Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 293 เป็นเธอใช่ไหม
บทที่ 293 เป็นเธอใช่ไหม
ตอนบ่าย หลังจากที่ลี่จีถองให้คำให้การออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจากส้งหวั่นหวั่นยี่สิบกว่าสาย
ลี่จีถองขมวดคิ้วจากจิตใต้สำนึก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็กดรับสาย
พอรับสาย เสียงอ่อนโยนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของส้งหวั่นหวั่นก็ดังขึ้นจากปลายสาย น้ำเสียงร้อนรนมากเหมือนกับว่าเป็นห่วงมาก “ทำไมเธอเพิ่งรับสายฉันตอนนี้ ฉันเป็นห่วงแทบแย่ สองวันนี้เกิดเรื่องขึ้นตั้งเยอะ ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“ไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้ทางนั้นกำลังจัดการให้แล้ว”
ลี่จีถองอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้ดูไม่ออกว่ามีความรู้สึกอย่างไรอยู่
“เหรอ งั้นก็ดี แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน? กี่วันก่อนฉันไปทำงานที่ต่างประเทศเลยไม่รู้เรื่องในประเทศ วันนี้ฉันกลับมาแล้วก็เห็นข่าวเลย เธอทำให้ฉันใจหายจริงๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้น? ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ คืนนั้นฉันก็ไม่น่าให้เธอไปก่อนเลย”
ส้งหวั่นหวั่นถอนหายใจถามออกมา
ได้ยินที่พูด ลี่จีถองก็แค่นเสียงออกมาและพูดอย่างไม่รีบร้อน “ฉันเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็เป็นเพราะเธอไม่ใช่เหรอ? ส้งหวั่นหวั่น เธออย่ามาบอกฉันว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรจะดีกว่า”
หลังจากที่ข่าวออกมา ปฏิกิริยาแรกของลี่จีถองก็คือสงสัยทันทีว่าคนที่ทำใช่ส้งหวั่นหวั่นหรือเปล่า
คืนนั้นที่ดื่มเหล้ากันในบาร์ก็มีแค่เธอกับส้งหวั่นหวั่นแค่สองคน
นอกจากนี้ก็ไม่มีใครที่ติดต่อกับคนร้ายนั้นอีกแล้ว แค่ข้อนี้ก็เพียงพอที่ให้สงสัยเธอได้แล้ว
และอีกอย่าง พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ส้งหวั่นหวั่นก็หายตัวไปทันที หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หาก็หาไม่เจอ จะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ที่สำคัญในคืนนั้นเธอยังเหน็บแนมส้งหวั่นหวั่นอย่างหนัก ความอาฆาตแค้นของผู้หญิงคนนี้หนักขนาดนี้ ไม่แน่จะทำเรื่องอะไรลงได้จริงๆ……
“คุณป้า ฉันไม่รู้ว่าคุณป้าหมายความว่าอะไร” ส้งหวั่นหวั่นพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ
“ไม่เข้าใจที่ฉันพูด? เรื่องในคืนนั้นเธอกล้าพูดหรือเปล่าว่าไม่ใช่เธอทำ? นอกจากเธอก็ไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ได้แล้ว”
ลี่จีถองยิ้มหยัน
“เธอสงสัยว่าเป็นฉัน? จะเป็นฉันได้ยังไง……”
หยุดพูดไปชั่วขณะ ส้งหวั่นหวั่นก็พูดอธิบายว่า “ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลลี่ และฉันก็เกลียดตระกูลลี่จริงๆ แต่ฉันเคารพเธอมาตลอด จะมาทำร้ายเธอแบบนี้ได้ยังไง? ถึงขนาดที่เอาความบริสุทธิ์ของเธอมาเดิมพัน วันนี้ตอนบ่ายพอฉันกลับมาถึงในประเทศก็โทรหาเธอทันทีเลย ถามว่าเป็นยังไง ต้องการให้ช่วยไหม แต่สุดท้ายเธอกลับสงสัยฉัน”
“ที่พูดน่ะจริงเหรอ?” ลี่จีถองถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ระหว่างฉันกับเธอยังมีเรื่องอะไรต้องปิดบังกันอีกเหรอ ในคืนนั้นฉันไปแล้วจริงๆ นี่คือเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อฉันยังมีตั๋วบินอยู่เอามาเป็นหลักฐานได้……ฉันรู้ว่าช่วงนี้เธอโดนทำร้ายมาเยอะ ฉันเองรู้สึกเสียใจกับเธอด้วย แต่เธอไม่เชื่อฉันไม่ได้นะ จีถอง เธอรู้ไหมว่าคำพูดนี้ของเธอทำให้ฉันเสียใจมากแค่ไหน”
ส้งหวั่นหวั่นพูดออกมาอย่างน่าสงสารเหมือนกับว่ามีเรื่องแบบนี้จริงๆ
ฟังคำอธิบายของส้งหวั่นหวั่นแล้ว ลี่จีถองก็พลันใจอ่อนขึ้นมา “ฉัน…..”
“ช่างเถอะ ฉันรู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดีก็ต้องยิ่งไม่ควรถือสาเธอ เธอสบายใจได้เลยนะ เรื่องคืนนั้นฉันให้คนไปแอบสืบแบบลับๆแล้ว ถ้ามีผลออกมาแล้วจะติดต่อบอกเธอเอง ช่วงนี้เธอก็ต้องดูแลสุขภาพดีๆ อย่าโมโหจนเสียสุขภาพล่ะ”
ส้งหวั่นหวั่นพูดเตือน
ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ลี่จีถองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แค่ “อืม” เสียงเบาแล้วตัดสายลง
เห็นชื่อที่สว่างอยู่บนหน้าจอมือถือ ลี่จีถองก็ถอนหายใจออกมายาวๆ คงไม่ใช่ตัวเองเข้าใจผิดเธอหรอกใช่มั้ย? ไม่แน่อาจจะเป็นเธอคิดมากไปเองก็ได้……
อีกฝั่ง ในห้องหนังสือ
เห็นเจียงหยุนเอ๋อที่เงียบไม่พูดอยู่ข้างๆ ลี่จุนถิงก็สูบบุหรี่เข้าไปหนักๆเพื่อล้างคอ
เงียบอยู่นานจึงค่อยเอ่ยคำ “ขอโทษ” สามคำนี้ออกมาช้าๆ
น่าจะเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าสามคำนี้จะออกมาจากปากของลี่จุนถิง คิ้วของเจียงหยุนเอ๋อจึงอดที่จะเลิกขึ้นไม่ได้เพราะรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ
“ทำไมจู่ๆถึงขอโทษฉัน หรือว่าทำอะไรผิดต่อฉันเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อวางเอกสารในมือลงแล้วถามขึ้น
“เรื่องฮันนีมูน……” ผู้ชายพูดออกมาช้าๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
ถึงแม้เรื่องของลี่จีถองจะจัดการได้ประมาณหนึ่งแล้ว หุ้นของลี่ซื่อก็ค่อยๆกลับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกเยอะที่รอให้ไปจัดการ เพราะฉะนั้นลี่จุนถิงจึงจำต้องเลื่อนออกไปอีกสองวันเพื่อไปจัดการงานก่อน
แต่แบบนี้ก็พลาดโอกาสดีของฮันนีมูนของทั้งสองไปอย่างสมบูรณ์
เพราะฉะนั้นลี่จุนถิงจึงรู้สึกกลุ้มใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้หญิงร่างเล็กคนตรงหน้านี้ที่ในท้องยังมีลูกของเขา ในใจก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก เหมือนกับว่าเขาไม่เคยทำเรื่องดีๆอะไรให้เธอเลย
ยิ่งเป็นช่วงนี้ที่ต้องยุ่งแต่กับเรื่องของลี่ซื่อทุกวันจนแทบไม่มีเวลาไปสนใจเธอ
เจียงหยุนเอ๋อชะงักไปครู่หนึ่งแล้วก็ยกมุมปากขึ้น “เรื่องนี้โทษนายไม่ได้หรอก ยังไงก็ไม่มีใครคิดว่าจู่ๆจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่แล้ว”
“นายห้ามหน้าม่อยคอตกแบบนี้ทั้งวันเด็ดขาดเลยนะ ไม่อย่างนั้นพอลูกออกมาแล้วเอาแต่กลัดกลุ้มทั้งวันก็แย่สิ”
มองลี่จุนถิงที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ตอนนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็เตือนด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง
ได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดถึงลูก คิ้วของลี่จุนถิงจึงค่อยๆคลายออกพร้อมกับดับบุหรี่ไปด้วย
“ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน ลูกต้องฉลาดเหมือนฉัน” ลี่จุนถิงพูด
เห็นอารมณ์ของลี่จุนถิงเริ่มดีขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อก็ดีใจขึ้นมาด้วยเล็กน้อย “เหมือนนาย? ฉันว่าอย่าดีกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ฉันกลัวว่าจะเพิ่มหุ่นยนต์ที่เอาแต่ทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกคนน่ะสิ ไม่ได้ๆ เหมือนฉันดีกว่า”
นัยน์ตาของลี่จุนถิงเปล่งประกาย เดินขึ้นหน้าไปสองสามก้าว มือขาวเนียนจับคางของเจียงหยุนเอ๋ออย่างอ่อนโยน เครื่องหน้าที่หล่อเหลาจ้องผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังขวยเขินอยู่
“เหมือนเธอก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จะไม่คลอดเด็กโง่คนที่สองออกมาหรอกเหรอ ฉันก็เหนื่อยแย่เลยสิ” ผู้ชายพูดหยอกล้อเจือเย้ยหยัน
“ไม่มีทางย่ะ!” เจียงหยุนเอ๋อด่ากลับไปพร้อมกับกลอกตามองบนใส่เขาอย่างจัง
ตอนแรกยังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นซะอีก แต่ที่ไหนได้……
ปากร้ายชะมัด คาดหวังด้วยไม่ได้เลยจริงๆ ปากของผู้ชายคนนี้จะพูดอะไรดีๆออกมาได้
“จริงสิ พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะไปตรวจครรภ์ซะหน่อย อาจจะไม่กลับมากินข้าวนะ” เจียงหยุนเอ๋อลูบท้องของตัวเองที่ค่อยๆใหญ่ขึ้นพลางพูดขึ้น
“ตรวจครรภ์? ฉันจะไปกับเธอด้วย” สายตาของผู้ชายก็มองไปที่ท้องตามเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อชายตามองขึ้นพลางส่ายหน้า “พรุ่งนี้นายยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำไม่ใช่เหรอ? ฉันไปเองได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรซะหน่อย”