Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 464 นายพยายามช่วยคนเถอะ
จากที่ใช้ความรู้สึกตัวเองมอง ลี่จุนถิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ระยะนี้ ความก้าวหน้าของลี่หุยในบริษัทถือว่าไม่เลว หลังจากที่โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้เรื่องนี้ ก็คอยบอกใบ้เขาครั้งแรกครั้งเล่า ว่าอย่าให้ลี่หุยทำสำเร็จเด็ดขาด
ที่จริงต่อให้โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่พูด ลี่จุนถิงเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงแม้เดิมทีเขาจะไม่ได้เห็นลี่หุยอยู่ในสายตา แต่ยังไงซะเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดขึ้น
เขาไม่มีทางยอมให้ลี่หุยกลายเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้เด็ดขาด
วันนี้หลังจากลี่จุนถิงเลิกงาน ก็ได้รับสายจากโม่เสี่ยวฮุ่ยอีกแล้ว และหนึ่งในเนื้อหาที่พูดถึงก็เกี่ยวข้องกับลี่หุย
หลังจากที่ทะเลาะกับลี่เจี้ยนหวาเรื่องลี่หุย โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยิ่งเกลียดลี่หุยมากขึ้นไปอีก หรือพูดได้ว่า เธอไม่เคยรู้สึกดีต่อลี่หุยเลยสักนิด
และเพราะการมีตัวตนของลี่หุย ทำให้โม่เสี่ยวฮุ่ยในตอนนี้พูดได้ว่าผิดหวังในตัวลี่เจี้ยนหวาอย่างถึงที่สุด ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอสามารถคาดหวังได้ ก็คงจะมีแค่เจียงหยุนเอ๋อเท่านั้น
อีกด้าน ลี่หุยและอันซีหนีได้เริ่มคิดหาวิธีที่จะสร้างปัญหาให้ลี่จุนถิง
ถึงแม้ลำพังแค่ลี่หุยคนเดียวไม่มีทางทำให้ลี่จุนถิงสนใจได้ แต่ว่าตอนนี้ยังไงซะเขาก็ได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างอันซีหนีมาเป็นพวกแล้ว
ฉะนั้นทั้งหมดนี้ สำหรับลี่จุนถิงแล้ว ก็มีความแตกต่างขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณชายลี่ ทางนั้นจู่ ๆ ก็บอกว่าจะระงับโครงการที่ร่วมมือกับพวกเราครับ” ซู่จี้งยี้เดินเข้ามาจากนอกห้องทำงานด้วยสีหน้าร้อนรน พร้อมรายงานข่าวที่ฟังดูแล้วไม่ใช่ข่าวดีเลย
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว สีหน้าดุดันอย่างมาก : “เกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่?”
บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกเขามีชื่อเสียงโด่งดัง หลายบริษัทต่างแย่งชิงกันเพื่อได้ร่วมงานกับพวกเขา ยากมากที่จะพบกับสถานการณ์อย่างเช่นวันนี้
ถึงขนาดมีคนขอระงับความร่วมมือกับพวกเรา
“อืม……ทางนั้นก็ไม่ได้บอกเหตุผลครับ และได้จ่ายเงินชดเชยค่าผิดสัญญาแล้วด้วย ดังนั้นพวกเรา……” ซู่จี้งยี้รู้สึกจนปัญญา
ช่วงนี้เขาเองก็รู้สึกได้ว่ามีคนจ้องหาเรื่องลี่จุนถิง แต่ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า
“ไม่ยินดีที่จะร่วมมือ? งั้นก็ช่างเถอะ” ลี่จุนถิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “คงมีบริษัทอื่นมาร่วมมือแทนแล้ว นายไปตรวจสอบดูแล้วกัน”
ปัญหาอย่างนี้ที่จริงแล้วสำหรับลี่จุนถิงไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากอะไร แต่เรื่องเล็กแบบนี้หลาย ๆ เรื่องรวมกัน ก็ทำให้ลี่จุนถิงเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
และเมื่องานยุ่งขึ้นมา ลี่จุนถิงก็ละเลยเรื่องของAnthonyไป
“ช่วงนี้สถานการณ์ทางนั้นของลี่จุนถิงเป็นยังไงบ้าง?”
ยังไงก็ตามเมื่อเทียบกันแล้วลี่หุยก็ใกล้ชิดกับลี่จุนถิงมากกว่า ดังนั้นอันซีหนีก็ต้องสอบถามสถานการณ์ในช่วงนี้กับลี่หุยอยู่แล้ว
ลี่หุยช่วงนี้ก็ให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของลี่จุนถิงตลอด เมื่อเห็นท่าทางร้อนใจของลี่จุนถิง เขาก็ได้ใจและรู้สึกดีใจมาก
แต่ในความเป็นจริง ลี่จุนถิงไม่ได้แสดงความกังวลออกมาสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ลี่หุยคิดไปเองทั้งนั้น คิดว่าตัวเองสามารถสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับลี่จุนถิงได้
“คุณวางใจเถอะ ช่วงนี้เป็นเพราะพวกเราสร้างปัญหาเหล่านั้นให้เขาทำให้เขากังวลเป็นอย่างมาก พวกเราน่าจะสามารถฉวยโอกาสนี้ไปช่วยน้องชายของคุณออกมาได้”
ลี่หุยพูดกับอันซีหนีด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างมาก
สำหรับคำตอบอย่างนี้ของลี่หุย ในใจของอันซีหนีรู้สึกพอใจมาก สำหรับพันธมิตรอย่างลี่หุย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าน่าจะไม่ได้มาหาผิดคน
และในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายอันซีหนีก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย พยายามคิดหาทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ลี่จุนถิงได้สงบสุข
วันนี้ อันซีหนีรู้สึกว่าในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว เลยให้ลี่หุยคอยจับตามองลี่จุนถิงต่อไป ส่วนตัวเองก็พาคนจำนวนหนึ่งไปที่เรือนจำ เพื่อจะช่วยAnthonyออกมา
“ตอนนี้ลี่จุนถิงอยู่ในบริษัท น่าจะไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติอะไร คุณพยายามช่วยคนเถอะ”
ด้านนอกห้องทำงาน ดวงตาคู่นั้นของลี่หุยได้จ้องมองความเคลื่อนไหวของลี่จุนถิงตลอด ตอนนี้ลี่จุนถิงกำลังสะสางงานอยู่ในห้องทำงาน รวมถึงเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ การที่ลี่จุนถิงจะสะสางงานไม่ทันก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
และสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือโอกาสแบบนี้แหละ การทำให้ลี่จุนถิงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื่น จนไม่สามารถไปสนใจเรื่องของAnthonyได้
อันซีหนีได้พาลูกน้องของตัวเองแอบแทรกซึมเข้าไปในสถานที่ที่Anthonyอยู่ เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ไม่มีการเข้มงวดกวดขันเหมือนอย่างที่ผ่านมา อันซีหนีก็แอบถอนหายใจออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ทางด้านลี่หุยก็ได้เน้นย้ำกับเขาตลอดว่า ลี่จุนถิงตอนนี้ยังอยู่ในบริษัท ไม่มีทางที่จะมาสนใจสถานการณ์ทางนั้นได้แน่ จึงทำให้อันซีหนีมีความมั่นใจต่อปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้ขึ้นมาทันที
แต่ว่า ขณะที่เห็นอันซีหนีกำลังเตรียมพาตัวAnthonyหนีไป ไฟจากทั่วทุกทิศทางก็ได้สว่างขึ้นทันที มีคนหลายคนยืนอยู่ไม่ไกลนัก ราวกับว่าการปรากฏตัวของพวกเขาได้ถูกคาดการณ์ไว้แล้ว
อันซีหนีรู้สึกตกใจ แต่สีหน้ากลับมีรอยยิ้มเผยออกมาโดยไม่มีเสียง : “ฉันมาเยี่ยมน้องชายหน่อยน่ะ”
ผู้คุมรู้ดีว่าที่อันซีหนีพูดไม่ใช่ความจริง แต่หน้าที่ของพวกเขาคือแค่เฝ้าAnthonyไว้ให้ดี ดังนั้นจึงไม่ได้แฉเขาออกมา
เดิมทีแผนที่อันซีหนีและลี่หุยได้วางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะพังไม่เป็นท่าอย่างนี้ ไม่คิดเลยว่าลี่จุนถิงจะเตรียมรับมือกับแผนช่วยเหลือของพวกเขาไว้นานแล้ว!
สำหรับสถานการณ์อย่างนี้ ในใจอันซีหนีต้องรู้สึกโมโหอยู่แล้ว แต่ลี่หุยก็บอกกับเขาว่า : “คุณวางใจเถอะน่า ถึงแม้แผนการนี้จะล้มเหลว แต่ผมได้คิดแผนสองเอาไว้แล้ว”
“หืม? อะไร?” อันซีหนีมองลี่หุยอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะละเอียดรอบคออบอย่างนี้
ลี่หุยยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับอันซีหนี จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาลี่เจี้ยนหวาซึ่งเป็นพ่อของตัวเอง
เนื้อหาที่คุยกันนั้นไม่มีอะไรมากมาย ลี่หุยให้ลี่เจี้ยนหวาคิดหาทางเรียกเจียงหยุนเอ๋อออกมา หลังจากนั้น……เขาก็สามารถร่วมมือกับอันซีหนีลักพาตัวเจียงหยุนเอ๋อไปได้ และใช้มันมาข่มขู่ลี่จุนถิง
“คุณคิดวิธีดี ๆ ได้แล้วเหรอ?” หลังจากลี่หุยวางสายโทรศัพท์ อันซีหนีก็หันมาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
ลี่หุยพยักหน้า : “อืม คุณAnthony คุณก็รู้นี่ ว่าสำหรับลี่จุนถิงแล้ว มีจุดอ่อนที่พวกเราควรจะใช้ประโยชน์มากที่สุด จุดอ่อนนั่นก็คือเจียงหยุนเอ๋อ”
Anthonyเลิกคิ้วขึ้น ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ตอนนี้เมื่อได้ฟังลี่หุยพูดอย่างนี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างมาก
ทางด้านลี่เจี้ยนหวาไม่นานก็ได้เรียกเจียงหยุนเอ๋อออกมา ส่วนลี่หุยและอันซีหนีได้มารอที่จุดนัดพบล่วงหน้าแล้ว