Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 161 ผิดปกติ
บทที่ 161 ผิดปกติ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าค่อย ๆ เริ่มมืดขึ้น ยามค่ำคืนของเมืองแห่งนี้มักจะทำให้คนรู้สึกถึงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
นอกจากแสงสียามราตรีแล้ว ตามถนนและตรอกซอกซอย แทบจะไม่มีผู้คนเลย นอกเสียจากเงาที่มีให้เห็นประปราย ก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นสิ่งใดอีก มืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย
ความมืดแทบจะปกคลุมเมืองนี้เอาไว้ทั้งเมือง ทำให้รู้สึกเหน็บหนาว ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย
เจียงหยุนเอ๋อวิ่งอย่างพะวง กลัวว่าพวกที่อยู่ด้านหลังจะตามมาทัน จึงไม่กล้าพักเลยสักนิด
โชคดีที่ตรอกแห่งนี้มีทางเลี้ยวมากมาย จึงสามารถพรางตัวได้สักครู่ ไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้น
แต่ยังไงอีกฝ่ายก็มีจำนวนคนมากกว่า ต่อให้เจียงหยุนเอ๋อออกแรงวิ่งแค่ไหน แต่ยังไงสองขาก็สู้ไม่ได้หรอก
ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อที่วิ่งไม่ทันถึงไหน ก็ถูกพวกนักเลงสองสามคนตามมาทัน
เมื่อรู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่คิด เจียงหยุนเอ๋อจึงหยุดวิ่ง แล้วหาที่ที่สามารถซ่อนตัวได้
“ถวนจื่อ ตอนนี้หยุนเอ๋อจะให้ลูกทำงานสำคัญ” เจียงหยุนเอ๋อสูดลมหายใจเข้า ข่มอาการวิตกกังวลและหวาดกลัวของตัวเองเอาไว้
เมื่อได้ยินเสียงพูด ถวนจื่อก็หันหน้ากลับมา แล้วสบตา
“เดี๋ยวหม่ามี้จะนับสาม สอง หนึ่ง ลูกต้องพาพวกเด็ก ๆ ออกไปจากที่นี่” เจียงหยุนเอ๋อจับไหล่ถวนจื่อแล้วชี้ไปยังตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลัง
ตรอกเล็ก ๆ นั้นสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่คนไม่สามารถเข้าไปได้เยอะมากนัก
“แล้วหม่ามี้ล่ะ จะทำยังไง?” ถวนจื่อเอ่ยปากถาม
“หม่ามี้เหรอ? เดี๋ยวจะล่อพวกมันไปทางอื่น แบบนี้พวกลูกก็จะมีเวลามากพอที่จะหนีแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยปากพูด
ยังไงก็เป็นเด็กเล็กกันทั้งนั้น ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร เธอจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถให้พวกเขาหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย
ถวนจื่อขมวดคิ้ว รีบบอกปฏิเสธ : “รอให้ผมไปส่งพวกเขาเสร็จ ผมจะไปกับแม่”
เขาไม่มีทางทิ้งผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้เอาไว้แล้วหนีไปคนเดียวแน่
เมื่อได้ยินคำพูดถวนจื่อ มุมปากของเจียงหยุนเอ๋อก็ยกขึ้น แล้วค่อย ๆ ลูบหัวของเขา กำชับเขาอย่างจริงจัง
“หม่ามี้รู้ว่าถวนจื่อของหม่ามี้เก่งมาก แต่นอกจากลูกแล้วพวกเรายังต้องปกป้องเด็ก ๆ คนอื่นให้ปลอดภัยด้วย ถูกไหม ลูกวางใจเถอะ หม่ามี้ไม่เป็นอะไรหรอก พวกมันไม่กล้าทำอะไรหรอก แต่กับพวกเด็ก ๆ นั้นไม่เหมือนกันนะ ลูกดูพวกเด็ก ๆ สิพวกเขากลัวกันมากเลยเห็นไหม”
เมื่อมองไปยังกลุ่มเด็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลัง ก็รู้สึกว่าเจียงหยุนเอ๋อพูดมีเหตุผล ถวนจื่อจึงได้พยักหน้าตอบรับ
เขารู้ว่าต้องปกป้องคนอื่น ๆ ให้ปลอดภัย แต่เมื่อคิดถึงผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้ที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ……
“ถวนจื่อต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ของตัวเองให้ดี ต้องปกป้องคนอื่นให้ได้ นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายตัวจริงควรทำ ไว้ให้ลูกปลอดภัยแล้ว ก็สามารถไปเรียกคนมาช่วยหม่ามี้ได้ จริงไหม” เจียงหยุนเอ๋อยิ้มพลางเอ่ยพูด
เมื่อเห็นอย่างนั้น ถวนจื่อก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้ารูปไข่อ้วนกลมนั้นเผยความกังวลใจออกมา แล้วพยักหน้าตอบรับ “งั้นหม่ามี้ต้องดูแลปกป้องตัวเองให้ดีนะครับ”
เมื่อพูดจบ ก็ชูนิ้วก้อยตัวเองขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เกี่ยวก้อยกับถวนจื่อไว้แน่น “โอเคค่ะ หม่ามี้รับปาก”
เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจออกมายาว ๆ ในที่สุดก็จัดการเรื่องตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เมื่อมองดูเด็ก ๆ จากไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็หันกลับมา มองไปยังนักเลงสองคนที่กำลังมองหาพวกเขาอยู่ท่ามกลางความมืด แววตาเข้มขึ้น กัดฟันแล้วเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว
ในมือเก็บเอาท่อนไม้ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ไม่สนว่ามันจะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่ยังไงก็เก็บมาถือเอาไว้ในมือก่อน ความกล้าของเจียงหยุนเอ๋อก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อออกมา สายตาของนักเลงสองคนนั้นก็แอบมองไปยังด้านหลังโดยไม่ตั้งใจ พบว่านอกจากเธอแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีก จากนั้นก็หันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดกัน
“มิน่าล่ะ ยัยนี่ถึงได้มัวแต่หลบซ่อนตั้งนานไม่ยอมโผล่ออกมา ที่แท้กำลังวางแผนอยู่นี่เอง แกไปพักพวกเด็กกลุ่มนั้นด้านโน้น ส่วนทางนี้ฉันจัดการเอง”
นักเลงคนหนึ่งแสยะยิ้มออกมา สีหน้าดูเหยียดหยาม
เงียบไปครู่หนึ่ง คนนั้นก็ได้เอ่ยพูดต่อ : “จำไว้ ตัดแขนไอเด็กที่เป็นหัวหน้าคนนั้นให้พิการไปซะ ใครให้มันทำเอาเองล่ะ”
ค่ำคืนที่มืดมิด ก็ยังรู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดมาหวีดหวีด
ตรอกนี้ไม่กว้างนัก บทสนทนาของทั้งคู่ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ได้ดังเข้าหูของเจียงหยุนเอ๋อ ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ เธอได้ยินมันหมดแล้ว
ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมา หัวคิ้วขมวดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พวกมัน……
จงใจตามมาหาเรื่องถวนจื่อ
ไม่น่าล่ะ เธอถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ……
คิดในใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
เธอไม่มีทางยอมให้ใครมารังแกถวนจื่อได้ แม้แต่สักนิด ก็ไม่ยอมเด็ดขาด!
ความเป็นแม่ของเจียงหยุนเอ๋อถูกกระตุ้นออกมาทันที ระเบิดออกมาภายในชั่วพริบตา จับไม้วิ่งไปยังด้านหน้าทันที แล้วตีฝ่ายตรงข้ามเข้าไปอย่างแรง
น่าจะไม่ทันคิดว่าเจียงหยุนเอ๋อจะเข้ามาโจมตีกะทันหันอย่างนี้ ทำให้ทั้งสองคนรับมือไม่ทัน ถูกตีเข้าจัง ๆ ไปหนึ่งครั้ง จนเซถอยหลังไปสองก้าว
นักเลงคนนั้นที่เมื่อกี้ทำเก๋าซะเหลือเกิน ถูกตีจนไหล่เลือดออก ทันใดนั้นเลือดก็ทะลักออกมามากมาย
นักเลงคนนั้นเอามือแตะเข้าที่เลือดของตัวเอง แล้วดวงตาก็ดูขึงขังขึ้นมา
“แม่งเอ้ย ยัยนี่ อุตส่าห์ไว้หน้าแต่ไม่เอาใช่ไหม? ทำอวดเก่ง คิดว่าฉันไม่……” นักเลงคนนั้นพูดออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เมื่อพูดจบ ทั้งสองคนก็เข้าไปจับเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้ทันที
ถึงแม้พลังของความเป็นแม่จะระเบิดออกมา ทำให้เจียงหยุนเอ๋อดุเดือดขึ้นไม่น้อย แต่เธอก็ยังเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะพละกำลังหรือความว่องไวก็ไม่อาจเทียบเท่าผู้ชายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอย่างสองคนนั้นได้ ดังนั้นเพียงครู่เดียวก็ถูกพวกมันแย่งไม้ไปได้
หลังจากที่นักเลงทั้งสองคนแย่งไม้ไปได้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ถูกทั้งคู่จับมือเอาไว้จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
เมื่อหันกลับไปมองเด็ก ๆ เหล่านั้นที่ไปไกลแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ถอนหายใจออกมา ความหนักอึ้งในใจก็ค่อย ๆ คลายลงไป
แต่ถึงแม้ว่าระยะห่างของถวนจื่อจะทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย แต่กลับรู้สึกว่ายังมีอันตรายที่มีมากกว่ารออยู่
“ฉันว่ายัยผู้หญิงคนนี้ ก็ดูไม่เลวนะ ในเมื่อจับเด็กนั่นเอาไว้ไม่ได้ กลับไปก็ไม่มีผลงานอะไรอยู่ดี สู้ให้พี่ทั้งสองสุขสมสักหน่อยดีกว่า!” หนึ่งในนักเลงนั้นบีบลูบคางไปมา สีหน้าดูเจ้าเล่ห์หื่นกระหาย จ้องมองไปตามตัวของเจียงหยุนเอ๋อ
“ดี งั้นก็ให้พวกเราได้ฟินกันสักหน่อยละกัน……”
พูดจบ ทั้งสองคนก็ดึงมือเจียงหยุนเอ๋อลากไปยังด้านในตรอกเล็ก ๆ นั่น
อีกฟาก นิ่งเสวียนโม่ยังคงตะลุมบอนอยู่กับคนพวกนั้นที่หัวมุมของตรอก
อีกฝ่ายเอาคนมาไม่น้อยเลย นอกจากคนที่เป็นลูกพี่แล้วยังมีลูกน้องอีกหลายคน รูปร่างแต่ละคนก็กำยำแข็งแรงมาก ราวกับได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
เมื่อเห็นนิ่งเสวียนโม่ท่าทางอวดดีขนาดนี้ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา เข้าไปรุมทุบตีชกต่อยเขา
สองมือยังไงก็สู้หลายสิบมือไม่ไหว ไม่นานนัก นิ่งเสวียนโม่ก็ถูกพวกนั้นล้อมรอบไว้
แล้วลงมือทุบตีชกต่อยต่อทันที