Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 462 เป็นกรณียกเว้น
อันซีหนีช่วงนี้ยังคงกลัดกลุ้มกับเรื่องของน้องชาย
หลังจากที่คราวก่อนไปหาลี่หุยเพื่อหาข้อสรุปในการร่วมมือกัน อันซีหนีก็ไม่ได้ไปหาลี่หุยอีกเลย
ที่จริงเมื่อเทียบกับการร่วมมือกับลี่หุยเพื่อช่วยAnthonyออกมา อันซีหนีหวังที่จะช่วยAnthonyออกมาจากสถานีตำรวจโดยตรงเลยมากกว่า
เพราะไป ๆ มา ๆ ก็เสียเวลาไปหลายวันแล้ว หลายวันมานี้อันซีหนีไปเยี่ยมAnthonyแทบทุกวัน เห็นAnthonyผอมลงทุกวัน ทุกครั้งที่เห็นอย่างนั้นตัวเองก็ร้องไห้โหยหวนหลายครั้ง อันซีหนีสงสารน้องชายตัวเองเป็นอย่างมาก
ยิ่งนึกถึงตรงนี้ อันซีหนีก็ยิ่งอยากกำจัดลี่จุนถิง
อันซีหนีได้ให้ผู้ช่วยไปตามหาคนที่เหมาะสม เพื่อช่วยAnthonyออกมา
เขาถึงขั้นคิดอยากจะบุกทลายคุกเลยทีเดียว แต่แบบนั้นจะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่
อีกอย่างถ้าสำเร็จก็ยังโอเค ตัวเองหนีกลับไปก็จบแล้ว แต่ถ้าไม่สำเร็จขึ้นมาเกรงว่าAnthonyที่อยู่ในคุกจะยิ่งลำบาก ตัวเองจะเอาชีวิตของน้องชายมาล้อเล่นไม่ได้
ลี่จุนถิงโหดเหี้ยมตรงที่เขาจับAnthonyขังไว้ในที่สว่าง ขังอยู่ในคุกอย่างสมเหตุสมผล ทำให้อันซีหนีทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ถ้าหากขังไว้ในที่ส่วนตัวหรือที่อื่น ๆ อันซีหนียังสามารถระเบิดสถานที่นั้น ๆ เพื่อช่วยน้องชายได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันซีหนีก็ได้แต่ถอนหายใจ
ทันใดนั้นผู้ช่วยก็กลับมา
อันซีหนีรีบเอ่ยถาม : “ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง?”
ผู้ช่วยส่ายหน้า : “คุณชายใหญ่ครับ พวกเขาไม่ยอมช่วย ผมยื่นข้อเสนอไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ยอมตอบตกลง”
อันซีหนีหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ : “ดูท่าทางข้อเสนอที่เรายื่นไป จะสู้อิทธิพลของลี่จุนถิงไม่ได้สินะ”
หลายวันมานี้ผู้ช่วยตามหาคนที่เหมาะสมมาช่วยตัวเอง แต่กลับหาไม่ได้เลย
พวกเขาต่างพากันปฏิเสธด้วยสารพัดข้ออ้าง
ท่าทางอิทธิพลของลี่จุนถิงจะร้ายกาจกว่าที่ตัวเองคิดไว้เยอะเลย คนพวกนั้นถึงได้กลัวตัวเองจะมีปัญหา ถึงกับไม่ยอมรับผลประโยชน์ แน่นอนว่าเป็นเพราะลี่จุนถิงรับมือยากเกินไป
“แล้วพวกเราจะทำยังไงครับ? หรือว่าต้องร่วมมือกับลี่หุยจริง ๆ?” ที่จริงผู้ช่วยไม่ค่อยชอบลี่หุยเท่าไหร่
เพราะรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ได้เรื่อง
“ในเมื่อปูทางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางอื่นให้เลือก งั้นก็ไปเถอะ” อันซีหนีพูดพลางหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา แล้วออกไปจากโรงแรม
ตอนแรกที่ไปหาลี่หุย อันซีหนีมีความคิดอย่างหนึ่ง นั่นคือมีหลายทางเลือก
ตอนนั้นมาด้วยความรีบร้อน จึงไม่ได้หาคนมาช่วยเหลือตัวเองให้ดีเท่าไหร่ เลยติดต่อลี่หุยไป ต่อมาคิด ๆ ดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
อันซีหนีมีห้างสรรพสินค้าทั่วทุกสารทิศ เป็นไปได้เหรอที่เขาจะไม่มีพันธมิตรดี ๆ อยู่ในประเทศจีนเลย?
เมื่อคิดได้อย่างนี้ อันซีหนีจึงได้ชะลอเรื่องความร่วมมือกับลี่หุยออกไป อยากช่วยAnthonyออกมาอย่างง่ายดาย
เพราะหาคนมาช่วย จะยิ่งใช้เวลาน้อยลง แต่ตอนนี้ดูท่าทางแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกนานเลย
ไม่รู้ว่าAnthonyอยู่ที่สถานีตำรวจจะทนต่อไปได้ไหม
ลี่หุยที่จู่ ๆ ก็ได้รับสายจากอันซีหนี ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังมีพันธมิตรแบบนี้อยู่อีกหนึ่งคน
หลังจากที่ทั้งสองคนพบหน้ากันเมื่อคราวก่อน ลี่หุยก็ค่อย ๆ ลืมคนคนนี้ไปเลย
แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วอันซีหนีก็เหมือนจะเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง จึงได้ยอมรับนัด ทรัพยกรที่ดีอย่างนี้ต้องรู้ใช้ประโยชน์อย่างสมเหตุสมผล
ทั้งสองคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเขตชานเมือง
การตกแต่งของร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงที่ดึงดูดคนมามากมาย
การตกแต่งด้วยสีเขียวอ่อน บวกกับโต๊ะไม้สีธรรมชาติ เวลารับประทานอาหารราวกับได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สถานที่แบบนี้เหมาะกับการเจรจาหาความร่วมมือมากที่สุดแล้ว
เจ้าของธุรกิจใหญ่มากมายชอบมาที่นี่ เพราะหลังทานอาหารเสร็จยังมีบริการให้ชิมชาฟรีอีกด้วย
หลังทานอาหารเสร็จ อันซีหนีก็จัดแจงให้ชิมชา
อันซีหนีและลี่หุยนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อทาทามิ มองพนักงานที่ต้มชาชงชาให้ตัวเองอยู่ข้าง ๆ
“วัฒนธรรมดื่มชาของประเทศจีนพิถีพิถันมากใช่ไหม” อันซีหนีสูดกลิ่นหอมของชาที่โชยออกมาจากในแก้วชาแล้วเอ่ยพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว ชานี่เป็นของดีเลยล่ะ ช่วยทั้งเรื่องของร่างกายและจิตใจ” ลี่หุยยกแก้วชาขึ้นมา ดื่มไปหนึ่งคำ
ร้านอาหารแห่งนี้ตัวเองเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แต่เคยได้ยินจากเพื่อนคนอื่น ๆ มาบ้าง เพียงแค่ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้มาสักครั้ง
วันนี้ได้มาแล้ว รู้สึกว่าคุ้มค่าจริง ๆ ชาที่นี่ไม่เลวเลย กลิ่นหอมมาก หลังจากเข้าปากแล้วมีรสชาติขมนำหวานตาม ดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
“ตอนที่ฉันอยู่ต่างประเทศก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่มีโอกาสได้ดื่มชาดั้งเดิมเลย ดูท่าวันนี้ลาภปากแล้ว” อันซีหนีพูดพลางยกชาตรงหน้าขึ้นมา แล้วจิบหนึ่งคำ
เมื่อทั้งปากเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชา อันซีหนีก็พยักหน้าเอ่ยชม : “อร่อย”
ประโยคนี้เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงของเขา
ถึงแม้เขาจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับคนจีนสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกสนใจหลายสิ่งหลายอย่างของประเทศจีน อย่างเช่น ชา ผ้าไหม เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
นี่ก็เป็นเหตุผลที่อันซีหนีมีความร่วมมือเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนจีนในทุก ๆ ปี
ส่วนคนตรงหน้าคนนี้ เป็นกรณียกเว้น
หลายคนที่อยากร่วมงานกับตัวเองล้วนแต่ตัวเองต้องได้ผลประโยชน์มากกว่าทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ เพื่อช่วยน้องชาย เขาจึงจำเป็นต้องมอบโครงการบางโครงการให้กับลี่หุย จะได้กำไรหรือขาดทุนก็ยังไม่แน่นอน แต่เขาจะพยายามให้ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
ผู้ช่วยเห็นสายตาที่ส่งสัญญาณของอันซีหนี ก็ได้บอกให้พนักงานชงชาออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นว่าภายในห้องมีเพียงพวกเขาสามคนแล้ว อันซีหนีก็เอ่ยปากพูด : “คุณลี่ ไม่ปิดบังคุณแล้วกันนะ ครั้งนี้ที่มาหาคุณเพราะอยากเจรจากับคุณเรื่องความร่วมมือของพวกเรา”
ลี่หุยพยักหน้า เขาก็รู้ว่าวันนี้ที่อันซีหนีมาหาตัวเองไม่ใช่แค่ทานข้าวดื่มชาธรรมดา ๆ อยู่แล้ว
“ครับ เชิญคุณพูดได้เลย” ลี่หุยอยากดูว่าตกลงเขาต้องการอะไรกันแน่
“ผมอยากร่วมโครงการกับคุณโครงการหนึ่ง โครงการนี้ถึงแม้ไม่ได้ดีเลิศเลอนัก แต่ถ้ามีความสามารถทำมันออกมาได้ดี ผลประโยชน์ที่จะได้รับก็มากมายมหาศาลเลยทีเดียว” อันซีหนีคิดในใจลองหยิบยกโครงการหนึ่งขึ้นมาพูดดูก่อนแล้วกัน
ลี่หุยได้ฟังก็เลิกคิ้ว : “โอ้ว? คุณอันซีหนีลองพูดให้ผมฟังได้ไหมครับ?”
อันซีหนีไม่พูดพร่ำทำเพลง รับเอาแฟ้มเอกสารจากมือผู้ช่วย ยื่นให้ลี่หุย
ลี่หุยรับเอกสารมา รีบเปิดอ่านอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็อดดีใจขึ้นมาไม่ได้เลยทีเดียว
ตามความเข้าใจของเขา ช่วงนี้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปน่าจะขาดโครงการประเภทนี้มากที่สุด ถ้าตัวเองสามารถทำออกมาได้ดี ไม่แน่ว่าอาจทำให้ท่านปู่ลี่ชื่นชมตัวเองก็เป็นได้
ช่วงนี้ตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ไม่เพียงแต่ได้เคธี่ที่มากความสามารถมาเป็นพันธมิตร ยังได้ของดีตกลงมาจากฟ้าอีกต่างหาก ทำให้ดีใจจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว
อันซีหนีมองอารมณ์ของลี่หุยออกว่าเป็นอย่างไร แต่ยังคงถามออกไปว่า : “คุณลี่คิดว่าอย่างไรครับ?”
“โครงการนี้ผมค่อนข้างพอใจ ถ้าหลังจากที่ผมอ่านดูอย่างละเอียดแล้วไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าพวกเราก็คงได้ร่วมมือกัน” แน่นอนว่าลี่หุยไม่มีทางบอกว่าตัวเองชอบโครงการนี้มากอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเหลือไพ่ใบสุดท้ายไว้ให้ตัวเองหน่อย