Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 483 ผิดหวังในตัวลูก
เมื่อได้ยินคำสั่งเด็ดขาดของหลี่เค เคธี่ก็ตื่นตกใจ เธออึ้งไปเล็กน้อย และเพิ่งจะมารู้สึกตัวได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก เพราะเธอกำลังไล่ตามความรักและความสุข ทำไมถึงมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้ ? หรือเธอทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ ?
ไม่ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ เธอยังไปจากตรงนี้ไม่ได้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็เปลี่ยนท่าทีให้ดูน่าสงสารยิ่งขึ้น แล้วดึงแขนเสื้อของหลี่เค เอ่ยอ้อนวอนขอร้องออกไปเบาๆว่า “ พ่อค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ลูกไม่ได้ดูแลจัดการให้รอบคอบ ลูกจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พ่ออย่าเพิ่งให้ลูกไปจากตรงนี้เลย ? ได้โปรดเถอะนะคะพ่อ!”
เมื่อได้ยินคำร้องขออ้อนวอนของเคธี่ หลี่เคไม่ได้รู้สึกใจอ่อนแต่อย่างใด สำหรับเขาแล้ว ผลประโยชน์ของบริษัทอยู่เหนือสิ่งอื่นใด แต่ตัวเคธี่เองก็กลับไม่ได้สนใจ คอยแต่จะเอาใจลี่จุนถิง ซึ่งมันทำให้เขาทนดูไม่ได้อีกต่อไป เพราะเหตุนี้จึงไม่คิดที่จะให้โอกาสกับเคธี่อีก
“เคธี่ พฤติกรรมของลูกพ่อรู้และเห็นมันมาตลอด ก่อนหน้าที่รับปากให้ลูกเข้ามามีส่วนร่วมในงานต่างๆของบริษัทเพราะคิดว่าลูกยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ตอนนี้การกระทำของลูกสร้างความเสียหายให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก ! บริษัทของเราต้องสูญเสียคู่ค้ารายใหญ่ไปไม่น้อยลูกรู้ไหม ? พ่อผิดหวังในตัวลูกมาก!ลูกไปจากที่นี่เถอะ !” หลี่เคขมวดคิ้วอย่างระอา พลางโบกมือไล่
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเคธี่ก็ซีดเผือด เธอรีบเข้าไปดึงเสื้อของหลี่เคเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดอย่างตื่นกลัวไปว่า “พ่อค่ะ อย่าเพิ่งส่งลูกกลับไปตอนนี้เลย ลูกยังไม่อยากกลับ! ลูกรู้ว่าที่ผ่านมาลูกทำตัวไม่ดี แต่หลังจากนี้จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมาลูกละเลยไปมาก ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ !”
“ตั้งแต่ที่ลูกพอใจในตัวลี่จุนถิงพ่อก็มองออกว่า ลูกไม่คิดจะตัดใจจากเขา ความรู้สึกส่วนตัวมันจะส่งผลกระทบกับงาน แล้วถ้าหากลูกใจอ่อนกับเขาขึ้นมาอีกจะทำยังไง ? หรือบริษัทต้องโอนอ่อนผ่อนตามไปกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของลูกอย่างนั้นเหรอ ? ”พูดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของหลี่เคก็เบาบางลงไปมาก
คำพูดทุกคำของหลี่เคทำให้เคธี่ในตอนนี้ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เธอจ้องมองไปยังใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของหลี่เค จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทีให้จริงจัง แล้วเอ่ยพูดอย่างนอบน้อมไปว่า “พ่อค่ะ ลูกรู้ว่าที่ผ่านมาลูกทำตัวเหลวไหล กับเรื่องที่เกิดขึ้นลูกจะหาวิธีแก้ไขเอง ความเสียหายที่เกิดจะให้มีผลกระทบน้อยที่สุด ขอได้โปรดให้ลูกอยู่หวากั๋วต่อเถอะนะคะ ได้ไหม ?
“แก้ไข ? จะแก้ไขมันยังไง ?”หลี่เคเลิกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยถามไปด้วยความฉงนใจ
เมื่อเห็นว่ามีแนวโน้มพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้ เคธี่ก็แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่มีแล้วพูดออกไปว่า“เอาอย่างนี้ไหมคะ ลูกจะทำความเข้าใจกับคู่ค้าของเราใหม่ และกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ลูกจะคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้นไปอีก จะไม่คำนึงและให้ความสำคัญไปมากกว่าที่ผ่านมา และจะแยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันให้ชัดเจน!พ่อพอจะรับไว้พิจารณาได้ไหมคะ ? ”
หลี่เคมองไปยังใบหน้าที่กำลังอ้อนวอนของเคธี่ ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้ เขาถอนหายใจ แล้วเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาไปว่า “คำพูดที่พูดออกมาเมื่อกี้ แน่ใจนะว่าจะทำอย่างที่พูดได้ ? ”
“ลูกสัญญาค่ะ จากนี้ต่อไปลูกจะยึดเอาผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก สำหรับการเข้าหาลี่จุนถิง ลูกจะหาวิธีอื่น จะไม่เอาธุรกิจของบริษัทมาล้อเล่นอีกค่ะ!”
เคธี่เม้มปากแน่น แล้วค่อยๆ พูดมันออกมาช้าๆชัดๆทีละคำๆ
“ก็ได้ ในเมื่อลูกยืนกรานที่จะอยู่ต่อ งั้นพ่อจะให้โอกาสลูกอีกครั้ง ปัญหาความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นก็หาทางแก้ไขมันด้วย แต่นี้ต่อไปพ่อจะคอยเฝ้าจับตาดูลูกเอาไว้ หากลูกทำมันไม่สำเร็จ ก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีก ต้องไปจากหวากั๋วทันที อย่าทำให้พ่อผิดหวังแล้วกัน!” หลี่เคขมวดคิ้วยุ่ง สุดท้ายก็ต้องเอ่ยพูดมันออกไป น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเอือมระอา
เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว เคธี่ก็ตื่นเต้นดีใจ เธอพยักหน้ารับทันที แล้วสวมกอดหลี่เคเอาไว้แน่น “ ขอบคุณค่ะพ่อ ลูกจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ หากลูกทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ต้องรอให้พ่อเอ่ยปาก ลูกจะไปจากที่นี่ด้วยตัวเองทันที !”
หลี่เคลูบไปยังใบหน้าของเคธี่เบาๆ แล้วพยักหน้าให้กับลูกสาว และไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากที่ออกมาแล้ว เคธี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นิสัยใจคอของหลี่เคเธอรู้ดี และรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก ครั้งนี้ที่ร้องขอให้ได้อยู่ต่อที่หวากั๋วมันก็เหนือความคาดหมายอยู่มาก และเธอเองก็พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก
เมื่อกลับมาถึงที่ทำงาน เคธี่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วหลับตาลงช้าๆ แม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ในตอนนี้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทก็ค่อนข้างยุ่งยาก
เพราะได้ยุติสัญญากับคู่ค้าไปหลายเจ้า หากบากหน้าไปขอความช่วยเหลือในตอนนี้ มันไม่ใช่แนวการทำงานในแบบของเธอ และลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับเธอมากนัก คงไม่คิดที่จะอยากร่วมงานกับเธออีกเป็นแน่
คราวนี้ควรทำอย่างไรดี ? รับปากกับหลี่เคไปแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้ หากทำไม่ได้อย่างที่พูดเอาไว้ ไม่พ้นต้องไปจากที่นี่เป็นแน่ ? และโครงการที่เธอรับผิดชอบดูแลในตอนนี้ก็ใช่จะมากมายอะไร จะรับมือและแก้ไขกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้อย่างไรดี ?
เธอถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดื่มน้ำด้วยใจที่ห่อเหี่ยวเป็นกังวลนิ่งเงียบและปล่อยให้หัวคิ้วผูกกันจนเป็นปม
ทันใดนั้น ดวงตาเธอก็เป็นประกายขึ้นมา กระตุกยิ้มมุมปาก เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วต่อสายไปหาลี่หุยทันที ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยช่วยลี่หุยเอาไว้ไม่น้อย มาวันนี้คงได้เวลาที่เขาจะตอบแทนเธอบ้างแล้ว ?
สายที่โทรไปยังอีกฝั่งไม่มีคนรับสาย เคธี่ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ “ลี่หุยนี่ยังไงกัน โทรไปก็ไม่รับสาย ? หรือจะหลอกใช้เราทำงานให้ฟรีๆ ไม่คิดจะช่วยเหลือเราอย่างนั้นเหรอ ? มันจะมากเกินไปแล้ว!”
และก็กดสายโทรหาลี่หุยอีกครั้ง คราวนี้เคธี่อดทนรอเพื่อให้ลี่หุยรับสาย ในขณะที่ขีดความอดทนของเธอใกล้จะหมดแล้วนั้น ปลายสายของอีกฝั่งก็กดรับสายของเธอพอดี
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูด เคธี่ก็โพล่งไปทันทีว่า “ลี่หุย นายทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ? ไม่รับสายของฉัน คือไม่อยากจะร่วมงานกันอีกแล้วใช่ไหม ? หากเป็นอย่างนั้น ก็ได้นะ เรื่องที่ฉันเคยช่วยนายก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก ฉันจะได้เอาเรื่องนี้ไปบอกลี่จุนถิง ถึงตอนนั้นนายก็จะไม่เหลืออะไรเลย !”
เมื่อลี่หุยที่อยู่ปลายสายได้ยินเข้า ก็ตกใจ รีบวางเอกสารในมือลงแล้วเอ่ยพูดปลอบไปว่า“แหมคุณคนสวย พูดอะไรอย่างนั้นเล่า ? ผมจะกล้าไม่รับสายคุณได้ยังไงกัน เมื่อกี้ผมติดประชุมเลยไม่ได้รับสาย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปครับ ”
“ฉันไม่สนว่าจะเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี และฉันก็กำลังตกที่นั่งลำบาก ต้องการความช่วยเหลือจากนาย!ฉันช่วยงานนายมาแล้วตั้งหลายครั้ง คราวนี้ถึงตานายที่จะต้องช่วยฉันบ้าง ? ยังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว!” เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนง และเคาะโต๊ะไปเบาๆ เอ่ยพูดอย่างละมุนละม่อม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในใจของลี่หุยก็กระวนกระวาย แต่ก็ยังข่มใจให้สงบแล้วพูดไปว่า “ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว คุณมีปัญหาอะไรก็พูดมาเถอะ อะไรที่ช่วยได้ผมเต็มใจช่วยคุณแน่นอน ”