Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 213 ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังเธอไว้ไม่ได้
บทที่ 213 ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังเธอไว้ไม่ได้
ข่าวเรื่องเจียงหนิงเอ๋อถูกจับ ไม่นานก็รู้ถึงหูของฟู้ชูเหม่ยและเจียงเย่เฉิง
ฟู้ชูเหม่ยและเจียงเย่เฉิงจะทนให้ลูกสุดที่รักของตัวเองถูกจับไว้ที่สถานีตำรวจได้ยังไง ทั้งคู่เลยรีบไปหาเจียงหยุนเอ๋อทันที
เจียงหยุนเอ๋อในตอนนี้กำลังนั่งทานส้มอยู่
เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่เจียงหนิงเอ๋อทำมา ถึงแม้จะอกสั่นขวัญแขวน แต่ยังดีที่ลูกไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อจึงค่อยเบาใจลงหน่อย
อีกทั้งตอนนี้ ลี่จุนถิงได้ดูแลห้องคนไข้ของตัวเองอย่างเข้มงวดกวดขันมาก ฉะนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย
คนรับใช้เดินเข้ามา : “คุณนายคะ ด้านนอกมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง บอกว่าเป็นพ่อแม่ของคุณ ต้องการพบคุณค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้ว พ่อแม่เหรอ? พ่อก็คงเป็นเจียงเย่เฉิง ส่วนแม่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นฟู้ชูเหม่ย
เจียงหยุนเอ๋อรู้เรื่องที่เจียงหนิงเอ๋อถูกไปจับที่สถานีตำรวจแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นเพราะเรื่องของเจียงหนิงเอ๋อแน่นอน
ยังไงก็คงหลบไม่พ้น งั้นก็เจอไปเลย : “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
คนรับใช้รับคำสั่ง ปล่อยให้เจียงเย่เฉิงและภรรยาเข้ามา
ปรากฏว่าเมื่อเข้ามา ฟู้ชูเหม่ยก็เดินหน้าเข้ามาทันที แล้วตะโกนโวยวายเสียงดัง : “เจียงหยุนเอ๋อ แกเป็นปีศาจหรือไง? ทำไมถึงทำอย่างนี้กับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองได้ลงคอ? แกรู้หรือเปล่าว่าแกทำแบบนี้จะทำให้เจียงหนิงเอ๋อลำบากขนาดไหน?”
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะเตรียมใจรับคำด่าทอจากฟู้ชูเหม่ยไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อเข้ามาก็วางอำนาจบาตรใหญ่อย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อจึงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
เจียงเย่เฉิงถึงแม้จะไม่เหมือนกับฟู้ชูเหม่ย แต่น้ำเสียงก็ฟังดูไม่ดีนัก : “หยุนเอ๋อ เมื่อก่อนพ่อเคยสอนแกว่ายังไง? ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น แกทำอย่างนี้กับน้องสาวแกมันไม่ถูกต้อง รีบปล่อยน้องแกออกมาเดี๋ยวนี้”
เจียงหยุนเอ๋อไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา : “พ่อคะ พ่อรู้หรือเปล่าว่าเจียงหนิงเอ๋อทำอะไรลงไปบ้าง?”
“น้องก็แค่แหย่แกเล่น ๆ เท่านั้นไม่ใช่เหรอ? น้องยังเด็ก ยังไม่ประสีประสา เลยทำอะไรแบบนี้” ฟู้ชูเหม่ยหาข้ออ้างแก้ตัวให้ลูกของตัวเอง
เจียงหยุนเอ๋อทำเสียงไม่สบอารมณ์ : “เหอะ แค่แหย่เล่นงั้นเหรอ? เธอรู้หรือเปล่าว่าหล่อนกำลังฆ่าคนนะ? หล่อนยังเด็กเหรอ? แล้วลูกในท้องของฉันไม่ใช่เด็กหรือไง? หล่อนบรรลุนิติภาวะแล้ว ควรรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำแล้วนะ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ งั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่อย่างพวกคุณสอนกันมายังไงแล้วล่ะ”
“แก!” เจียงเย่เฉิงถูกเจียงหยุนเอ๋อพูดใส่เป็นชุดจนพูดอะไรไม่ออก
ฟู้ชูเหม่ยชี้หน้าเจียงหยุนเอ๋อ แล้วพูดออกมาอย่างดุเดือดว่า : “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแกจะใจดำอำมหิตอย่างนี้ ดูท่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ สิ่งดี ๆ ไม่จดจำ กลับทำแต่สิ่งเลว ๆ”
เมื่อได้ยินที่ฟู้ชูเหม่ยพูดถึงแม่ของตัวเอง ซ้ำยังกล่าวหาไม่จบไม่สิ้น เจียงหยุนเอ๋อก็โมโหขึ้นมา : “เธอไม่มีสิทธิ์พูดถึงแม่ฉันด้วยซ้ำ แม้แต่นิ้วเท้าของแม่ฉันสักนิ้ว เธอก็เทียบไม่ติด”
“แกลองพูดอีกครั้งสิ?” ฟู้ชูเหม่ยก็ถูกเจียงหยุนเอ๋อว่าใส่ก็โกรธจัดขึ้นมา เดิมทีซูม่านลีก็เป็นผู้หญิงที่เธอดูถูกอยู่แล้ว ซ้ำยังถูกตัวเองเหยียบย่ำอยู่ใต้ตีน ตอนนี้กลับมาพูดว่าตัวเองเทียบกับซูม่านลีไม่ติด “วันนี้แกต้องปล่อยตัวหนิงเอ๋อออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมไปไหน จะอยู่ที่นี่แหละ”
“ใช่ ตามนั้นแหละ” เจียงเย่เฉิงเห็นดีเห็นงามกับฟู้ชูเหม่ย
เจียงหยุนเอ๋อหยิบส้มขึ้นมาอีกลูก แล้วปอกเปลือกออกเรื่อย ๆ หลังจากหยิบส้มชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วถึงได้เอ่ยปากพูด : “ได้สิ งั้นพวกเธอก็เฝ้าอยู่ที่นี่ไปเถอะ และต้องขอโทษด้วยนะที่ฉันกำลังท้องเลยดูแลไม่ทั่วถึง”
เห็นท่าทางไม่สนใจใยดีของเจียงหยุนเอ๋อ เจียงเย่เฉิงก็จนปัญญาทันที
ฟู้ชูเหม่ยเริ่มงี่เง่าเข้าเรื่อย ๆ
ตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อคิดว่าคงแค่ระบายอารมณ์ แต่พูดตั้งนานขนาดนี้แล้ว เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว เธอจึงตะโกนไปด้านนอก : “บอดี้การ์ด มาไล่พวกเขาออกไปหน่อย ต่อไปถ้าพวกเขามาอีกก็อย่าให้เข้ามาเด็ดขาด”
เจียงเย่เฉิงทำหน้าอย่างเหลือเชื่อ : “เจียงหยุนเอ๋อ ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
เจียงหยุนเอ๋อแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
หลังจากที่บอดี้การ์ดเข้ามา ก็ได้ฉุดกระชากลากถูเจียงเย่เฉิงและฟู้ชูเหม่ยออกไป
ในห้องคนไข้ถึงได้สงบลง เธอตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลวันนี้ กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน นิสัยอย่างเจียงเย่เฉิงและฟู้ชูเหม่ยนั้นต้องมาระรานไม่จบไม่สิ้นอีกแน่ ความคิดแปลกประหลาดของพวกเขานั้น เจียงหยุนเอ๋อไม่อยากไปสนใจอีก
เรื่องที่เจียงหนิงเอ๋อถูกจับ ลี่จีถองก็รู้แล้ว : “ยัยเจียงหนิงเอ๋อคนนี้ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ เลย ตัวเองเล่นงานคนอื่นไม่สำเร็จ แล้วตอนนี้เรื่องเละเทะในบริษัทก็ยังทิ้งไว้ให้ตัวเองอีก”
เธอก็เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฎหมาย เมื่อเจียงหนิงเอ๋อถูกตำรวจจับ ภาระหนี้สินทั้งหมดก็ตกอยู่บนหัวเธอ ตอนนี้เธอเองก็สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยจัดการปัญหาพวกนี้มาก่อน
“คุณน้าครับ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ผมยังมีวิธีอยู่นะ” เวลานี้ลี่หยูนห่วนกำลังอยู่ที่บ้านของลี่จีถองพอดี
หลังจากที่คราวก่อนได้ให้รถมาคันหนึ่ง ลี่หยูนห่วนเมื่อมีเวลาว่างก็มักจะมานั่งเล่นที่บ้านลี่จีถอง เพื่อกระชับความสัมพันธ์
“แกมีวิธีอะไร?” สำหรับลี่จีถองแล้ว ตอนนี้นอกจากส้งหวั่นหวั่นที่คิดหาหนทางให้ตัวเองแล้ว ก็มีลี่หยูนห่วนนี่แหละ
“ผมสามารถอัดฉีดเงินทุนให้บริษัทคุณน้าได้ นอกจากนั้นผมก็พอรู้จักพันธมิตรทางธุรกิจอยู่บ้าง ผมสามารถแนะนำพวกเขาให้คุณน้าได้ครับ”
เมื่อลี่จีถองได้ยิน ก็ดีใจยกใหญ่ : “ดีสิ น้ากำลังกังวลเรื่องที่หาคู่ค้าไม่ได้อยู่พอดีเลย ถ้าเป็นอย่างที่พูด ภาระหนี้สินของน้าก็สามารถจัดการได้แล้ว”
“คุณน้าครับ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับ ผมต้องช่วยคุณน้าจัดการได้อย่างเรียบร้อยแน่นอน” ลี่หยูนห่วนตบอกตัวเอง
“ดี งั้นฝากแกด้วยแล้วกัน ฉันค่อนข้างไว้ใจแก” ลี่จีถองรู้สึกชอบใจ ที่เธอไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
ดู ๆ แล้ว หลานชายคนนี้ของตัวเองค่อนข้างดีอยู่นะ ยังไงซะก็เก่งกว่าลี่จุนถิงพันเท่าหมื่นเท่า
หลังจากนั้น ลี่จีถองก็เอาข่าวดีเรื่องนี้ไปบอกให้ส้งหวั่นหวั่นรู้
ส้งหวั่นหวั่น ต่อหน้าก็แสดงความยินดีกับลี่จีถอง แต่ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกสงสัย เลยนัดลี่หยูนห่วนออกมาพบ
“นั่งสิ” ส้งหวั่นหวั่นนั่งพิงเก้าอี้อยู่
ลี่หยูนห่วนค่อนข้างพูดง่าย ส้งหวั่นหวั่นแค่โทรไปนัด เขาก็ออกมาแล้ว
“เรียกฉันมามีธุระอะไรเหรอ?” ลี่หยูนห่วนไม่เกรงใจ มาถึงก็นั่งลง แล้วสั่งกาแฟทันที
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันก็แค่ได้ยินคุณน้าบอกว่านายช่วยบริษัทพวกเราแก้ไขปัญหาพวกนั้นได้?”
ลี่หยูนห่วนพยักหน้า : “ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ”
ส้งหวั่นหวั่นขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยความสงสัย : “ช่วงนี้นายประจบประแจงคุณน้าอย่างนี้ วางแผนจะทำอะไรหรือเปล่า?”
ตอนนี้ลี่จีถองเรียกได้ว่าเชื่อใจไว้ใจส้งหวั่นหวั่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะบอกเธอทุกอย่าง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ลี่หยูนห่วนหัวเราะเสียงดัง “ไม่เสียแรงที่เป็นถึงคุณหนูตระกูลส้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังเธอไว้ไม่ได้”
ส้งหวั่นหวั่นยิ้มออกมา พอใจอย่างมากกับการยอมรับของลี่หยูนห่วน
“ตอนนี้ตระกูลลี่มีลี่จุนถิงคนเดียวที่มีอำนาจ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรขนาดนั้น และไม่ได้มีความคิดที่อยากจะไปแทนที่เขา เพียงแต่ฉันต้องการช่วงชิงผลประโยชน์ของตัวเองก็เท่านั้น”
ส้งหวั่นหวั่นเลิกคิ้ว มองลี่หยูนห่วน
ลี่หยูนห่วนเอาขาที่นั่งไขว่ห้างวางลง แล้วเข้าไปใกล้ส้งหวั่นหวั่น จ้องมองส้งหวั่นหวั่นด้วยความสนอกสนใจ : “ตอนนี้พวกเราขึ้นเรือลำเดียวกันแล้ว พวกเราร่วมมือกัน ถึงตอนนั้นฉันก็จะได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ และเธอ ก็สามารถกำจัดเจียงหยุนเอ๋อคนนั้นไปได้