Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 125 ความทุ่มเทของเขา
บทที่ 125 ความทุ่มเทของเขา
คิดๆแล้ว ผู้ช่วยก็ได้พูดขึ้นมา: “ผู้จัดการหากคุณรู้สึกไม่สบาย อยากเพิ่งทำงานเลยค่ะ ไปให้หมอตรวจดูหน่อย ยังไงเสียเอกสารเหล่านี้ก็วางไว้ตรงนี้ตั้งหลายวันแล้ว”
“ไม่ได้ ฉันจะยึดยื้อไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นบริษัทอาจจะเกิดความเสียหายหนักก็ได้” เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว “ไม่เป็นไรฉันพักผ่อนสักพักก็พอแล้ว เธอออกไปก่อน”
“ค่ะ” ผู้ช่วยถึงแม้จะไม่วางใจ แต่ก็ออกไป
เจียงหยุนเอ๋อพักผ่อนสักพัก เห็นว่าไม่เป็นไรมาก ก็ไม่ได้ใส่ใจ
ทั้งวันเจียงหยุนเอ๋อก็อยู่แต่ในบริษัท จนกระทั่งหัวค่ำถึงได้กลับบ้าน
และในเวลานี้ถวนจื่อได้อยู่ที่บ้านแล้ว
ถวนจื่ออยู่บ้านคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อ เพราะว่าเขามีเรื่องที่ตัวเองต้องทำมากมาย
เจียงหยุนเอ๋อเห็นถวนจื่อขะมักเขม้นกับของอะไรสักอย่าง รู้สึกสงสัย ก็ได้เดินเข้าไปดู
เจียงหยุนเอ๋อได้ดึงเก้าอี้มานั่งข้างกายถวนจื่อ: “ถวนจื่อ ลูกทำอะไรน่ะ?”
“หม่ามี๊ ผมกำลังวิเคราะห์เกมใหม่อยู่ครับ” ถวนจื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อ ก็ยิ้มหวาน
อ่อ? เกมใหม่อะไรเหรอ? เจียงหยุนเอ๋อแปลกใจเล็กน้อย
ว่ากันว่าการเติบโตของลูกนั้น ต้องคอยสังเกตของเล่นของพวกเขา ยังต้องหมั่นคุยกับพวกเขาบ่อยๆ ยังต้องช่วยกันสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างครอบครัว
“นี่เป็นเกมใหม่ เป็นเกมที่เพิ่งออกสู่ตลาดเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ว่าเกมนี้พัฒนาได้รวดเร็วมาก กลายเป็นเกมที่ฮอตฮิตที่สุดในขณะนี้” ถวนจื่ออธิบายให้เจียงหยุนเอ๋ออย่างสบายๆ
เจียงหยุนเอ๋อเห็นเกมนี้เป็นเกมที่ตัวเองก็รู้จัก ก็ได้เกิดความสนใจขึ้นมา: “ลูกหมายถึงอันนี้เหรอ แม่รู้ เมื่อก่อนแม่ก็รู้จักแล้ว มันฮอตจริงๆ มันเป็นเกมที่คล้ายๆกับราชาใช่ป่ะ?”
“ใช่ครับ แต่ก็มีจุดที่แตกต่าง และบางสโมสรได้หานักกีฬาอีสปอตแล้ว เพราะอีกสองเดือนข้างหน้า ก็จะมีการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตครั้งที่หนึ่งแล้ว” ขณะที่ถวนจื่อพูดดูแล้วมีความสุขมาก
เจียงหยุนเอ๋อเห็นสายตาของถวนจื่อเหมือนกำลังเปล่งประกาย จึงได้ถามขึ้น: “ลูกอยากจะสมัครมั้ย?”
“แน่นอนสิครับ” ถวนจื่อพยักหน้าอย่างมั่นใจ “คนอย่างผมก็ต้องไปอยู่แล้ว”
“คนอย่างลูก? ลูกเป็นคนแบบไหน?” เจียงหยุนเอ๋อไม่เพียงแต่ถูกลูกทำให้หัวเราะ แต่เด็กมันก็น่ารักเสียงจริง
“ผมก็เป็นคนฉลาดไง” ขณะที่ถวนจื่อพูดยังใช้มือตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ
เจียงหยุนเอ๋อไม่เพียงแต่รู้สึกตลก เกือบจะอั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว: “ใครบอกว่าลูกเป็นคนฉลาดล่ะ?”
“แด๊ดดี้เป็นคนพูด เขาพูดว่า ถวนจื่อของเขาฉลาดที่สุด” ถวนจื่อขณะที่พูดก็ยังคงขะมักเขม้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ได้ฟังแบบนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอบอุ่นในใจ แต่ก็ยังคงพูดขึ้นมา: “แด็ดดี๊โกหกลูก”
“แด๊ดดี๊ยังบอกอีกว่า จะเปิดสโมสรอีสปอร์ต ช่วงนี้ได้หานักกีฬามาได้หลายคน ตอนนี้ได้ตั้งเป็นทีมแล้ว ถวนจื่อยังคงพูดต่อ แด๊ดดี้ยังบอกอีกว่า เกมนี้มีอนาคตที่ดีมาก ผมก็รู้สึกว่าไม่เลวเหมือนกัน ดังนั้นผมก็คิดที่จะตั้งทีมเด็กขึ้นมาหนึ่งทีม เมื่อถึงเวลาผมก็สามารถไปแข่งระดับประเทศได้ด้วย”
“แล้วเกมก่อนหน้านั้นของลูกจะทำยังไง?” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าลูกชายตัวเองมีเป้าหมายชีวิตเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าของก่อนหน้านั้นก็ไม่ควรที่จะปล่อยกลางคัน
“เกมก่อนหน้านั้นผมได้ที่สองของมณฑล หากไม่มีอะไรผิดพลาด ถึงเวลาต้องไปแข่งระดับประเทศอย่างแน่นอน” ถวนจื่อพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “หากผมได้ที่หนึ่ง ก็จะได้เงินรางวัลห้าแสนหยวนเชียวนะ”
“อืม ก็ดีนะ” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงดึงเสื้อของถวนจื่อ “ถวนจื่อ ถ้าหากลูกเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นน้องผู้หญิงจะทำยังไง? ลูกจะออมมือมั้ย?”
ถวนจื่อนั้นถือว่าเป็นเด็กที่มีเมตตา แค่พูดถึงเด็กผู้หญิงหน้าก็แดงแล้ว ทำปากจู๋: “ถึงแม้ผมจะชอบเธอ แต่ผมก็จะไม่ออมมือเด็ดขาด นี่คือการกฎพื้นฐานของการเป็นนักกีฬาของผม”
พูดถึงสุดท้ายแล้วถวนจื่อก็ยังคงยืนหยัดความรู้สึกของตัวเอง
“ถูกต้อง ถวนจื่อของแม่พูดถูกที่สุด” เจียงหยุนเอ๋อขณะที่พูดได้ยื่นมือไปกุมแก้มของถวนจื่อไว้ แล้วให้หน้าผากของตัวเองกับถวนจื่อชนกัน “ถวนจื่อของแม่เก่งที่สุดเลย”
เจียงหยุนเอ๋อพบว่าช่วงเวลานี้ถวนจื่อมีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์มากทีเดียว เธอคิดว่านี่คงมาจากความทุ่มเทเอาใส่ของลี่จุนถิง
เด็กบางครั้งก็ต้องการการสั่งสอนชี้แนะที่ดีของพ่อ ถึงจะได้มีความคิดที่แข็งแรงเป็นบวก
คิดถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่ถอนหายใจในใจ พ่อของถวนจื่อจะอยู่ตรงไหนนะ?
ทว่าไม่นานนักเธอก็ได้เลิกคิดไป ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ลี่จุนถิงก็ดูแลถวนจื่อราวกับลูกในไส้ เขาก็เป็นพ่อของถวนจื่อเหมือนกัน ขอเพียงถวนจื่อมีความสุขเธอก็พอใจมากแล้ว
“เอาละ ถวนจื่อ ลูกยุ่งของลูกก่อนนะ หม่ามี๊จะไปเตรียมอาหารค่ำแล้ว เดี๋ยวแด๊ดดี้ก็คงจะกลับมา เจียงหยุนเอ๋อขณะที่พูดก็พลางลุกขึ้นมา
“ครับ” ถวนจื่อก็เข้าสู้ภาวะตั้งใจทำงานอีกครั้ง
ด้านนี้สองแม่ลูกช่างเหมือนกัน ขอเพียงทำงานขึ้นมา ก็จะไม่สามารถถูกโลกภายนอกมารบกวน
“สู้ๆนะลูก” เจียงหยุนเอ๋อให้กำลังใจถวนจื่อ ลูบหัวของเขาแล้วก็เดินไปในครัว
เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่ตัวเองจะได้กลับมาก่อนเวลาอาหารค่ำ ก็เลยตัดสินใจทำอาหารที่อร่อยๆ และยังมีอาหารที่ลี่จุนถิงและถวนจื่อชอบอีกด้วย
ขณะที่อาหารใกล้จะเสร็จ ลี่จุนถิงก็กลับมาถึง
“จุนถิง คุณกลับมาแล้วเหรอ?” ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ในครัวก็ตะโกนพูดขึ้น
“อืม” ลี่จุนถิงพูดไปพลางเปลี่ยนรองเท้าไป
เพิ่งเปิดประตูเข้ามา เขาก็ได้กลิ่นอาหารที่หอมหวนโชยมา อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานได้หายไปทันที: “หยุนเอ๋อ วันนี้คุณเข้าครัวด้วยตัวเองเหรอ?”
“อืม วันนี้ฉันเลิกงานเร็วน่ะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดไปพลางตัดอาหารใส่จานไปด้วย
“ช่วงมีความสุขเสียจริง” ลี่จุนถิงที่พูดอยู่ก็ได้เดินมาถึงห้องครัว
ช่วงระยะเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อยุ่งกับงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าจนค่ำ ลี่จุนถิงอยากกินอาหารที่เจียงหยุนเอ๋อทำก็ไม่ได้ วันนี้ถือว่ามีลาภปากแล้ว
ลี่จุนถิงมาถึงในครัว ผู้หญิงที่ยุ่งวุ่นอยู่ในครัวสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพู เดิมทีผมที่กระจัดการจาย ได้ถูกหนังสติ๊กสีดำมัดอย่างลวกๆ เผยลำคอที่ยาวระหง
ลี่จุนถิงก้าวเข้ามาในครัวหนึ่งก้าว กอดเข้าที่เอวของเจียงหยุนเอ๋อ เอาคางวางไว้บนบ่าของเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อหันหน้ามามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะพูด: “เป็นอะไร? หิวเหรอ? รอน้ำซุปอีกอย่าง ก็เสร็จแล้ว”
“อืม” ลี่จุนถิงรู้เพียงว่าชีวิตแบบนี้ช่างมีความสุขนัก กลับมาบ้านก็มีลูกและภรรยารออยู่
“เอาละ ออกไปรอฉันก่อน แล้วก็เรียกถวนจื่อด้วย” เจียงหยุนเอ๋อหดคอเล็กน้อย ลมหายใจของลี่จุนถิงที่พ่นโดนคอทำให้เธอรู้สึกคันเล็กน้อย
ถึงเวลากินข้าว เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกไม่สบายกระเพาะ
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วแน่น ถามขึ้น: “เป็นอะไร?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัวเบาๆ: “ไม่เป็นไร แค่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนนิดหน่อย………”
“ไป พวกเราตรวจที่ไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย” ขณะที่พูด ลี่จุนถิงได้จุงมือของเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมา