Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 976 : สาวกเดนตาย
ไคลน์ในชุดนอนที่ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย เริ่มเห็นด้ายวิญญาณของผู้บุกรุกในทัศนวิสัย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบเท่าที่ต้องการ มันสามารถเปลี่ยนให้ทุกคนในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนให้กลายเป็นหุ่นเชิดโดยไม่ต้องลุกจากเตียง แน่นอน สำหรับ ‘จอมเวทพิสดาร’ ครึ่งเทพ แม้แต่เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงก็ยังอยู่ในระยะควบคุม
มีร่างวิญญาณจำนวนมากอยู่รอบๆ … หนึ่งในนั้นช่วยให้ผู้บุกรุกบินขึ้นลงจอดบนระเบียง… เป็นผู้วิเศษเส้นทางผู้เก็บซากศพหรือรัตติกาล? การจะทำได้ระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องลำดับ 6… มาหาริชาร์ดสัน? ไม่ใช่ อีกฝ่ายเดินมาที่ประตูห้องนอนเรา… หยุดอยู่หน้าประตู เหยียดมือขวาออก เคาะประตู… ทางนั้นมั่นใจว่าเราสามารถตระหนักถึง? ไคลน์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในตอนแรก มันคาดเดาจากด้ายวิญญาณ แต่ในภายหลังเป็นการ ‘เห็น’ จากทัศนวิสัยในใจ
หลังจากไคลน์กลายเป็นลำดับ 4 ไม่เพียงนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกจะรุนแรงขึ้น พลังของมิติหมอกในส่วนที่มันสามารถควบคุมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เมื่อผนวกทั้งสองสิ่ง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ชายหนุ่มจะตรวจจับนิมิตลางสังหรณ์จากระยะไกล มองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายภายในใจ
นอกจากนั้น เมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับมิติหมอกมากขึ้น ไคลน์สามารถปกปิด ‘พร’ จากมิติหมอกที่ส่งผลต่อโลกความจริง แม้แต่ผู้วิเศษลำดับสูงในบางเส้นทางก็มองไม่เห็น และจากที่มันประเมิน หากอยู่บนมิติหมอกโดย ‘สวม’ ไพ่เย้ยเทพและถือคทาเทพสมุทร พลังอำนาจที่เดอะฟูลสามารถสำแดงบนโลกความจริงนั้นจะใกล้เคียงกับเทวทูตเลยทีเดียว
หากไม่แล้ว ไคลน์คงไม่กล้าส่งมิสจัสติสไปเผชิญหน้ากับผู้วิเศษลำดับ 4 หรือ 3 เส้นทางผู้ชม ต่อให้เทวทูตกระดาษของตนมีพลังในการ ‘คืนสติ’ ภายในความฝันก็ตาม
ท่ามกลางกระแสความจริง มันลุกออกจากเตียง สวมรองเท้าแตะ จัดระเบียบชุดนอน เดินไปทางเก้าอี้เอนหลัง ทิ้งตัวนั่งลงและกล่าวอย่างเชื่องช้า
“เชิญเข้ามาได้”
ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออกอย่างเงียบงัน สายลมหนาวมิได้พัดผ่านเข้าไป เพียงหมุนวนบนทางเดิน
‘ผู้มาเยือน’ มีอายุพอๆ กับดอน·ดันเตส ส่วนสูงใกล้เคียงกัน ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าลุ่มลึก โครงหน้าเหมือนกับชาวโลเอ็นทั่วไป
อีกฝ่ายสวมหมวกผ้าไหม ใบหน้าค่อนข้างเรียว บรรยากาศรอบตัวเย็นชา แต่มิได้ชวนให้อึดอัด เป็นประเภทคล้ายคลึงกับสุสานแถบชานเมืองในยามค่ำคืน
ทันใดนั้น ไคลน์เห็นร่างวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรายล้อมสุภาพบุรุษคนดังกล่าว เปลี่ยนให้บรรยากาศโดยรอบหม่นหมอง ซ้อนทับหลายชั้น คล้ายกับภายในนั้นคือโลกอีกใบ
สัมผัสวิญญาณของไคลน์กำลังบ่งบอกว่า นี่คือครึ่งเทพ
ทันทีที่กลับถึงเบ็คลันด์ ทำไมถึงมีครึ่งเทพมาหาทันที? นอกจากอาร์ชบิชอปของโบสถ์รัตติกาล ไม่น่าจะมีใครทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของดอน·ดันเตส… ไคลน์มองไปทางประตูด้วยความฉงน แต่สีหน้าเรียบเฉย ปราศจากอารมณ์ ยากจะบอกว่าโกรธหรือตกใจ
ครึ่งเทพรายดังกล่าวเดินสองก้าว ห้อยมือลงในแนวดิ่ง โน้มตัวจนสุดประหนึ่งคันศรถูกโก่ง
มันทำความเคารพอย่างเคร่งขรึมด้วยท่าทีพิสดาร สีหน้าแววตาเคร่งขรึม ในเวลาเดียวกัน สายลมหนาวพัดผ่านเข้ามา ปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ
ไคลน์เกือบผงะ ไม่ทราบว่าต้องตอบโต้อย่างไร ภายในหัวผุดความคิดมากมาย พยายามคาดเดาอย่างคลุมเครือ
ทันใดนั้น ครึ่งเทพกล่าวโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง
“แพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณ ผมมาที่นี่ตามพระวิวรณ์”
วิวรณ์… ไคลน์ควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้ามิให้กระตุก ผนวกกับการคาดเดาเมื่อครู่ มันพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
เทพธิดารัตติกาล หรือก็คือมรณาเทียม ประสบความสำเร็จในการควบคุม ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาอย่างลึกซึ้ง สามารถส่งวิวรณ์ให้กับสมาชิกระดับสูงของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมได้แล้ว!
ไคลน์เหยียดมือขวากดหน้าอก กึ่งถอนหายใจกึ่งยิ้ม แต่ไม่กล่าวคำใดเพิ่ม
“วิวรณ์ของพระองค์ว่าอย่างไร”
เบรนค่อยๆ ยืนตัวตรง จ้องสุภาพบุรุษจอนสีขาวบนเก้าอี้เอนหลัง ตอบกลับอย่างเปี่ยมศรัทธา
“พวกเราทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็ลืมตาตื่น พระองค์ตรัสว่านับแต่นี้เป็นต้นไป ให้ผมคอยคำตามคำสั่งของคุณ”
แม้ไคลน์จะคาดเดาไว้บ้าง แต่หลังจากได้ยินคำตอบ มันยังคงรู้สึกทึ่ง หัวเราะไม่ได้ร่ำให้ไม่ออก
ถ้าเป็นแบบนี้… นอกจากเราจะเป็นข้ารับใช้ของเทพธิดารัตติกาล ยังรับงานนอกเป็นข้ารับใช้ของมรณาเทียม คอยเป็นผู้นำของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม… นี่คือของขวัญจากโชคชะตา หรือเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการมี ‘ลูกพี่’ ? พิจารณาจากการที่เทพธิดาไม่สั่งให้อาร์ชบิชอปหรืออาวุโสใหญ่ของโบสถ์จัดการแทน หมายความว่าพระองค์ต้องการเก็บเป็นความลับ… ไคลน์ลุกขึ้นยืน พยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
“น้อมรับพระบัญชา… ประสงค์ของพระองค์คือประสงค์ของผม!”
กล่าวจบ มันนั่งลงอีกครั้ง มองไปยังครึ่งเทพที่ยืนตัวตรง ชี้ไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามและกล่าว
“นั่งลงก่อนสิ… อา… แนะนำตัวเองด้วย นี่เป็นมารยาทพื้นฐานไม่ใช่หรือ?”
ในวินาทีเมื่อครู่ ไคลน์เริ่มเข้าใจว่าทำไมเทพธิดาจึงแต่งตั้งให้ตนเป็นผู้นำของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม:
เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกงสุลมรณะ!
ดังนั้น หากมีใครพบความผิดปรกติและต้องการตรวจสอบนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม พวกมันจะสืบจนพบความเกี่ยวข้องกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์และถึงคราว ‘กระจ่าง’ เชื่อว่าตัวเองเข้าถึงความจริง เข้าถึงสาเหตุที่ทำไมเทพมรณาเทียมถึงสามารถคืนชีพและส่งวิวรณ์ลงมา
เมื่อได้สมมติฐาน ไคลน์จึงจงใจกล่าวคำพูดติดปากของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยใบหน้าดอน·ดันเตส
แพทริค·เบรนนั่งบนโซฟา ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว
“ผมเป็นชาวโลเอ็น เคยไปที่ไบลัมตะวันออกเพื่อทำธุรกิจ… ติดเชื้อประหลาดที่นั่นจนเกือบตาย แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกนิกายวิญญาณ ได้รับพรจากพิธีกรรม รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ จึงแอบเปลี่ยนความเชื่ออย่างลับๆ … ฝ่ายของผมมักถูกใส่ร้ายจากอีกฝั่งของนิกาย คิดว่าเรากำลังดูหมิ่นพระองค์ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย พวกเรากำลังเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่างหาก พระองค์มิได้ร่วงหล่นไปในท้ายยุคสมัยที่สี่ แค่หลับไปเท่านั้น จำเป็นต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปลุกขึ้น และในท้ายที่สุด พวกเราเป็นฝ่ายถูก คุณเองก็ได้เห็นไปแล้ว”
เอกสารโบราณที่เราเคยอ่านไม่ได้เขียนไว้แบบนี้… บรรดาผู้นำของนิกายวิญญาณต่างรู้ดีว่าพวกตนกำลังเลียนแบบ ‘ปราชญ์เร้นลับ’ เพื่อสร้างมรณาขึ้นมาใหม่… หืม… สุภาพบุรุษคนนี้เป็นสมาชิกคนสำคัญของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียมไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่มีข้อมูลของเอกลักษณ์และแผนการ? เป็นถึงครึ่งเทพ จะไม่ใช่สมาชิกหลักได้ยังไง… แม้กลุ่มนิกายวิญญาณจะเป็นการรวมตัวจากอดีตราชวงศ์เดิมและคนของโบสถ์มรณา มีขุมกำลังในมือมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ครึ่งเทพสูญเปล่า… แม้แต่เจ็ดโบสถ์หลักก็ไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้… ไคลน์ประหลาดใจมาก ตัดสินใจถามกลับ
“แล้วสมาชิกระดับสูงคนอื่นของฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม?”
แพทริค·เบรนกล่าวอย่างเปี่ยมศรัทธา
“ในตอนที่ผมเข้าร่วมนิกายวิญญาณ พระองค์ได้ตื่นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพราะการเสียสละในอดีตของเหล่านักบุญ พวกเขาสังเวยตัวเองในพิธีกรรม… ปัจจุบัน เรามีนักบุญสามตนและเทวทูตหนึ่งตน ทั้งหมดอยู่ในไบลัมตะวันออก ส่วนผมรับผิดชอบทุกสิ่งภายในเบ็คลันด์”
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… จากข้อมูลของเลียวนาร์ด สมาชิกนิกายวิญญาณในเบ็คลันด์ถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม แทบไม่รู้จักกันเลย แต่ละกลุ่มจะติดต่อกับฝั่งทวีปใต้โดยตรง ไม่มีการสื่อสารระหว่างกัน ไม่มีใครรับผิดชอบภาพรวม… ความคิดแรกของไคลน์ก็คือ แพทริค·เบรนกำลังโกหก แต่เพียงไม่นานก็ถูกสลัดทิ้ง เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะโกหกกับ ‘ข้ารับใช้ของมรณา’ ในคำวิวรณ์
ครุ่นคิดสักพัก มันถาม
“เทวทูตมีนามว่าอะไร ปัจจุบันอยู่ที่ไหน และคุณยังได้รับวิวรณ์อื่นอีกหรือไม่”
แพทริค·เบรนตอบสุขุม
“พระองค์ห้ามมิให้ผมบอกกับผู้ใด และห้ามมิให้ถามผู้ใด… ผู้นำของเรามีนามว่าไฮเทล เป็นทั้งชื่อต้นและชื่อท้าย ครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นอาร์ชบิชอปของโบสถ์ ในภายหลังได้รับพรจากพระองค์ กลายเป็นเทวทูต ท่านทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะปลุกพระองค์ที่กำลังหลับใหล จนกระทั่งถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรงขณะประกอบบางพิธีกรรม ปัจจุบันไม่สามารถออกจากอนุสาวรีย์บรรจุศพได้ มิเช่นนั้นจะคลุ้มคลั่ง… ท่านเป็นอาจารย์ของผมเอง”
ครึ่งเทพที่ดำรงตนมาตั้งแต่จักรวรรดิไบลัม ไม่แปลกใจเลยที่ได้เป็นแกนนำในโครงการมรณาเทียม… ไคลน์ถามอีกครั้งด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เขาและครึ่งเทพอีกสองตนเป็นชาวไบลัมเลือดบริสุทธิ์?”
“ใช่ครับ” แพทริค·เบรนพยักหน้า
เราพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
มันพบว่า แพทริค·เบรนไม่ใช่ครึ่งเทพธรรมดา แต่เป็นผลผลิตจากโครงการมรณาเทียม!
ในเวลานั้น ไฮเทลและสมาชิกคนอื่นของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียมมิได้ต้องการช่วยชีวิตชาวโลเอ็นรายนี้ แต่คิดจะใช้เป็นเครื่องสังเวยในพิธีกรรมบางอย่าง ผลลัพธ์ก็คือ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เอกลักษณ์ของเส้นทางมรณาเกิดมีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ หรือไม่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้แพทริค·เบรนรอดชีวิตมาได้ และมีการเชื่อมต่อกับเทพมรณาเทียม ส่งผลให้ร่างกายและวิญญาณเจือปนไปด้วยความพิเศษ
ไฮเทลและสมาชิกระดับสูงคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างมองว่าแพทริค·เบรนคือกุญแจสำคัญของโครงการเทพมรณาเทียม จึงมอบโอสถ ถ่ายทอดความรู้ ปลูกฝังความศรัทธาเกี่ยวกับมรณาเทียม รวมถึงกุเหตุผลที่สวยหรูเพื่อปกปิดพฤติกรรมของตัวเอง ในส่วนของเบรน เป็นเพราะมันมีความพิเศษ การเลื่อนลำดับจึงเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นครึ่งเทพได้สำเร็จ
แต่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกุญแจสำคัญเพียงใด ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพทริค·เบรนเป็นเพียงหนูทดลอง ไม่เคยถูกมองว่าเป็นสมาชิกของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม ในภายหลังจึงถูกส่งมายังกรุงเบ็คลันด์ของอาณาจักรโลเอ็น เป็นผู้นำกลุ่มสมาชิก คอยประกอบพิธีกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นเอกลักษณ์
การคาดเดาเช่นนี้สอดคล้องกับข้อมูลทั้งหมดที่ไคลน์ได้ทราบมา: ประการแรก เลียวนาร์ดเล่าว่า นิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมพยายามทำการทดลองในกรุงเบ็คลันด์ เพราะหากโชคร้ายมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ได้ทำลายเมืองหลวงของศัตรูไปในตัว ประการที่สอง ในกรุงเบ็คลันด์มีนิกายวิญญาณหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะติดต่อกับทวีปใต้โดยตรง ไม่มีใครคอยควบคุมภาพรวม ประการที่สาม แพทริค·เบรนแทบไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องของโครงการมรณาเทียมเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สมาชิกบนทวีปใต้มิได้สนใจไยดีชะตากรรมของแพทริค·เบรนแม้แต่น้อย ไม่มีใครบอกความจริงกับมัน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ คำอธิบายเดียวก็คือ แพทริค·เบรนเป็นผลผลิตจากโครงการมรณาเทียม
อา… ดูเหมือนว่า เทพธิดาจะยังควบคุมเอกลักษณ์ได้อย่างจำกัด สามารถส่งวิวรณ์ได้เพียงสาวกเดนตายที่มีการเชื่อมต่อกับเอกลักษณ์โดยตรง แต่ยังมิอาจสร้างอิทธิพลกับเทวทูตและนักบุญอย่างไฮเทล… ไคลน์สรุปความคิดก่อนจะถาม
“ลำดับปัจจุบันของคุณชื่อว่าอะไร”
แพทริค·เบรนมิได้เก็บซ่อน
“อมรณา”
………………………………………………….