Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 824 : กระแทก
ได้จากลิงบาบูนขนหยิก… ออเดรย์ไม่แน่ใจว่ามิสเตอร์เวิร์ลหมายถึงลิงบาบูนขนหยิกจริงๆ หรือเปรียบเปรยว่าเป็นคนโง่
ในอาณาจักรโลเอ็น ลิงบาบูนขนหยิกมักถูกใช้เพื่อล้อเลียนผู้อื่น เป็นมุกตลกเกี่ยวกับสติปัญญา
จากที่เห็น มิสเตอร์เวิร์ลมิได้อธิบายเพิ่มเติม ตีความได้ว่าเป็นลิงบาบูนขนหยิกตัวจริง… ออเดรย์ไม่ถามต่อ หันไปพูด
“ถ้าเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีประเพณีบูชามังกร จะได้พบร่องรอยของมังกรจิตหรือไม่?”
“ไม่ใช่ว่าคุณเคยพบมังกรจิตในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของชาวบ้านแล้วหรือ? จำได้ว่า ครั้งนั้นคุณตัดสินใจหนีกลับเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง” แคทลียาตอบ
“คุณย้อนกลับไป?” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สคาดเดา
‘จัสติส’ ออเดรย์ส่ายหน้า
“เปล่า… ฉันอยู่ไกลจากที่นั่นมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้ยินข่าวลือ… ทีมนักโบราณคดีเข้าไปสำรวจหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกใกล้เคียง สมาชิกคนหนึ่งเกิดเสียสติในเวลากลางคืน และดูเหมือนอาการเช่นนี้จะเป็นโรคติดต่อ สมาชิกคนที่เหลือเริ่มเสียสติตามไป บ้างเข่นฆ่ากันเอง บ้างฆ่าตัวตาย สุดท้ายไม่มีใครรอดชีวิต”
ขณะแฮงแมนเตรียมตอบ เฮอร์มิทชิงพูดตัดหน้า
“สอดคล้องกับลักษณะของมังกรจิต”
“ดิฉันไม่สงสัยเรื่องนั้น แต่อยากทราบว่ามังกรจิตยังอยู่ในพื้นที่ละแวกดังกล่าวหรือไม่” ออเดรย์แสดงความเห็น
“ไม่” แฮงแมนและเฮอร์มิทตอบพร้อมกัน
ไคลน์ในนาม ‘เดอะฟูล’ ที่อยู่สุดขอบโต๊ะทองแดงยาว กำลังคิดอีกอย่าง
‘หลักยึดเหนี่ยว’ ของเทพ!
มันเชื่อว่าประเพณีบูชามังกรในแถบนั้น เครื่องยึดเหนี่ยวที่ช่วยให้สติของมังกรจิตอยู่ในสถานะมั่นคง!
ก่อนที่ประเพณีดังกล่าวจะสูญหายไปอย่างสมบูรณ์ มังกรจิตตัวนั้นก็ไม่ต้องกังวลกับ ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ไปอีกพักใหญ่ สามารถออกจากหมู่บ้านไปและหลบซ่อนอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของเขตใหม่ ครอบงำผู้คนให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ส่งผลให้โบสถ์หลักยากจะตามหาตัว เพราะท้ายที่สุด พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตของจิตใจ และถึงแม้จะครอบครองสมบัติปิดผนึกที่สอดคล้องกัน อย่างมากก็ช่วยให้เข้าไปสำรวจในทะเลจิตใต้สำนึกรวมเพื่อต่อสู้หรือขับไล่มังกรจิตออกจากเขตดังกล่าว… แต่ในทางกลับกัน สมาคมแปรจิตมีข้อมูลมากกว่านั้น… ไคลน์ครุ่นคิดอย่างผ่อนคลาย บังคับให้เดอะเวิร์ลพูด
“ประเพณีบูชามังกรจะช่วยให้สติของมังกรจิตมั่นคงขึ้น… คุณสามารถบอกให้คนของตัวเองจดจำหลักการนี้ไว้ หากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นวงกว้างในพื้นที่ใหม่ ให้เดาไว้ก่อนว่ามังกรจิตพยายามสร้างอิทธิพลและเปลี่ยนความเชื่อของชาวบ้าน”
ใจจริง มันอยากจะเสริมว่ามังกรจิตตนดังกล่าวน่าจะเป็นเทวทูตลำดับ 2 ของเส้นทาง แต่หลังจากไตร่ตรอง ไคลน์พบว่าตนไม่มีหลักฐานยืนยัน
ในกรณีของมนุษย์ หลักยึดเหนี่ยวจะจำเป็นก็ต่อเมื่อก้าวไปถึงลำดับ 2 มีไว้รักษาสภาพจิตใจและหลีกเลี่ยงความบ้าคลั่ง แต่นี่เป็นมังกรตัวจริง สัตว์วิเศษโบราณที่เคยใช้ชีวิตด้วยสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แม้จะถูกทำให้เจือจางลงจากรุ่นสู่รุ่น แต่โอกาสคลุ้มคลั่งก็ยังง่ายกว่ามนุษย์ ดังนั้น แค่ลำดับ 3 หรือ 4 ก็อาจต้องพึ่งพาหลักยึดเหนี่ยว
“ประเพณีเช่นนั้นช่วยให้สติของมังกรมั่นคงมากขึ้น?” ออเดรย์ถามด้วยความสับสน
“ถูกต้อง” เดอะเวิร์ลมิได้อธิบาย เพียงยืนยันคำตอบ
ออเดรย์หันหน้าไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวโดยไม่รู้ตัว ครุ่นคิดว่าควรถามมิสเตอร์ฟูลหรือไม่ แลกกับราคาที่จ่ายไหว
‘เดอะฟูล’ ไคลน์เห็นดังนั้นจึงมองไปรอบๆ พลางหัวเราะในลำคอ
“พวกเจ้าคิดว่า… เหตุใดเทพถึงต้องเผยแผ่ศาสนาและความเชื่อ?”
นี่มัน… ไม่ใช่เพราะว่าเทพรักมนุษย์หรอกหรือ? ‘จัสติส’ ออเดรย์ผุดคำตอบตามแบบฉบับสาวกเคร่งศาสนา
ถัดจากนั้น ทั้งเธอ แฮงแมน เฮอร์มิท และสมาชิกที่เหลือ ต่างผุดคำตอบที่สอง
ทำให้สติมั่นคง!
บ้าน่า… ถึงตรงนี้ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สรู้สึกว่าตนหัวไม่ไวพอ ไม่ว่าจะพยายามเชื่อมโยงสักเท่าไร ก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้!
แบบนี้นี่เอง… ไม่สิ บางทีมิสเตอร์ฟูลอาจพูดถึง ‘หนึ่งใน’ หลายๆ สาเหตุของการเผยแผ่ความเชื่อ… ท่านกำลังแอบกัดกร่อนอำนาจของเทพวายุสลาตันอย่างลับๆ … นี่ก็เกี่ยวข้องกับบารมีของเทพ? ไว้เราค่อยกลับไปถามองค์ราชินี… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดันแว่นเลนส์หนาที่ดั้งพลางคาดเดา
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่เคยเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว มันไม่หวั่นไหวหรือหวาดกลัว แต่ครุ่นคิดหาเหตุผลที่ทำให้สัตว์วิเศษครึ่งเทพสามารถรักษา ‘สติ’ ได้ด้วยความเชื่อ
สมาชิกคนที่เหลืออย่าง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ออกท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย คล้ายกับได้ยินบางสิ่งที่ลบหลู่เทพเข้า ไม่กล้าใคร่ครวญไปมากกว่านี้
เรื่องนี้มิได้หมายถึงเทพมารอย่าง ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เพียงฝ่ายเดียว แต่รวมไปถึงเจ็ดเทพจารีตและพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ!
‘เดอะฟูล’ ไคลน์ไม่พูดต่อ เพียงทำท่าทางผ่อนคลายขณะทุกคนใบ้กิน
ผ่านไปรวมสิบวินาที ‘จัสติส’ ออเดรย์ยิ้มขื่นขมและกล่าว
“สิ่งที่ดิฉันจะเล่ามีแค่นี้”
ความนัยแฝงก็คือ ถึงตาของพวกคุณบ้างแล้ว!
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินไม่มีข้อมูลสำคัญจะเล่าให้สมาชิกคนอื่นฟัง จึงส่ายหน้าพร้อมกัน
แน่นอน ฝ่ายหลังต้องการอวดในเรื่องที่ ตนคือผู้ชนะในการแข่งล่าของตระกูล ได้รับแหวนจากบรรพบุรุษ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจปิดปากเงียบ
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ไตร่ตรองสักพัก มองหน้า ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์และพูด
“ภาพนั้น… แบ่งให้ทุกคนดูได้ไหม?”
มันเชื่อว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านยามบ่ายและวังราชาคนยักษ์ การแจ้งให้ ‘เดอะซัน’ ทราบล่วงหน้าก็เพื่อปรับสภาพจิตใจ ในอนาคตอาจต้องพบอะไรทำนองนี้อีกมาก และเตรียมรับมือกับอันตรายที่คาดไม่ถึง ดังนั้น การแบ่งปันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเก็บไว้ตามลำพัง
“ไม่ถือสา” ไคลน์เองก็คิดแบบเดียวกัน จึงบังคับให้เดอะเวิร์ลตอบ
ภาพอะไร… ดูเหมือนว่าจะสำคัญมาก… นี่คือผลพลอยได้จากความร่วมมือระหว่างมิสเตอร์แฮงแมนกับมิสเตอร์เวิร์ล? ระหว่างกำลังตามหาไพ่ทรราช พวกเขาบังเอิญไปเจอภาพหนึ่งเข้า? ‘จัสติส’ ออเดรย์รอยชมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หันไปมองสักพัก ‘แฮงแมน’ ได้รับอนุญาตจากเดอะฟูล แสดงภาพที่เหล่าราชาเทวทูตกำลังแยกพระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์ออกเป็นหลายส่วน
ภาพอันนองเลือด ชั่วร้าย สยองขวัญ และมืดหม่น ส่งผลให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างตกตะลึง แม้แต่คนที่เยือกเย็นและมีความรู้มากที่สุดอย่างเฮอร์มิทก็ยังสมองขาวโพลนชั่วคราว
พวกเขาเป็นใคร กำลังทำอะไร และวิธีการกินแบบนี้ไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือ? แม้แต่ตระกูลผีดูดเลือดก็ยังล้มเลิกพฤติกรรมเช่นนี้มาตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่… เคารพทุกชีวิต ดื่มแค่เลือดสด… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินดูสับสนกว่าใคร เนื่องจากไม่เคยเห็นเทวรูปหกเทพจารีตในซากปรักหักพังใต้กรุงเบ็คลันด์ ไม่ทราบว่าทั้งสามคนในรูปหมายถึงใคร
ย้อนกลับไปในตอนที่เดอะเวิร์ลฉายภาพเทวรูปให้ทุกคนรับชม มันยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของชุมนุมทาโรต์
อย่างไรก็ตาม มันจำกางเขนที่หรูหราของเหยื่อซึ่งถูกกินในภาพได้ เดาว่าคงหมายถึงพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถืออย่างเทพสุริยันบรรพกาล เพราะในการชุมนุมครั้งก่อนๆ ‘เดอะซัน’ เคยอธิบายเกี่ยวกับตราศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
น…นี่มัน เทพสุริยันเจิดจรัส วายุสลาตัน และเทพปัญญาความรู้ที่มิสเตอร์เวิร์ลให้ฉายให้ดูไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงกำลังกิน— ไม่สิ กำลังแบ่งปันเทพสุริยันบรรพกาล พระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ! ออเดรย์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เชื่อโดยสัญชาตญาณว่ามีใครบางคนพยายามใส่ร้ายเหล่าเทพจารีต
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็มองว่าภาพที่เต็มไปด้วยความมืดหม่นและชั่วร้ายนี้ มีคุณค่าทางศิลปะสูงมาก
ภายในใจหญิงสาวตั้งชื่อภาพเสร็จสรรพทันที
พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย!
‘เฮอร์มิท’ แคทลียายังไม่เคยเห็นเทวรูปของหกเทพ รู้จักเพียงเทพสุริยันบรรพกาล จึงขมวดคิ้วและโพล่งขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
“ราชาเทวทูต?”
“ถูกต้อง อย่างน้อยก็สามพระองค์” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ยืนยัน แต่มันยังไม่แน่ใจว่าทารกผิดเข้มที่นั่งในท้องของพระผู้สร้างหมายถึงใคร
กล่าวจบ อัลเจอร์มองไปทาง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคด้านข้าง พบว่าแววตาของเด็กหนุ่มหมองลงทันที ไม่มีใครทราบว่ากำลังคิดสิ่งใด
ณ ตอนนี้ เด็กหนุ่มหัวใจเด็กหนุ่มกำลังปั่นป่วนและสิ้นหวัง
มันเชื่อว่าผู้ที่ถูกกินคือพระผู้สร้างที่ชาวเงินพิสุทธิ์นับถือ และยังจำได้ บุคคลทั้งสามรอบๆ ประกอบด้วย ‘สุริยันเจิดจรัส’ ‘วายุสลาตัน’ และ ‘เทพปัญญาความรู้’ !
สิ่งนี้ทำให้มันเริ่มคาใจเกี่ยวกับวลี ‘ดินแดนเทพทอดทิ้ง’
จากบันทึกของเมืองเงินพิสุทธิ์ ทุกเอกสารระบุตรงกันว่า พระองค์ทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้ด้วยเหตุผลบางประการ ปล่อยให้ประชาชนกลายเป็นพลเมืองแห่งความมืด ดังนั้น ทุกคนต้องสำนึกผิดจากก้นบึ้ง สวดวิงวอนของการประทานอภัย แล้วสักวัน พระองค์จะกลับมาอีกครั้ง เปรียบดังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงไปทั่วโลก
ผิดแล้ว… ไม่ว่าจะสวดวิงวอนสักเท่าไร สำนึกผิดมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวันนำพระผู้สร้างกลับมาได้… เดอร์ริคพึมพำกับตัวเอง
นั่นเพราะพระองค์ตายไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับมาอีก…
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความหวังของเมืองเงินพิสุทธิ์เป็นเพียงภาพลวงตาที่ไม่มีวันจับต้องได้
เงียบไปสักพัก ‘จัสติส’ ออเดรย์กล่าวอย่างมั่นใจ
“นี่คือการบิดเบือนจากตำนานที่ระบุว่า เทพทั้งสามเกิดจากดวงวิญญาณของพระผู้สร้าง?”
เทพทั้งสาม? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างสะดุ้งพร้อมกัน เริ่มเข้าใจว่าเหตุผลภาพนี้ถึงมีความสำคัญ และมันหมายความว่าอย่างไร
“ก็อาจจะใช่… แต่พวกเรายังไม่มีคำอธิบายสำหรับทารก” อัลเจอร์ตอบ
มันแอบชำเลืองไปทางมิสเตอร์ฟูล แต่ก็พบว่าตัวตนลึกลับที่ยิ่งใหญ่รายนี้ ไม่สนใจจะตอบคำถาม ทำเพียงเฝ้ามองเงียบงัน
‘จัสติส’ ออเดรย์พูดไม่ออก สมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่เหลือก็เช่นกัน
จนกระทั่งความเงียบจบลงเมื่อ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์สลายภาพและหันไปพูดกับเดอะซันด้านข้าง
“คุณตรวจสอบเกี่ยวกับอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมืองหรือยัง?”
………………………………………………