Low Dimensional Game – เกมส์แห่งโลกมิติ - ตอนที่ 32
บนเตียง ชัยเจียเจียกอดลูซีหยูจากด้านหลังและลูบไล้ไปทั่วกล้ามหน้าท้องของเค้าราวกับว่าเธอไม่เต็มใจที่จะปล่อยเค้าไป ลูซีหยูหันกลับมาและโอบเธอไว้ ร่างกายของเค้าสัมผัสกันและพวกเค้าก็จ้องเข้าไปในตาของกันและกัน
ชัยเจียเจียยิ้มกว้างและพูดว่า “ฉันยังฝันถึงคุณหลังจากที่พวกเราเลิกกันแล้ว คุณเป็นคู่นอนที่ดีที่สุดเลยสำหรับฉัน!”
“คู่นอน? คุณหมายความว่าอย่างไร?” ลูซีหยูถามทันที
ชัยเจียเจียยิ้มทันที “หมายความว่าคุณไม่เหมาะที่จะเป็นสามีหรือแฟนสำหรับฉัน ไม่ว่าจะเป็นฉัน ลี่เหว่ย หรือแฟนในอนาคตของคุณ พวกเราทุกคนต่างรู้สึกว่าคุณไม่น่าไว้ใจ!”
“…”
ลูซีหยูนึกอะไรได้ “เดียวนะ ฉันจำได้ว่าคุณอกว่าแฟนเก่าคุณกลับมาแล้ว แล้วทำไมคุณอยู่ที่นี้ตอนนี้?”
ชัยเจียเจียยื่นมือขวาออกมาและโชว์แหวนบนนิ้วของเธอ “ใช่แล้ว เรากลับมาคบกัน เราเพิ่งหมั้นไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและกำลังเลือกวันที่จะจัดงานแต่งอยู่!”
“ถ้างั้นทำไมคุณถึงมานอนกับฉันล่ะ?” ลูซีหยูถามด้วยความประหลาดใจ
ชัยเจียเจียจูบไปที่ปากของเค้า “เพราะคุณมันน่าติดใจไง” เธอพูด “เมื่อไรที่ฉันคิดถึงคุณ ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกเผา!”
เมื่อลูซีหยูออกจากบ้านของชัยเจียเจียแล้วเค้ารู้สึกเหมือนพึ่งได้รับการโจมตีที่รุนแรง หลังจากที่เค้าถึงบ้านเค้าก็นั่งบนโวฟา มองไปที่ห้องที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นเค้ารู้สึกว่าเค้าค่อนข้างโดดเดี่ยว หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเค้าก็นึกได้ว่าเค้ายังมีงานที่ยังไม่เสร็จในโลกของมาเรียทันทีเค้ายืนขึ้นและกลับไปที่นั่นผ่านประตูมิติในห้องสาธารณูปโภคที่ชั้นบนสุดของอพาร์ตเมนต์
ในตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืดในโลกของมาเรีย ลูซีหยูตรงไปที่ป่าในยาลาและเห็นที่ว่างถัดจากทะเลสาบในหุบเขา ตอนนี้มีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านเหนือเมฆ ต้นไม้สูงหลายร้อยเมตร กิ่งไม้นั้นกว้างพอที่จะใช้เป็นถนนและผู้คนสามารถมาวิ่งเล่นบนมันได้อย่างสบายๆ บนยอดสามารถเห็นหน่อได้หลายหน่อ พวกเค้าดูเหมือนดอกไม้บานที่กำลังพัฒนาบางอย่างภายในชั้นผิวหนัง
นอกเหนือจากต้นไม้แห่งชีวิตแล้วตอนนี้ยังมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากได้เติบโตขึ้นในหุบเขาที่กว้างนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้า ต้นไม้ล้อมรอบทะเลสาบ ปกป้องต้นไม้แห่งชีวิต ลูซีหยูกลับมาทันเวลาเพื่อดูหน่อโตและบาน เค้าวาร์ปขึ้นไปบนต้นไม้แล้วเดินไปตามกิ่งไม้ซึ่งกว้างไม่กี่เมตร ในที่สุดเมื่อเปิดหน่อออกเค้าก็เห็นทารกอยู่ในชั้นใบไม้อ่อน
ทารกมีหูแหลมและมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อน มันยังคงเชื่อมต่อกับเกสรตัวเมียของหน่อผ่านทางสายสะดือ ลูซีหยูค่อยๆตัดสายสะดือและอุ้มทารกอยู่ในอ้อมแขนเค้า เด็กน้อยเริ่มร้องไห้และจ้องมองไปที่ลูซีหยูด้วยดวงตาที่เหมือนอัญมณี
“คุณเป็นคนแรกของสายพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกของมาเรีย พันธุ์ของคุณจะถูกเรียกว่า ‘พวกเอลฟ์’!
เค้ากลับลงไปที่พื้นพร้อมกับทารกในอ้อมแขนของเค้าและเคาะอากาศเบาๆ ทันใดนั้นพื้นรอบตัวเค้าก็กลายเป็นหลุมและมดครึ่งคนหลายตัวก็ปรากฏขึ้นมา ด้วยแขนขาอันทรงพลังของพวกมัน มดครึ่งคนจึงสามารถปืนต้นไม้ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับว่าเดินอยู่บนพื้นราบ ในไม่กี่วันบ้านไม้หลายหลังก็ถูกสร้างอยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิต
หลังจากเอลฟ์ตัวแรก เอลฟ์ก็เกิดมาทีละคน ในปีนั้นมีเอลฟ์หลายสิบคนเกิดและอีกมากจะปรากฏในปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามต้นไม้แห่งชีวิตที่ลูซีหยูได้สร้างขึ้นนั้นก็มีอายุการใช้งานที่จำกัดเช่นกัน แสนปีต่อมาต้นไม้แห่งชีวิตก็จะถึงจุดจบของมันดังนั้นมันจะอยู่ได้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเอลฟ์ที่จะดูแลและรักษาเผ่าของพวกมันให้มีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตามสายพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดก็ยังมีข้อบกพร่องของตัวมันเองในแง่การสืบพันธุ์ พวกมันต้องโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนที่สามารถสืบพันธุ์ได้ ยิ่งกว่านั้นการสับพันธุ์จะยากกว่าสำหรับพวกมันเมื่อเทียบกับมนุษย์เพราะพวกมันมีอายุที่ยืนยาว พวกเค้าจึงต้องทนกับข้อบกพร่องนี้ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
มีมดครึ่งคนเพิ่มมา20ตัวสำหรับการดูแลเอลฟ์เหล่านี้ ลูซีหยูใช้เวลานานกว่าครึ่งปีในการสังเกตว่าพวกเอลฟ์นี้มีข้อบกพร่องทางพันธุกรรมหรือไม่และมีลักษณะที่สอดคล้องกับแม่แบบหรือไม่ ในที่สุดเมื่อเค้าสร้างยาอายุวัฒนะเสร็จ เค้าควรใช้มันกับตัวเอง
ลูซีหยูเดินออกจากบ้านต้นไม้และเดินไปบนพื้นด้วยเชือก เร็วๆนี้เค้าอาศัยในป่าที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในยาลาและสูดอากาศบริสุทธิ์ในทุกวัน รู้สึกถึงลมที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าและดอกไม้ ฟังเสียงนกร้องและเสียงแมลง ลูซีหยูรู้สึกราวกับว่าเค้าใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในชนบท
ลูซีหยูหันหลังและเดินจากไปในขณะที่มดครึ่งคนอยู่ด้านหลัง พวกมันจะอยู่ที่นี่เพื่อเลี้ยงเอลฟ์จนโตและตายไป นี่คือภารกิจที่ลูซีหยูมอบให้พวกมัน
ในอีกด้านอะเฮนาเท็นที่อยู่ไกลออกไปอยู่ในความวุ่นวายและประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์และพลังที่ได้รับจากพระเจ้า อะเฮนาเท็นได้นำคนของเค้าและเอาชนะทุกเผ่าที่อยู่รอบๆ จากนั้นเค้าก็สร้างเมืองมนุษย์แห่งแรกบนที่ราบแม่น้ำแดงซึ่งเป็นบ้านเกิดของเค้า เค้าตั้งชื่อมันว่า ‘เมืองแห่งทองคำ’
อะเฮนาเท็นอ้างว่าพระเจ้าเลือกให้เค้าเป็นราชาและสร้างราชวงศ์มนุษย์ขึ้นมา เรียกตัวเองว่า ‘ราชาทองคำ’ เค้าสร้างระบบภาษาของมนุษย์และสอนมนุษย์เกี่ยวกับวิธีทำฟาร์มและเลี้ยงสัตว์ป่า โดยนำพวกเค้าเข้าสู่ยุคเกษตรกรรม อะเฮนาเท็นสร้างระบบลำดับชั้น ผู้ที่มีพลังแห่งเทพเจ้าเรียก ‘ลูกหลานของเทพเจ้า’ เค้าบอกว่าพวกเค้ามีเกียรติและเป็นชนชั้นปกครอง คนเหล่านี้สูงส่งกว่าในขณะที่คนทั่วไปถือว่าเป็นชาวนา ชนชั้นที่ต่ำกว่าชาวนาคือคนที่เผ่าที่เค้าชนะได้และกดขี่ซึ่งเป็นสถานะต่ำที่สุด
อะเฮนาเท็นสร้างระบบการค้าและใช้ทองคำและเงินเป็นสกุลเงินมาตรฐาน เค้านำเผ่าพันธ์มนุษย์ออกมาจากยุคเผ่าดั้งเดิม สร้างอารยธรรมและความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตามอะเฮนาเท็นไม่ใช้กษัตริย์ที่ใจดีหรือบางทีอาจจะเป็นกษัตริย์ที่โหดร้ายด้วยซ้ำไป เค้าสร้างลำดับชั้นและในการกลับกันเค้าสนุกกับการที่ทุกคนกราบไหว้เค้าในฐานะกษัตริย์ที่มีเลือดสีทองในเส้นเลือดของเค้า
เค้าสั่งให้ทาสหลายร้อยคนสร้างวังให้เค้าและสวมชุดที่ฟุ่มเฟือย เค้าใช้ทองคำปูเป็นพื้นของราชวัง อย่างไรก็ตามเผ่ามนุษย์ก็เป็นปึกแผ่นภายใต้เค้าและเกิดการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอีกไม่กี่สิบปีประชากรมนุษย์จะทวีคูณอย่างรวดเร็วและในตอนนี้ก็มีหลายแสนคนแล้ว
ในปีที่13ของราชวงศ์ทองคำ ความตึงเครียดระหว่างมนุษย์กับออร์คก็เพิ่มขึ้น เมืองแห่งทองคำและเมืองซาร์กะได้เกิดความขัดแย้งครั้งแรกขึ้น ทั้งสองฝ่ายส่งทหารนับหมื่นออกไปทำสงครามขนาดใหญ่ครั้งแรกระหว่าง2เผ่าพันธุ์
มนุษย์มีความด้อยกว่าออร์คในด้านความแข็งแกร่งทางทหารและอาวุธ และถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดอะเฮนาเท็นได้รวบรวมทหารและไปโจมตีที่ฐานของออร์ค พวกเค้าได้สังหารราชาออร์คที่12 ราชาแห่งหมาป่า!
เผ่ามนุษย์ชนะในสงครามแต่ก็เกือบจะแพ้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการตายของราชาหมาป่าทำให้เกิดความดกลาหลระหว่างชนเผ่าของออร์ค การต่อสู้เพื่อครองบัลลังก์ได้เกิดขึ้นทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างพวกมันเอง ในทางตรงกันข้ามมนุษย์ถอยกลับลงใต้เพื่อพักฟื้นจากสงคราม อะเฮนาเท็นก็ได้รับบาดเจ็บระหว่างสงคราม เค้าใช้เวลาในการขยายวังของเค้าและมีความสุขกับชีวิตที่สะดวกสบาย!