Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 151 ไปคุกเข่าสำนึกผิดให้ฉันซะ
บทที่ 151 ไปคุกเข่าสำนึกผิดให้ฉันซะ
เมื่อได้ยินที่ลี่จุนถิงถามตัวแบบนั้น เจียงหยุนเอ๋อเลยอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น ลี่จุนถิงก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเจียงหยุนเอ๋อต่อดี
ตำหนิที่เจียงหยุนเอ๋อไม่เชื่อมั่นในตัวเองเหรอ?
แต่……เขารู้ดีว่าเจียงหยุนเอ๋อที่จริงแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้สึกวางใจอะไรเท่าไหร่ การที่มีความคิดอย่างนี้……ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ
เป็นตัวเขาเองที่ไม่สามารถทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสบายใจได้
“หยุนเอ๋อ” อยู่ ๆ ลี่จุนถิงก็เอ่ยเรียกชื่อเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมาเบา ๆ
เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้ามองเขา : “หืม?”
“เธอต้องลองเชื่อฉันให้มากกว่านี้ รู้ไหม?” ลี่จุนถิงลูบผมเจียงหยุนเอ๋อเบา ๆ น้ำเสียงก็ฟังดูอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ
เจียงหยุนเอ๋อตะลึงงัน แต่ต่อมาก็รู้สึกใจอ่อนลงทันที
ลี่จุนถิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว แล้วตัวเองยังต้องกังวลใจอะไรอีกล่ะ?
“อืม” ครั้งนี้ เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างแน่วแน่ แสงในตาก็ดูเป็นประกายแวววาวขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง ถวนจื่อที่อยู่ข้าง ๆ ก็กระพริบตาไปมา แล้วเงยหน้ามองไปยังลี่จุนถิง : “แด๊ดดี้ ถ้าหม่ามี้คลอดbabyตัวเล็กออกมา แด๊ดดี้ยังจะรักผมอยู่ไหม?”
ลี่จุนถิงยิ้มแล้วลูบหัวถวนจื่อไปมา พลางเอ่ยพูด : “แน่นอนสิ ต่อไปนี้ลูกกับแด๊ดดี้ช่วยกันดูแลปกป้องหม่ามี้กับbabyตัวเล็กคนนั้น ดีไหม?”
ได้ยินลี่จุนถิงพูดอย่างนี้ ถวนจื่อก็อดดีใจไม่ได้
ลี่จุนถิงไม่เพียงแต่บอกตัวเองว่าต่อไปก็ยังจะรักตัวเองเหมือนเดิม ขณะเดียวกันก็ได้ยอมรับความเป็นลูกผู้ชายของตัวเองด้วย ทำให้ถวนจื่อรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
เห็นทั้งสองคนปรองดองกัน เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้ที่ตัวเองรู้สึกอึดอัดใจ ก็เหมือนจะคุ้มค่าแล้ว
เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อสบายดี ช่วงนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ลี่จุนถิงจึงคิดจะไปแก้แค้นลี่จีถอง
“พวกเธอดูแลหยุนเอ๋อให้ดี ฉันจะกลับไปก่อน” ลี่จุนถิงสั่งคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็ได้หมุนตัวเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เจียงหยุนเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเพิ่งจะหลับไป จึงไม่รับรู้ว่าลี่จุนถิงกลับไปแล้ว
เมื่อเดินมาถึงด้านนอก ลี่จุนถิงก็มองไปยังหลันเยว่เฉินที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“เยว่เฉิน อาการของเธอโอเคดีใช่ไหม?” ถึงแม้มองจากภายนอก อาการของเจียงหยุนเอ๋อดูไม่มีอะไรมากแล้ว แต่ลี่จุนถิงก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เมื่อเห็นหลันเยว่เฉิน เขาเลยยิ่งอยากถามให้แน่ใจ
หลันเยว่เฉินเห็นท่าทางกังวลใจขนาดนี้ของลี่จุนถิง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน
แต่ไหนแต่ไรมา ลี่จุนถิงไม่เคยเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น เขากลายเป็นเขาอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ดูท่าทาง เจียงหยุนเอ๋อคนนั้นคงมัดใจเขาไว้ได้จริง ๆ
“โธ่ คิดไม่ถึงเลยว่า แกจะตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาจริง ๆ” หลันเยว่เฉินส่ายหัวเบา ๆ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ค่อยพอใจกับคำพูดแบบนี้ของเขาเท่าไหร่นัก : “ฉันกำลังพูดเรื่องสำคัญกับนายอยู่นะ”
“ก็ได้ ฉันรู้นิสัยแกดีน่า ตอนนี้คุณเจียงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้รับเรื่องสะเทือนใจ หลังจากนี้แกต้องคอยดูแลอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก ๆ” หลันเยว่เฉินหุบยิ้ม เอ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม เรื่องนี้ฉันรู้ดี แต่ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ รอฉันจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ” ลี่จุนถิงเอ่ยพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เมื่อได้ฟัง หลันเยว่เฉินก็ได้พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย : “งั้นแกก็ไปเถอะ ที่โรงพยาบาลไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรอก”
“อืม ทางนี้ฝากแกดูแลด้วยแล้วกัน” ลี่จุนถิงพูดจบก็จากไป
ลี่จุนถิงเตรียมตัวกลับบ้าน ในเมื่อลี่จีถองถูกรับตัวกลับไปแล้ว ตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่บ้านตระกูลลี่
ณ ตอนนี้ ที่คฤหาสน์ตระกูลลี่ ลี่จีถองก็รู้สึกจิตใจไม่สงบสุขอย่างมาก
ถึงแม้พี่ชายจะรับเธอกลับมาแล้วก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ที่จัดการไม่สำเร็จ ลี่จุนถิงจะต้องมาคิดบัญชีกับตัวเองแน่นอน ในใจจึงรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมา
“โธ่……ไม่รู้จุนถิงจะกลับมาเมื่อไหร่……”
ลี่จีถองอยู่ที่บ้านตระกูลลี่รู้สึกลุกนั่งไม่ติด จิตใจไม่สงบ คิดอยู่นาน สุดท้ายจึงตัดสินใจจะหลบไปอยู่ด้านนอก
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ฉัน……ฉันช่วงนี้ออกไปอยู่ข้างนอกก่อนดีกว่า ไม่อยากเป็นภาระให้พวกพี่” ลี่จีถองฝืนยิ้มออกมา เดินไปตรงหน้าโม่เสี่ยวฮุ่ยและลี่เจี้ยนหวา เอ่ยพูดเสียงเบา
ลี่เจี้ยนหวาขมวดคิ้ว เอ่ยพูด : “เธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของฉันนะ พูดเรื่องภาระอะไรกัน?”
ผ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้มา ทำให้ตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้สึกเอือมระอาต่อลี่จีถอง เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาอย่างนี้ ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที : “ไอ้หยา จีถองคงจะมีเรื่องอื่นสินะ”
“อืม ใช่ค่ะ พี่คะ ไว้ฉันค่อยมาหาวันหลังนะ” ลี่จีถองไม่มีเวลามาสนใจในท่าทีไม่ยินดีของโม่เสี่ยวฮุ่ย พูดจบประโยคนี้ก็รีบหันตัวเตรียมออกไปทันที
ปรากฏว่า เมื่อลี่จีถองเปิดประตูออกไป ก็เห็นลี่จุนถิงกำลังยืนอยู่ด้านนอกประตูพอดี
ลี่จีถองตกใจอย่างมาก รีบผละตัวถอยหลังไปทันที
ถึงแม้ตอนนี้เธอจะอยากหายตัวไปต่อหน้าลี่จุนถิงทันที แต่เธอก็รู้ดีว่า ตอนนี้ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว
ลี่จีถองยิ้มแห้งออกมา เอ่ยพูด : “จุนถิง กลับมาแล้วเหรอ”
เมื่อเห็นลี่จีถอง สีหน้าลี่จุนถิงก็ถมึงทึงขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยพูด : “ลี่จีถอง ตอนนี้ฉันในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวของตระกูลลี่ ขอร้องให้เธอไปคุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพบุรุษ”
เมื่อได้ยินลี่จุนถิงพูดอย่างนี้ ลี่เจี้ยนหวากับโม่เสี่ยวฮุ่ยก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“จุนถิง ทำไมแกพูดอย่างนี้? พอกลับมาก็แสดงท่าทีอย่างนี้กับคุณป้าของแกได้ยังไงกัน?” ลี่เจี้ยนหวามองลี่จุนถิงอย่างไม่พอใจ “แล้วทำไมก่อนหน้านี้แกถึงได้ทำให้คุณป้าแกถูกจับไปสถานีตำรวจได้ล่ะ?”
สำหรับพ่อแม่ของตัวเองนั้น ลี่จุนถิงทำเป็นพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่สนใจพวกเขา เพียงแต่จ้องเขม่นไปที่ลี่จีถอง
“ตอนนี้ฉันถือว่าฉันพูดออกไปแล้ว เธอไปคุกเข่าเสียตอนนี้ หรือไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลี่เดี๋ยวนี้ แล้วอย่าเหยียบเข้ามาบ้านตระกูลลี่อีกแม้แต่ก้าวเดียว”
ลี่จุนถิงสีหน้าขึงขังมองไปยังลี่จีถอง ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าตอนนี้เขาจริงจังแค่ไหน
ลี่จีถองเดิมทีในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินที่ลี่จุนถิงพูดให้ตัวเองไปคุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพบุรุษ เพียงชั่วพริบตาก็ขาดสติทันที สีหน้าแสดงความหงุดหงิดออกมา : “ไม่! ไม่ได้! ฉันเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลลี่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่แกจะมาเปลี่ยนแปลงได้!”
“เหอะ ในเมื่อเธอพูดอย่างนี้ งั้นเธอก็ไปคุกเข่าให้ฉันซะ หนึ่งวันหนึ่งคืน ตั้งใจสำนึกผิดซะ” ลี่จุนถิงพูดโดยไม่ไว้หน้าลี่จีถองแม้แต่นิด ยังคงยืดหยัดในสิ่งที่ตัวเองคิด
ทันใดนั้น นิสัยขี้โมโหของลี่จีถองก็เผยออกมา เธอจ้องดวงตาคู่นั้น จ้องลี่จุนถิงอย่างเอาเป็นเอาตาย : “ลี่จุนถิง ฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของแกนะ! ทำไมแกถึงได้ทรยศเนรคุณแบบนี้!”