Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 503 เขาต้องกลับมาได้แน่นอน
ลี่จุนซินยืนรออยู่ด้านนอกประตู เมื่อเห็นแม่เดินออกมา สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก็อยากเอ่ยถาม แต่ตอนนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยอารมณ์ไม่ดี จึงทำอะไรไม่ได้มากมายนัก ได้แต่รีบก้าวเดินตามไป
ทันใดนั้นลี่เจี้ยนหวาก็ออกมาจากห้องอาหาร แล้วจับลี่จุนซินเอาไว้ : “จุนซิน”
ลี่จุนซินหันกลับไป แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ : “พ่อ ตกลงไปพูดอะไรกับแม่?”
ในฐานะลูกสาว ลี่จุนซินจึงรู้ดีว่าตอนนี้แม่อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก และลี่เจี้ยนหวาก็ดันโผล่มาตอนนี้พอดี
“จุนซิน พ่ออยากแต่งงานใหม่กับแม่แก แต่แม่แกไม่ตกลง แกช่วยพ่อเกลี้ยกล่อมแม่หน่อยสิ” ลี่เจี้ยนหวารู้ดี ว่ายังไงโม่เสี่ยวฮุ่ยก็น่าจะฟังคำพูดของลูกสาวอยู่บ้าง
ลี่จุนซินมองลี่เจี้ยนหวาด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง : “พ่อ กำลังล้อเล่นใช่ไหม?”
ลี่เจี้ยนหวารีบปฏิเสธ : “เปล่านะ ฉันจริงจัง”
ลี่เจี้ยนหวาแสดงท่าทีจริงใจ แต่ลี่จุนซินกลับยิ่งโมโห : “พ่อ คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเล่น ๆ งั้นเหรอ? นึกอยากจะแต่งก็แต่ง นึกอยากจะหย่าก็หย่า? ในเมื่อตอนนี้รู้สึกเสียใจขึ้นมา แล้วตอนแรกขอหย่าทำไม?”
“ใช่ พ่อเสียใจ ตอนนั้นวู่วามไป แกก็ช่วยพ่อหน่อยนะ” ลี่เจี้ยนหวารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเสียหน้ามาก เคยขอร้องลูกสาวอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ลี่จุนซินสีหน้าเย็นชา : “พ่อ หนูจะไม่ช่วยพ่อหรอกนะ หนูคิดว่าพ่อกับแม่ไม่มีความจำเป็นต้องแต่งงานใหม่กันอีกแล้ว พ่อยังมียัยจ้าวเฟยเฟยนั่นไม่ใช่เหรอ? พ่อนี่ยิ่งแก่ยิ่งไม่มีเหตุผลแล้วจริง ๆ”
พูดเหน็บแนมไปประโยคหนึ่ง แล้วลี่จุนซินก็สะบัดมือของลี่เจี้ยนหวาจากนั้นก็ออกจากร้านอาหาร ไปหาโม่เสี่ยวฮุ่ย
“จุนซิน แก!” ลี่เจี้ยนหวาคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะพูดจาได้ใจร้ายขนาดนี้ จึงรู้สึกชา ๆ ขึ้นมาในใจเล็กน้อย
ในเมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ยอมแต่งงานใหม่อีกครั้ง ลี่เจี้ยนหวาก็ต้องคิดหาวิธีอื่นให้ตัวเอง ยังไงก็ตามตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรอย่างนี้ ตอนนี้เขาจึงต้องทำให้ลี่หุยยืนหยัดอยู่ในบริษัทให้ได้
ลี่เจี้ยนหวาจึงได้โอนหุ้นของตัวเองให้ลี่หุย หุ้นในมือของลี่หุยคราวนี้ เรียกได้ว่าเป็นเบื้องหลังที่แข็งแกร่งจริง ๆ จึงไม่กลัวคำติฉินนินทาในบริษัทอีกแล้ว
ลูกนอกสมรสแล้วยังไงล่ะ? ตัวเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่อยู่เป็นโอกาสดีที่ตัวเองจะได้แสดงความสามารถ
ลี่หุยอาศัยหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ดึงคนในบริษัทจำนวนหนึ่งมาเป็นพวก และได้รับทำโครงการหลายโครงการ เพื่อต้องการใช้ความสามารถของตัวเอง ทำให้ตัวเองเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ
ลี่จุนซินรู้ดีถึงความทะเยอทะยานของลี่หุย แต่ว่าตอนนี้ลี่จุนซินก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ได้แต่ประคับประคองบริษัทอยู่ตรงนี้ ไม่มีวิธีอื่น
วันที่ไม่มีลี่จุนถิงอยู่ คนในบริษัทไม่ว่าจะระดับล่างระดับสูงต่างก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
เจียงหยุนเอ๋องานยุ่งทั้งวันเพิ่งได้กลับไปบ้าน
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจียงหยุนเอ๋อก็ถอนหายใจออกมา หลายวันแล้ว ที่ตัวเองกลับมาบ้าน แล้วไม่มีลี่จุนถิงอยู่
เหมือนว่านานมากแล้วที่เธอไม่ได้กลิ่นของลี่จุนถิง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็แสบจมูกขึ้นมา
“หม่ามี้” ถวนจื่อได้ยินเสียงด้านนอกประตู ก็วิ่งออกมาจากในห้อง
รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อกำลังท้องอยู่ ถวนจื่อจึงไม่กล้าพุ่งเข้าไปหาเจียงหยุนเอ๋อแรง ๆ
“ถวนจื่อ” เจียงหยุนเอ๋อเห็นลูกชาย ใบหน้าก็ดูมีความสุขขึ้นมา
ช่วงนี้ก็มีเพียงลูกชายที่อยู่เป็นเพื่อนตัวเอง แต่ก็ยังดีที่มีลูกชาย
“หม่ามี้ เมื่อไหร่แด๊ดดี้จะกลับมาครับ?” ถวนจื่อเงยหน้าขึ้น กะพริบตาปริบ ๆ มองไปยังเจียงหยุนเอ๋อ
สายตาเจียงหยุนเอ๋อมีประกายความเศร้าโศกแฝงอยู่ แต่ภายนอกยังคงเอ่ยพูดอย่างสบายใจ : “แด๊ดดี้ยังทำงานนอกสถานที่อยู่จ้ะ เขาบอกว่ายังต้องอยู่อีกสักระยะหนึ่ง”
ถวนจื่อพยักหน้า : “หม่ามี้ คิดถึงแด๊ดดี้แล้วใช่ไหมครับ?”
เมื่อครู่ถวนจื่อได้สังเกตเห็นสายตาของเจียงหยุนเอ๋อ ว่ากันว่าแม่ลูกนั้นมีใจเชื่อมใจ เจียงหยุนเอ๋อสบายหรือไม่สบายใจ ถวนจื่อนั้นย่อมรู้ดี
“จ๊ะ หม่ามี้คิดถึง”
ถวนจื่อลูบหัวเจียงหยุนเอ๋อ แล้วพูดปลอบใจ : “หม่ามี้ไม่ต้องเสียใจนะครับ แด๊ดดี้จะกลับมาเร็ว ๆ นี้แน่นอน”
ที่จริงถวนจื่อรู้สึกได้ว่าลี่จุนถิงไม่ได้แค่ไปทำงานนอกสถานที่ธรรมดาเท่านั้น เพราะเขารู้สึกว่าช่วงนี้พวกผู้ใหญ่กำลังปิดบังอะไรตัวเองอยู่ แม้แต่พ่อบ้านระยะนี้ก็อารมณ์ไม่ดี
แต่ถวนจื่อไม่พูดมาก เขารู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว ในเมื่อลี่จุนถิงไม่อยู่ การดูแลหม่ามี้และน้องสาวในท้องของหม่ามี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เขาคิดว่านี่คงเป็นเรื่องที่แด๊ดดี้หวังให้ตัวเองทำมากที่สุด
“จ๊ะ หม่ามี้รู้แล้ว” เจียงหยุนเอ๋อปลื้มใจมาก ที่ลูกชายของตัวเองเข้มแข็งและมองโลกในแง่ดีตั้งแต่เด็ก
ต่อให้ไม่ได้เจอกับพ่อนานขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย กลับปลอบใจตัวเองเหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งด้วยซ้ำ
“การบ้านวันนี้ทำเสร็จหรือยังจ๊ะ?” เจียงหยุนเอ๋อตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย จะเอาความเศร้าโศกมาใส่ลูกชายไม่ได้
“ครับ”
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถวนจื่อควรไปนอนได้แล้วนะ”
เนื่องจากงานที่บริษัทเยอะมาก ดังนั้นทุกครั้งที่เจียงหยุนเอ๋อกลับมาจากบริษัท ก็สองทุ่มกว่าแล้ว
“ครับ ได้ครับ หม่ามี้ก็รีบพักผ่อนนะครับ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนถวนจื่อแล้ว ถวนจื่ออยู่คนเดียวได้” ถวนจื่อพูดจบก็จุ๊บเจียงหยุนเอ๋อแล้วขึ้นไปชั้นบน
มองแผ่นหลังของลูกชาย เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา หลายวันมานี้ไม่มีเวลาอยู่กับลูกของตัวเองเลย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ในตอนนี้ โทรศัพท์ของเจียงหยุนเอ๋อก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของชิงโม่ เจียงหยุนเอ๋อก็รีบรับสาย น้ำเสียงฟังดูคาดหวังเล็กน้อย : “ชิงโม่ เป็นยังไงบ้าง?”
เพราะชิงโม่เป็นมือขวาของลี่จุนถิงที่ต่างประเทศ ดังนั้นหน้าที่การตามหาเบาะแสของลี่จุนถิงในต่างประเทศจึงเป็นของชิงโม่
ปกติชิงโม่จะรายงานสถานการณ์ให้เจียงหยุนเอ๋อทราบทุก ๆ สองสามวัน
“ยังหาไม่พบครับ”
เจียงหยุนเอ๋อเงียบไป เธอจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ความคาดหวังขณะรับสายจากชิงโม่ ได้เปลี่ยนเป็นความหดหู่
ยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
“อืม ฉันรู้แล้ว นายหาต่อไปนะ” เจียงหยุนเอ๋อผิดหวังอย่างมาก
“คุณนายน้อยวางใจเถอะครับ พวกเราจะหาเบาะแสของคุณชายลี่อย่างสุดความสามารถแน่นอน”
“จ๊ะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดจบก็วางสายไป
ในห้องรับแขกมีเพียงเจียงหยุนเอ๋อแค่คนเดียวแล้ว เมื่อมองไปรอบ ๆ ในหัวของเจียงหยุนเอ๋อก็มีภาพที่อยู่บ้านกับลี่จุนถิงอย่างอบอุ่นแวบเข้ามา เบ้าตาแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หยดน้ำตาใส ๆ ไหลรินอาบแก้ม
เธอเข้มแข็งแค่เพียงภายนอกเท่านั้น เป็นห่วงเหลือเกิน ว่าถ้าเกิดลี่จุนถิงเกิดมี……
ไม่ เธอไม่กล้าคิด ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ตกใจตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย ตอนที่ต้องการใครสักคนปลอบใจ กลับพบว่าข้างกายมีเพียงความหนาวเหน็บ และว่างเปล่า
ทุกครั้งเมื่อถึงเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อจะนอนไม่หลับ แล้วมองไปยังแสงจันทร์ที่เงียบสงัดนอกหน้าต่าง เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเพียงว่าใจของตัวเองไร้ความรู้สึกไปแล้ว
ถ้าลี่จุนถิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้เลยว่าตัวเองควรทำยังไงดี