Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 148 ไปช่วยคน
ทที่ 148 ไปช่วยคน
โม่เสี่ยวฮุ่ยสวมเสื้อคุมเพิ่มอีกตัวแล้วเอ่ย: “ให้เธอเข้ามาเถอะ”
ในตอนที่โม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นส้งหวั่นหวั่นก็พบว่าเธอมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกมาก: “ป้า แย่แล้ว แย่แล้วค่ะ”
พอโม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นส้งหวั่นหวั่นมีท่าทางแบบนี้ เธอจึงถามอย่างตึงเครียดว่า: “เกิดอะไรขึ้น? เธอค่อยๆ พูด”
“คุณอา คุณอาเธอ…” ส้งหวั่นหวั่นแสร้งทำท่าทางปวดใจอย่างมาก “เธอถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว”
รูม่านตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยหดลงเพราะตกใจ: “อะไรนะ? จีถองถูกจับไปแล้ว?”
ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้าสุดชีวิต
โม่เสี่ยวฮุ่ยสงบสติอารมณ์ลง: “ทำไมจีถองถึงถูกจับล่ะ?”
ในเมื่อถูกตำรวจจับ อย่างนั้นจะต้องมีเหตุผลแน่นอน
ส้งหวั่นหวั่นส่ายหน้า: “หนูเองก็ไม่ทราบสาเหตุค่ะ ตอนแรกหนูกับคุณอากำลังทานของกินเล่นด้วยกันในห้องชั้นพิเศษ แต่จู่ๆ ก็มีตำรวจหลายคนบุกเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จับตัวคุณอาไปแล้ว”
แน่นอนว่าส้งหวั่นหวั่นไม่มีทางบอกโม่เสี่ยวฮุ่ยหรอกว่าลี่จีถองทำอะไรลงไป ไม่ว่าอย่างไรภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนของตนก็ต้องคงอยู่ที่เดิม
“ถ้าไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร แล้วทำไมถึงจับคนตามอำเภอใจแบบนี้ล่ะ ฉันจะรีบไปช่วยเธอออกจากสถานีตำรวจ” โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดพร้อมเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ชั้นบน
ในเวลานี้ พ่อลี่กำลังจะเอนตัวลงนอนเตรียมที่จะหลับแล้ว พอเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนและเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด เขาจึงถามอย่างสงสัยว่า: “ดึกขนาดนี้คุณยังไม่นอนอีก แล้วคุณจะไปทำอะไรอีกน่ะ?”
“เหล่าลี่ ไม่ต้องนอนแล้ว จีถองถูกจับไปที่สถานีตำรวจแล้ว” โม่เสี่ยวฮุ่ยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วยพร้อมพูดไปด้วย
พ่อลี่ลุกขึ้นมานั่ง ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน: “พูดอะไรของคุณ?”
“ตอนนี้ฉันจะไปที่สถานีตำรวจ คุณจะไปไหม?” ตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พ่อลี่รีบลุกออกจากเตียง: “ไปสิ ไปแน่นอน”
น้องสาวของตนเองถูกจับเข้าคุกทั้งคน แล้วเขาจะนิ่งดูดายได้อย่างไรกันล่ะ?
“อย่างนั้นคุณรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวฉันจะลงไปรอข้างล่าง” โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
พ่อลี่รีบหยิบเสื้อผ้าสองสามชิ้นแล้วเปลี่ยนไปด้วยพร้อมเดินลงไปที่ชั้นล่าง
หลังจากที่ลงมาชั้นล่าง โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ขับรถมารออยู่นานแล้ว
พอพ่อลี่ขึ้นรถเสร็จ ทั้งคู่ก็รีบไปที่สถานีตำรวจ
“สวัสดี พวกคุณคือ?” ตำรวจที่กำลังเข้าเวรอยู่มองโม่เสี่ยวฮุ่ยและพ่อลี่เดินเข้ามาอย่างอวดดีแล้วถาม
โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า: “คุณตำรวจท่านนี้ เมื่อกี้พวกคุณเพิ่งจะจับผู้หญิงที่ชื่อลี่จีถองมาใช่ไหม?”
ตำรวจที่เข้าเวรเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วพยักหน้า
“รีบปล่อยตัวเดี๋ยวนี้” พ่อลี่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอนนี้เขาอยากที่จะช่วยน้องสาวออกมาโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
ตำรวจที่เข้าเวรอยู่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย: “คุณผู้ชายท่านนี้ สถานีตำรวจไม่ใช่บ้านคุณ ไม่ใช่คุณพูดอะไรก็ต้องทำอย่างนั้น คนที่พวกเราจับมาล้วนเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าคุณบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อย อย่างนี้ไม่วุ่นวายไปกันใหญ่เหรอ?”
พ่อลี่กำลังจะบันดาลโทสะ แต่ในตอนนี้เองก็มีตำรวจอาวุโสเดินออกมาจากด้านข้าง: “คุณลี่รอสักครู่ครับ”
ทั้งสามคนมองไปที่ตำรวจคนนั้น
ตำรวจอาวุโสเดินมาหาตำรวจที่เข้าเวรคนนั้นก่อนจะจ้องด้วยสายตาที่ตำหนิว่าเขาไม่มีความสามารถในการมองคนเลย จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดกับพ่อลี่อย่างลำบากใจว่า: “คุณลี่ ไม่ใช่พวกเราไม่ยอมปล่อยคนนะครับ แต่คุณชายลี่ได้กำชับไว้แล้วว่าห้ามปล่อยตัว”
พอพ่อลี่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว
ลูกชายของตนเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
ก่อนหน้านี้ที่ส่งลี่หยูนห่วนเข้ามา ก็ยังถูกคนในตระกูลจำนวนไม่น้อยวิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสีย แล้วครั้งนี้ยังส่งอาของตัวเองเข้ามาอีก นั่นไม่ทำให้ผู้คนเขาหัวเราะเยาะกันหรอกเหรอ
แถมอีกไม่กี่วันท่านปู่ก็จะกลับมาแล้ว แต่ในตระกูลกลับเป็นแบบนี้ แล้วจะให้อธิบายอย่างไร
ตนเองก็เคยได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยบอกว่าช่วงนี้ลี่จุนถิงกับลี่จีถองไม่ค่อยลงรอยกันมากสักเท่าไหร่ แต่เขาไม่เคยคิดว่าลี่จุนถิงจะเอาจริงนี่นา หรือคิดที่จะทะเลาะกันจนไม่สามารถจัดการได้จริงๆ ?
พ่อลี่คิดสักพักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ปล่อยคน”
ตำรวจอาวุโสคนนั้นมองพ่อลี่ด้วยสีหน้าที่ลำบากใจมาก
“ฉันยังพูดไม่ชัดพออีกเหรอ?” พ่อลี่พูดเสียงดังขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด “ฉันบอกว่าให้ปล่อยคน! หรือคำพูดของฉันมันใช้ไม่ได้แล้ว?”
ตำรวจอาวุโสคนนั้นรู้สึกแค่เพียงว่าตนเองขาสั่น แถมหน้าผากก็ยังมีเหงื่อไหลอีกด้วย จึงรีบเช็ดเหงื่อและเอ่ยปาก: “ครับ ปล่อย ปล่อยคน”
ตำรวจอาวุโสได้มองทางนายตำรวจที่เข้าเวรคนนั้น สื่อความหมายว่าให้เขารีบๆ ดำเนินการ
แบบนี้พ่อลี่จึงพยักหน้าอย่างพอใจ: “คุณไม่ต้องห่วง ผมจะไปพูดกับลี่จุนถิงเอง”
ตำรวจอาวุโสคนนั้นยิ้มอย่างจนปัญญา
เขาปวดหัวกับตระกูลลี่นี่จริงๆ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างก็รับมือไม่ง่ายเลย
ถ้าทุกคนมีความคิดเห็นตรงกันก็ยังจะพูดง่าย แต่ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนมักจะมีความคิดคิดเห็นที่ตรงกันข้าม เพราะเป็นแบบนี้เลยทำให้คนกลางอย่างพวกเขาต้องทำใจลำบาก จะลงโทษใครก็ไม่ได้
ไม่นานลี่จีถองก็ถูกปล่อยตัว พอเห็นพ่อลี่ก็รีบเข้าไปหา: “พี่ชาย”
เมื่อพ่อลี่เห็นน้องสาวของตนเองร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ก็ต้องรู้สึกปวดใจเป็นธรรมดา จากนั้นก็ลูบหัวเธอ: “เอาล่ะไม่เป็นไรแล้ว กลับบ้านกับพี่เถอะ”
ลี่จีถองพยักหน้า ตอนที่มองไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยังพูดอีกว่า: “ขอบคุณค่ะอาซ้อ จีถองทำให้คุณต้องเป็นห่วงแล้ว”
“เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” โม่เสี่ยวฮุ่ยตบมือลี่จีถองเบาๆ
จากนั้นทั้งสามก็ออกไปจากสถานีตำรวจทั้งอย่างนี้
พอตำรวจอาวุโสเห็นทั้งสามออกไปแล้ว จึงรีบบอกให้ซู่จี้งยี้รู้
“คุณว่าอะไรนะ?” ในเวลานี้ซู่จี้งยี้ก็ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ฟื้น ส่วนถวนจื่อก็ไม่ยอมไปไหน ซู่จี้งยี้เลยอยู่ในห้องผู้ป่วยเป็นเพื่อน
“ผู้ช่วยซู่ ผมเองก็จนปัญญาเหมือนกัน” ตำรวจอาวุโสรู้สึกลำบากใจมาก
ซู่จี้งยี้ขมวดคิ้ว: “ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องให้เฝ้าดี ถ้ามีอะไรก็ค่อยพูดกันหลังจากที่คุณลี่กลับมาแล้ว?”
แต่ตำรวจอาวุโสก็ยังรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์: “แต่ผู้ช่วยซู่ครับ คุณลี่เขา…”
“เอาล่ะพอแล้ว ผมรู้ว่าคุณจำใจต้องทำ อย่างนั้นก็เอาแบบนี้ไปก่อนเถอะ” ซู่จี้งยี้เองก็เข้าใจตำรวจอาวุโส อีกเดี๋ยวพอลี่จุนถิงกลับมาค่อยบอกว่าตนเองจัดการเรื่องนี้ไม่รอบคอบเอง
“ครับ ขอบคุณครับผู้ช่วยซู่” ตำรวจอาวุโสรู้สึกเหมือนตนเองได้รับอภัยโทษ
พอวางสาย ซู่จี้งยี้ก็รู้สึกปวดหัวมากและตนเองคงจะแย่แน่: “ทำอย่างไรดีล่ะ?”
ในขณะที่พูดก็บีบจมูกของตนเองราวกับกำลังหาทางแก้ปัญหา
หลันเยว่เฉินที่ได้ฟังเรื่องสถานการณ์อย่างชัดเจนผ่านทางโทรศัพท์ก็เอ่ยว่า: “เรื่องนี้คุณอย่าเพิ่งยุ่งเลย แล้วรอให้ลี่จุนถิงกลับมาก่อน เขาจัดการเองได้ ถึงอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว”
“ก็คงทำได้เท่านี้แล้ว” ซู่จี้งยี้พยักหน้า
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ได้ได้สติ ส่วนถวนจื่อก็ทนไม่ไหวและหลับไป ซู่จี้งยี้เลยอุ้มถวนจื่อไป ส่วนหลันเยว่เฉินเองก็กลับไปพักผ่อน
ซู่จี้งยี้เรียกคนรับใช้จากที่บ้านให้มาคอยรับใช้อยู่ข้างๆ เจียงหยุนเอ๋อ
ตกกลางดึก เจียงหยุนเอ๋อก็ฝันร้ายจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมมีเหงื่อไหลไปทั่วร่าง
เธออยากจะลุกขึ้นมานั่ง แต่พอออกแรงที่เอว ก็รู้สึกปวดท้องจนทนไม่ไหว ยังมีรอยบาดเจ็บตามร่างกายที่เกี่ยวพันกับเส้นประสาทของเธออีกด้วย
พอคนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อตื่นแล้ว ก็รีบเข้ามาตรงหน้า: “คุณนายน้อยไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? คุณได้รับบาดเจ็บแล้ว อย่าเพิ่งขยับนะคะ เดี๋ยวฉันจะเรียกหมอให้”
พอพูดจบก็กดปุ่มข้างเตียงเพื่อเรียกให้หลันเยว่เฉินมา