Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 308 เตรียมแผนสำรอง
บทที่ 308 เตรียมแผนสำรอง
เช้าตรู่วันต่อมา เจียงหยุนเอ๋อพาถวนจื่อไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง
แผนเดิมคือมีแค่เธอกับถวนจื่อสองคนและเพิ่มโมเฉินยี่มาอีกคนเท่านั้น แต่ก็สู้ความดื้อรั้นของลี่จุนถิงไม่ได้จริงๆ เจียงหยุนเอ๋อจึงได้แต่ตกลงอย่างจำใจให้เขาตามไปด้วย
ปรากฏว่าพอมาถึง เจียงหยุนเอ๋อก็พบว่าลี่จุนซินกับโม่เสี่ยวฮุ่ยก็มาด้วย กำลังยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาลเงียบๆ
เห็นถวนจื่อที่จูงมือเจียงหยุนเอ๋อเดินเข้ามา โมเฉินยี่ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอด ในที่สุดก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย เดินขึ้นหน้าหวังจะจูงมือของถวนจื่อ แต่กลับถูกเจียงหยุนเอ๋อสะบัดออกอยากเยือกเย็น
“อย่าแตะต้องตัวเขา” เจียงหยุนเอ๋อกุมมือของถวนจื่อเข้ามาพร้อมกับพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง
ตอนที่พูด สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแทบจะเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว
ถวนจื่อมองเจียงหยุนเอ๋อแวบหนึ่ง รีบดึงมือตัวเองกลับมาเงียบๆ
น่าจะเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าเจียงหยุนเอ๋อจะโมโหขนาดนี้
อันที่จริงตั้งแต่เขาเกิดมา เขาก็ไม่เคยเห็นเจียงหยุนเอ๋อเป็นแบบนี้มาก่อน
แต่สำหรับพ่ออนาคตของตัวเองคนนี้แล้ว ถวนจื่อก็ไม่ได้ชอบมากเหมือนกัน
บวกกับเขารู้สึกว่าหยุนเอ๋อไม่ได้รู้สึกดีกับเขา ก็เลยยิ่งไม่อยากสัมผัสโดนแล้ว จึงรีบหดตัวของตัวเองไปด้านหลัง
“กับคุณ ไม่มีอะไรต้องพูดด้วย” เจียงหยุนเอ๋อพูดเยาะเย้ย ก้มหน้าลงมาลูบผมอ่อนพลิ้วของถวนจื่อ จากนั้นก็กดประตูลิฟต์โดยที่ไม่เหลียวหลังมองกลับ
เพราะว่าพวกเขาสองคนนัดหมอที่จะมาตรวจล่วงหน้าแล้วจึงไม่ต้องเข้าแถว สามารถเข้าไปตรวจเลือดได้ทันที
เห็นหลันเยว่เฉินออกมา เจียงหยุนเอ๋อก็นั่งยองๆพูดเสียงอ่อนโยนเบาๆกับถวนจื่อว่า “ถวนจื่อเชื่อฟังนะคะ ตอนนี้พวกเราเข้าไปเจาะเลือดกับคุณลุงเขาหน่อยโอเคไหมคะ?”
“ได้ครับ” ถวนจื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วเข้าไปห้องตรวจ DNA กับหลันเยว่เฉิน
เดิมทีการตรวจสอบที่เป็นความลับระดับสูงแบบนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาดูได้ แต่ด้วยการร้องขอของลี่จุนถิงอย่างรุนแรง หมอจึงอนุญาตเป็นครั้งแรกให้พวกเขาเข้ามาได้
คนที่ตรวจคนแรกก่อนคือโมเฉินยี่ จากนั้นค่อยเป็นถวนจื่อ
เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงไม่ออกห่างแม้แต่ชั่วขณะเดียว จ้องขั้นตอนการตรวจเลือดของพวกเขาสองคนจนเสร็จโดยไม่ละสายตา ไม่หละหลวมแม้แต่นิดเดียว
ไปๆมาๆน่าจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมงได้ถึงจะทำตัวอย่างเลือดเสร็จ
พอตรวจเลือดเสร็จปุ๊บ เจียงหยุนเอ๋อก็เห็นถวนจื่อเวียนหัว ใบหน้าก็ซีดเผือดมาก
ถวนจื่อมีโรคกลัวเลือดมาตลอด เป็นคนประเภทที่แค่เห็นเลือดก็จะเป็นลมได้แบบนั้น ครั้งนี้ที่อดทนได้นานขนาดนี้ สาเหตุส่วนใหญ่ก็เพราะมีหยุนเอ๋ออยู่
เห็นถวนจื่อเป็นแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกไม่สบายใจมาก จึงอุ้มเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้ตรวจเสร็จแล้วก็กลับได้เลยใช่ไหมคะ?” เจียงหยุนเอ๋อเอียงตัวถามหมอที่กำลังติดตั้งอุปกรณ์อยู่
หมอพยักหน้า “ครับ อีกสองวันพวกคุณก็มาเอาตัวอย่างได้เลยนะครับ ถ้าเด็กไม่สบายก็ส่งเขากลับไปได้เลยครับ”
ได้ยินคำตอบของหมอ เจียงหยุนเอ๋อก็มองลี่จุนถิงแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกจากห้องตรวจเลือด DNA ตอนนั้นโม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนซินก็กำลังรออยู่ข้างนอก
“คุณแม่ พี่” เจียงหยุนเอ๋อทักทาย
“คือว่าถวนจื่อไม่สบาย ฉันขอส่งเขากลับไปก่อนนะคะ” เจียงหยุนเอ๋ออุ้มถวนจื่อพร้อมกับพูดขึ้น
ได้ยินเสียงพูด โม่เสี่ยวฮุ่ยที่ก้มหน้าตลอดก็ค่อยๆชายตามองขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องไปที่เจียงหยุนเอ๋อ
ผ่านไปอยู่นานถึงค่อยๆเอียงตัวพร้อมกับพยักหน้า แต่สีหน้าบนหน้าก็ยังคงดูไม่ดี
ลี่จุนซินก็พูดว่า “เดินทางดีๆนะ”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็อุ้มถวนจื่อเดินจากไป
น่าจะผ่านไปประมาณสิบนาที ลี่จุนถิงถึงค่อยออกมาพร้อมกับโมเฉินยี่ ลี่จุนถิงมองโม่เสี่ยวฮุ่ยแวบหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แม่ครับ เรื่องทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เดี๋ยวผมน่าจะกลับไปก่อน เพราะฉะนั้นก็ไม่ส่งแม่กลับบ้านแล้วนะครับ เดี๋ยวค่อยให้พี่กลับไปเป็นเพื่อนแม่นะ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองลูกชายตัวเองที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหล่อคนนี้แล้วพยักหน้า “ลูกมีเรื่องต้องทำก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวจุนซินจะกลับไปเป็นเพื่อนแม่เอง สองวันนี้แม่จะมาเฝ้าที่นี่เอง วางใจได้ ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน”
ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ของตัวเองเป็นห่วงเจียงหยุนเอ๋อเพราะเหตุผลอื่น แต่ลี่จุนถิงก็รู้สึกพอใจ จึงพยักหน้าแล้วหันหลังออกจากห้องโถง
ห้องคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง——
“สองสามวันนี้คุณต้องระวังอย่าให้โดนน้ำนะครับ ไม่งั้นจะอักเสบได้ง่าย” หลันเยว่เฉินชี้ไปที่มือคนไข้แล้วพูดกำชับ
ผู้ป่วยหยิบแบบฟอร์มสรุปการรักษา จากนั้นก็พยักหน้าพูดว่า “ขอบคุณครับคุณหมอ” เสร็จก็เดินออกไป
“คนต่อไปครับ——” หลันเยว่เฉินเรียก
แต่รออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงใคร จึงมองขึ้นมาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยยังไงนั่นแล้ว
ลี่จุนถิง
หลันเยว่เฉินชะงักอยู่หลายวิ จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น “ทำไม? ไม่ไว้ใจเหรอ?”
หลันเยว่เฉินมองเอกสารในมือของลี่จุนถิงแวบหนึ่งแล้วถามแบบหยอกๆ
ลี่จุนถิงแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย “อืม เมื่อกี้ถือโอกาสตอนที่พวกเขาตรวจอยู่ ฉันเอาเอกสาร DNA เพิ่มมาหนึ่งชุด พอนายว่างแล้วช่วยฉันเอาไปตรวจที่ข้างนอกหน่อย หมอที่นี่ยังไงก็วางกลได้ง่ายเกินไป”
ต่อให้จะมีหลายคนเฝ้าอยู่ แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าหละหลวมอยู่ดี
เพราะฉะนั้นเขาจึงเตรียมแผนสำรอง ขโมยเอกสารออกมา ตรวจ DNA ก็ต้องรับรองให้ได้ว่าต้องไม่มีทางพลาดเด็ดขาด ห้ามให้คนอื่นถือโอกาสมาทำอะไรได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ รวมทั้งเขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน
“ได้ นายสบายใจได้เลย เรื่องนี้ฉันจัดการให้เอง” หลันเยว่เฉินตบหน้าอกตัวเองพูดรับประกัน
เห็นท่าทีรับประกันของหลันเยว่เฉิน แทนที่ลี่จุนถิงจะสบายใจ แต่มุมปากกลับเผยความกังวลมากขึ้น
อีกฝั่ง หลังจากที่ส่งถวนจื่อกลับบ้านแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็แทบจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสองวันหลังจากนี้ ยิ่งเข้าใกล้เวลาที่จะไปรับผลตรวจ เจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งรู้สึกจิตใจไม่สงบ คนทั้งคนซื่อๆเซ่อๆ อย่างเช่นแค่ทำกับข้าวก็สามารถทำให้ไหม้ได้
ทุกวันอยู่แต่ในสภาพวิตกกังวล
เห็นเจียงหยุนเอ๋อสภาพแบบนี้ ลี่จุนถิงก็ขอหยุดงานไปเลยสองสามวัน ตั้งใจอยู่บ้านเป็นเพื่อนเจียงหยุนเอ๋อโดยเฉพาะ
จะได้ไม่ถึงเวลานั้น เธอจะคิดไม่ตกทำเรื่องโง่ๆอะไรขึ้นมาอีก
แต่ที่โชคดีก็คือ หลายวันมานี้โม่เสี่ยวฮุ่ยแทบจะอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวันเลยไม่มีเวลาว่างมาหาเรื่องเจียงหยุนเอ๋อ
โม่เสี่ยวฮุ่ยอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวัน แถมยังตั้งใจจ้างคนไปดูผลตรวจของ DNA โดยเฉพาะอีก สายตาคู่นี้ตรวจสอบอย่างละเอียด จับตาดูไม่ละสายตา ไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว…