Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 444 จิตใจก็คงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
บทที่444 จิตใจก็คงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ระหว่างที่ลี่จุนถิงออกไปนั้น ฟั่นเพ่ยก็ไม่ค่อยได้สนใจเคธี่เท่าไหร่แล้ว ในใจของเคธี่เองก็ดีขึ้นไม่น้อยเลย
ยังดีที่ตัวเองฉลาด ที่ลบความรู้สึกที่ฟั่นเพ่ยมีให้ได้เร็ว เพื่อไม่ให้เขารู้สึกไปนานกว่านี้
เมื่ออารมณ์ดี เคธี่ก็ให้ลูกน้อยเตรียมเค้ก พลางนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านเพื่อจะดื่มชายามบ่าย
ในตอนนั้นผู้ดูแลบ้านบอกว่าคนที่คอยสืบการเดินทางของลี่จุนถิงมาแล้ว
“อือ ให้เขาเข้ามา” เคธี่ยกชานมที่ชงเสร็จ พลางจิบเล็กน้อย
คนที่แอบตามสืบการเดินทางของลี่จุนถิงมารายงานให้เคธี่ฟัง: “คุณหนูเคธี่ คุณชายลี่ออกจากเมืองจิ่งเฉิงไปแล้ว”
เคธี่วางถ้วยชาที่อยู่ในมือ: “อะไรนะ? ไปไหนล่ะ?”
“ได้ยินคนของบริษัทบอกว่าไปทำงานข้างนอกน่ะ”
“ทำงานนอกบริษัทงั้นเหรอ?” เคธี่คิดว่าคำนี้มันดูไม่ชอบมาพากลเท่าไหร่ เธอรู้มาจากทางอื่นว่าช่วงนี้ลี่จุนถิงงานยุ่งมาก ดังนั้นการออกไปทำงานด้านนอกเลยน้อยมาก ทำไมจู่ๆ ถึงออกไปได้นะ
“ได้ยินว่าคุณชายลี่พาภรรยาของเขาออกไปด้วย”
เคธี่หรี่ตาลง เพราะเธอรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด
ถ้าเกิดออกไปทำงานเฉยๆ ทำไมต้องพาเจียงหยุนเอ๋อออกไปด้วย นี่มันตบตากันชัดๆ พาเจียงหยุนเอ๋อออกไปเที่ยวยังจะมาหาเหตุผลให้ดูดีอีก
“ได้ ฉันรู้แล้วละ งั้นช่วงนี้คุณพักไปก่อนก็แล้วกับ เดี๋ยวคุณชายลี่กลับมาเมื่อไหร่ รีบมารายงานฉันนะ” เคธี่หายใจเข้าลึกๆ
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็โกรธเป็นอย่างมาก
โทรศัพท์ของเคธี่ก็ดังขึ้นในตอนนั้นเอง
“ฮัลโหล” น้ำเสียงของเคธี่ดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
“เคธี่ ฉันคือลี่จุนซินนะ ฉันอยากนัดคุณออกมากินข้าวหน่อยน่ะ” ลี่จุนซินได้ยินน้ำเสียงของเคธี่ที่ดูไม่ดี ในใจก็เริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
หลังจากที่ลี่จุนซินกลับมาคิดไปมาแล้ว ก่อนหน้านี้เคธี่บอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับลี่จุนถิงเท่าไหร่ มันเป็นเพียงความรู้สึกดีแบบปกติเท่านั้นเอง
แต่ว่าเรื่องของเคธี่ ลี่จุนซินเองก็ได้ยินลี่จุนถิงพูดขึ้นมาบ้าง บอกว่าเคธี่ชอบมาปรากฏตัวต่อหน้าตัวเองตลอด แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงบังเอิญขนาดนั้น
ลี่จุนซินเพิ่งจะเข้าใจ ว่าอันที่จริงเคธี่ไม่ใช่ไม่ชอบลี่จุนถิง แต่อาจจะเป็นเพราะผู้หญิงชอบผู้ชาย ไม่ว่าอย่างไรก็มีเขินอายกันบ้าง
ถึงแม้ว่าเคธี่จะไม่ใช่ผู้หญิงที่ขี้อายขนาดนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีเขินกันบ้าง
ทั้งหมดนี้ตัวเองคิดตื้นเกินไป ดังนั้นท่าทีที่ลี่จุนซินทำกับตัวเองเลยมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย
ในฐานะที่เป็นพี่น้องของเคธี่ แต่กลับไม่ได้ช่วยเธอ
เธอรู้สึกไม่ดีในใจเลย ลี่จุนซินเลยตัดสินใจจะชวนเคธี่ไปกินข้าว ไม่ว่าอย่างไร ในใจของตัวเองก็คงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ตอนนี้เคธี่อารมณ์ไม่ดี เลยไม่ได้อยากออกไปข้างนอกขนาดนั้น
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช่วงนี้เราไม่ได้เจอกันเลย เลยอยากเจอหน่อยไง” ลี่จุนซินยิ้มแหะๆ ด้วยความประหม่า
เคธี่เงียบไปสักพัก สุดท้ายก็พยักหน้าตอบตกลง: “ก็ได้ งั้นคุณส่งสถานที่กับเวลามาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเคธี่ตอบตกลง ลี่จุนซินก็ดีใจเป็นอย่างมาก: “ได้”
หลังจากที่วางสายไป ลี่จุนซินก็ส่งที่อยู่ของร้านอาหารที่ตัวเองจองเอาไว้ให้
เคธี่ขับรถที่น่าดึงดูดสีแดงของตัวเองไปยังสถานที่ที่นัดกัน
เพื่อให้ดูจริงใจเสียหน่อย ลี่จุนซินเลยตั้งใจมายืนรอเคธี่อยู่หน้าทางเข้าของร้านอาหาร
เมื่อเห็นเรือนร่างสีแดงที่คุ้นเคย ลี่จุนซินก็รีบเดินเข้าไป เรียกด้วยความดีใจ: “เคธี่ ฉันอยู่นี่”
เคธี่หันไปมองตามทางของเสียงที่ลอยมา จากนั้นก็จอดรถไว้ข้างๆ พลางโยนกุญแจในมือให้พนักงานของร้านอาหาร จากนั้นก็ลงจากรถ
“อือ” เคธี่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเป็นอย่างมาก เธอเพียงตอบรับเบาๆ เท่านั้น
ลี่จุนซินเห็นได้ชัดว่าท่าทีที่เคธี่ทำกับตัวเองนั้นมันเย็นชามาก แต่เมื่อคิดว่าตอนที่คุยโทรศัพท์กันนั้นก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบอารมณ์ของเคธี่อยู่แล้ว ดังนั้นในใจเลยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเธอก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์เป็นหลักอยู่แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นเอง
ลี่จุนซินคล้องแขนของเคธี่ ก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปในห้องรับรองที่จองเอาไว้
“ร้านอาหารร้านนี้อาหารจีนออกใหม่ด้วยนะ ฉันได้ยินเพื่อนของฉันบอกมา แถมยังอร่อยมากด้วย คุณบอกว่าคุณชอบกินอาหารจีนไม่ใช่เหรอ ฉันอยากจะพาคุณมากินดูหน่อยน่ะ” ลี่จุนซินเดินมาทางด้านหน้าก่อนจะลากเก้าอี้ให้เคธี่
เคธี่นั่งลงไป ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“หิวแล้ว รีบมาเสิร์ฟอาหารหน่อย” เคธี่กอดอกพลางนั่งพิงเก้าอี้
ลี่จุนซินทำได้เพียงยิ้มเบาๆ ให้พนักงาน
พนักงานส่งเมนูอาหารมาให้ ลี่จุนซินก็สั่งอาหารเด่นๆ ไป
หลังจากพนักงานไปแล้ว ลี่จุนซินก็เปิดปากขึ้นพูด: “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูคุณอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น” เคธี่หยิบโทรศัพท์ออกมา พลางดูข้อความ เธอไม่มองลี่จุนซินเลยแม้แต่น้อย
“คุณพูดเรื่องที่ไม่สบายใจออกมาเถอะ เก็บเอาไว้ไม่ดีหรอก” ถึงลี่จุนซินถึงจะทำอะไรไม่ถูก แต่ก็พยายามจะเข้าใจเคธี่อยู่
ถึงอย่างไรลี่จุนซินเองก็รู้ ว่าเคธี่เป็นเจ้าหญิงในบ้าน ไม่แปลกที่จะเจ้าอารมณ์บ้าง
“ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไร ฉันก็แค่อารมณ์ไม่ดีเท่านั้นเอง” เคธี่ขมวดคิ้วมาชนกัน
ตัวเองจะไปบอกลี่จุนซินได้อย่างไรว่าตัวเองอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของลี่จุนถิง
ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับลี่จุนถิง ถ้าเกิดตอนนี้บอกว่าเป็นเพราะลี่จุนถิงพาเจียงหยุนเอ๋อออกไปเที่ยว มันจะเสียหน้ามากไม่ใช่หรือไง?
อีกอย่างตอนนี้เคธี่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาตลอดเมื่อได้เห็นลี่จุนซิน เธอเลยยิ่งอารมณ์ไม่ดีเข้าไปใหญ่ แต่ว่าพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย
ลี่จุนซินเองก็เงียบไป เพราะคนอื่นอารมณ์ไม่ดีอยู่จะไปถามอะไรมากไม่ได้
อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะด้วยความรวดเร็ว ทั้งสองคุยกันเพียงสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟจนใกล้ครบแล้ว
“รีบกินเร็ว อารมณ์ไม่ดีก็ต้องกินนะ” ลี่จุนซินเอาอาหารที่เคธี่ค่อนข้างชอบไปให้ตรงหน้าเธอ
เคธี่หยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบอาหารที่อยู่ใกล้ที่สุด
“เป็นไงบ้าง?อร่อยไหม? ” ลี่จุนซินมองเคธี่ด้วยความคาดหวัง
เคธี่พยักหน้าเบาๆ เท่านั้น
อันที่จริงตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลงเลย เพราะเวลาอารมณ์ไม่ดี กินอะไรเข้าไปก็ไม่มีรสชาติ
เมื่อเห็นเคธี่พยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของลี่จุนซินก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเต็มเปี่ยม
เมื่อเห็นเคธี่เริ่มกินข้าวแล้ว ลี่จุนซินเองก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อได้กินกับข้าวที่รสชาติไม่เลว ลี่จุนซินก็คีบน่องไก่ให้เคธี่ พลางใส่ในถ้วยของเธอ: “คุณชอบกินน่องไก่ไม่ใช่เหรอ?น่องไก่ของร้านนี้อร่อยมากเลยล่ะ”
ตอนนี้เคธี่อยากจะกินข้าวเงียบๆ แต่ลี่จุนซินกลับมาพูดกับตัวเองเรื่อยๆ เคธี่เลยรู้สึกรำคาญขึ้นในใจ
ตอนที่น่องไก่วางอยู่ในถ้วยของเคธี่ เคธี่ก็คีบกลับไป: “ไม่ต้องคีบให้ฉัน ฉันไม่อยากกิน”
แถมบนในหน้ายังมีท่าทีเกลียดชังอีกด้วย
ลี่จุนซินอึ้งไป เมื่อเห็นน่องไก่ที่วางกลับมาในจานอาหารเหมือนเดิม ก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง