่ครอบครองทรัพย์สินหลักหนึ่งแสนปอนด์ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ถือเงินสดไว้มากเท่าเรา… ไคลน์นั่งคำนวณเงินสด ซักถามกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“มาดาม คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
แมรี่จิบชาดำหนึ่งคำ ซักถามนุ่มนวล
“ซื้อหุ้นสามเปอร์เซ็นต์… แต่ก่อนหน้านั้น ดิฉันจะทำสัญญากับคุณสองฉบับ ฉบับแรกเป็นสัญญาที่ระบุว่า เมื่อผ่านไปสามเดือน คุณต้องขายหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวกลับคืนมา โดยจะใช้การคำนวณราคาในจุดสูงสุด ณ ขณะนั้น ดิฉันจะเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายด้านภาษีให้ทั้งหมด… ฉบับที่สองจะเป็นสัญญา ‘ความร่วมมือ’ … ดิฉันจะแต่งตั้งให้คุณเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทโคอิม ดื่มด่ำไปกับสิทธิประโยชน์มากมาย เฝ้ามองการเจริญเติบโตของบริษัท และช่วยให้คุณเข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงได้ง่ายขึ้น”
เท่าฟังดู เรามีแต่ได้กับได้… คล้ายกับเราเป็นฝ่ายให้เธอกู้เงิน มาดามแมรี่จะคืนเงินกลับมาพร้อมดอกเบี้ย แถมยังมอบโอกาสในการเข้าสังคมชนชั้นสูง… และเมื่อเทียบกับสัญญาการกู้ยืมตามปรกติ อย่างน้อยเราก็มีหุ้นของบริษัทคุณภาพสูงในมือ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะบิดพลิ้ว เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เธอยังเป็นแค่คนแปลกหน้า… อา สัญญาฉบับนี้นับว่าวิเศษมาก หากไม่เกิดปัญหาใดขึ้นกับบริษัทโคอิม… หึหึ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ตั้งเราเป็นคณะกรรมการบริหาร… ไคลน์วิเคราะห์เงื่อนไขที่มาดามแมรี่มอบให้ เอนเอียงไปทางสนใจ
ตามความคิดของชายหนุ่ม ดอน·ดันเตสจำเป็นต้องสนใจในการลงทุน ไม่อย่างนั้นอาจตกเป็นเป้าสงสัย แต่ปัญหาคือ ตนควรเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมประเภทใด? นี่คือคำถามสำคัญที่ต้องขบคิดให้ดี เพราะดอน·ดันเตสคือบุคคลที่เตรียมจะทิ้งเบ็คลันด์ตลอดเวลา
เมื่อถึงตอนนั้น… เงินสดอาจนำติดตัวไปได้ แต่กับหุ้นคงหมดสิทธิ์ การลงทุนระยะสั้นของมาดามแมรี่จึงสอดคล้องกับจุดประสงค์ของเรา และบางที หุ้นตัวนี้อาจทำกำไรก้อนใหญ่… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก เผยรอยยิ้มอ่อนโยน
“การช่วยสุภาพสตรีแก้ปัญหาคืองานของผมอยู่แล้ว”
มาดามแมรี่เผยสีหน้าโล่งใจ ขณะเตรียมพูดบางสิ่ง เธอได้ยินดอน·ดันเตสกล่าวต่อ น้ำเสียงชวนให้หลงใหล
“แต่ว่า ผมมีนิสัยไม่ประมาทในทุกการลงทุน… คงต้องจ้างนักกฎหมายและทีมบัญชีขึ้นมาตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทโคอิมให้แน่ใจเสียก่อน เร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว หากไม่มีปัญหา พวกเราจะได้ร่วมมือกัน”
นอกจากนั้น ผมจะทำนายยืนยันเพิ่มเติม… ไคลน์เสริมในใจ
“ไม่มีปัญหา” มาดามแมรี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดิฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวเอง”
ไคลน์ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าและพูดต่อ
“หุ้นสามเปอร์เซ็นต์มีมูลค่ารวมเท่าไร?”
“ราคาประเมินอยู่ที่เก้าพันหกร้อยปอนด์ แต่ผู้ขายเชื่อว่า บริษัทโคอิมมีอนาคตไกล ราคาจึงควรจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์” มาดามแมรี่ลงลึกรายละเอียด
ฟู่ว… ไคลน์ยิ้มอย่างใจเย็น
“ตกลง”
ดอน·ดันเตสร่ำรวยอย่างที่คิด… มาดามแมรี่รำพัน ถือโอกาสชักชวน
“ดอน… ไม่ทราบว่า พรุ่งนี้คุณว่างแวะไปที่บริษัทโคอิมกับดิฉันไหม?”
“กำลังต้องการอยู่พอดี” ไคลน์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกัน มันฉุกคิดได้เรื่องหนึ่ง : สามีของอดีตเจ้าของบ้าน สตาร์ลิ่ง·ซาร์เมอร์ น่าจะยังเป็นผู้จัดการอยู่ที่บริษัทโคอิม!
เจอคนรู้จักอีกแล้ว… แต่แปลกหน้าสำหรับดอน·ดันเตส… ไคลน์รำพันเจือความเศร้า
…
สองทุ่มตรง บนถนนขาเข้าเขตตะวันออก ผู้คนยังคงพลุกพล่าน ใบหน้าอิดโรยชัดเจน
เป็นเช่นนี้ไปจนถึงเกือบสี่ทุ่ม
เอ็มลิน·ไวท์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดคนงานสีเทาน้ำเงิน สวมหมวกแก๊ป หลบซ่อนในตรอกมืดย่านสะพานเบ็คลันด์ คอยจับตามองกลุ่มชนชั้นล่างเดินผ่านไปผ่านมา
แม้ว่ามันจะไม่มีประสบการณ์การปลอมตัว แต่อย่างน้อยก็มีตาและสมอง เพียงสำรวจสักพัก เอ็มลินพบว่าการแต่งกายของตนมีปัญหา
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อเทียบกับคนจนซึ่งมีเสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่ง ชุดทำงานที่เพิ่งซื้อในช่วงบ่ายทั้งใหม่และสะอาดเกินไป ดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างอย่างมาก
เอ็มลินครุ่นคิดสักพัก เดินกลับเข้าไปในตรอกมืด เหยียดนิ้วออกมา อาศัยภาพที่สังเกตเห็นจากคนอื่น กระชากเสื้อผ้าของตนในจุดที่ฉีกง่ายได้ง่าย
จากนั้น มันมองไปรอบตัว กล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน เอ็มลินเดินมาที่กำแพง หลับตาลง ถูไถเสื้อผ้าและกางเกงเข้ากับสิ่งสกปรก
กลิ่นเขม่า… กลิ่นเหม็นเน่า… กลิ่นขี้ กลิ่นเยี่ยว… เอ็มลินเหยียดฝ่ามือออก ปิดปาก แทบอาเจียนออกมา
ในวินาทีนี้ มันได้ตระหนักว่า การมีประสาทสัมผัสรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
หลังจากจมอยู่กับความทุกข์สักพัก ในที่สุดเอ็มลินก็ปลอมตัวเสร็จ แม้แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่า
ด้วยสภาพดังกล่าว มันงอหลังเล็กน้อย เดิมตามฝูงชน ก้าวเข้าสู่เขตตะวันออกอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นที่เตะตา
ขณะเดิน เอ็มลินเริ่มพบปัญหา
นั่นก็คือ มันไม่รู้เส้นทาง!
มันไม่ทราบว่า ถนนหินปูนและถนนวาฬขาวตั้งอยู่แถวไหนในเขตตะวันออก ป้ายบอกทางส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจนหมดสภาพ
ภารกิจลอบสังหารช่างวุ่นวาย… เอ็มลินพึมพำ เตรียมถามใครสักคนเพื่อขอเส้นทาง
หลังจากพยายามกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงถนนหินปูน สภาพถนนค่อนข้างคับแคบ อาคารสองฝั่งถนนอยู่ใกล้กันมาก แม้ในยามกลางวัน บรรยากาศยังค่อนข้างมืด ตกกลางคืนยิ่งน่ากลัวและสยองขวัญ แต่สำหรับผีดูดเลือด สภาพแวดล้อมเช่นนี้ค่อนข้างเป็นมิตร ปัญหาเดียวก็คือ สภาพแวดล้อมสกปรกและยุ่งเหยิงเกินไป
หลังจากฉีดสารกำจัดกลิ่น เอ็มลินเดินเข้าไปในอาคารหมายเลข 6 ตรงขึ้นชั้นสาม บีบจมูกและเดินไปทางห้องน้ำรวม จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของอาร์กอส สาวกดวงจันทร์บรรพกาล
เอ็มลินเงี่ยหูฟัง คลายนิ้วที่กำลังบีบจมูกด้วยสีหน้าฉงน
ทันใดนั้น มันเกือบจะหมดสติไปเพราะกลิ่นเหม็นบรรลัยจากห้องน้ำรวม ต้องทำใจอยู่นาน กว่าจะหันมาจดจ่อสมาธิกับห้องพักของอาร์กอสได้อีกครั้ง
สัมผัสการดมกลิ่นได้บอกกับมันว่า ข้างในไม่มีใคร ไม่มีแม้กระทั่งซากศพ
ย้ายออกไปแล้ว? หรือยังไม่กลับมา? เอ็มลินพึมพำด้วยสีหน้างุนงง
มันคาดไม่ถึงว่า การล่าจะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
หลังจากสงบสติ เอ็มลินเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ ตรงไปยังอาคารหมายเลข 19 ถนนวาฬขาว
ในคราวนี้ มันโล่งใจเมื่อพบว่า ภายในห้องมีคน และไม่ใช่ใครนอกจากกาลิส·เควิน
ทว่า เอ็มลินยังได้กลิ่นอีกหนึ่งคน คล้ายคลึงกับกลิ่นในห้องของอาร์กอสบนถนนหินปูนมาก
สองคน… ในห้องมีสองคน! อาร์กอสไม่อยู่บ้านเพราะมาหากาลิส·เควิน… ศัตรูสองคน… สีหน้าเอ็มลินพลันหม่นหมอง
หากเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง มันไม่กังวลเลยสักนิด แต่ถ้าเป็นสถานการณ์สองรุมหนึ่ง ถึงจะมีบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ เอ็มลินก็ยังค่อนข้างประหม่า เพราะท้ายที่สุด เป้าหมายคือแวมไพร์เทียมสองตน ฝีมือย่อมไม่ธรรมดา!
………………………………………….