Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 504 อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด
ซูม่านลีได้ยินเสียงจากชั้นล่าง ก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน
ช่วงนี้เป็นเพราะลี่จุนถิงไม่อยู่ เจียงหยุนเอ๋อก็ท้องโต ซูม่านลีจึงไม่วางใจ เลยย้ายมาอยู่ที่บ้านเจียงหยุนเอ๋อชั่วคราว ถือว่ามาคอยดูแลเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อระยะนี้ยุ่งกับงานที่บริษัท ถวนจื่ออยู่บ้านคนเดียว ต่อให้มีคนรับใช้คอยดูแล แต่ซูม่านลีก็ยังไม่สบายใจเท่าไหร่
ถวนจื่อทำการบ้านไม่จำเป็นต้องให้ซูม่านลีคอยสอน ซูม่านลีจึงกลับเข้าห้องไปนอน
และตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ชั้นล่าง จึงอยากดูว่าใช่ลูกสาวกลับมาแล้วหรือเปล่า
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเดินมาถึงปากทางบันได ก็เห็นเจียงหยุนเอ๋อแอบนั่งร้องไห้อยู่ที่โซฟาคนเดียว ไม่กล้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ซูม่านลีถอนหายใจ เดินลงไปชั้นล่าง
อารมณ์ของเจียงหยุนเอ๋อในช่วงนี้แย่มากแค่ไหนซูม่านลีรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ว่าลูกสาวคนนี้มักจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไร
ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากชั้นสอง เจียงหยุนเอ๋อก็แหงนหน้าขึ้น พบว่าเป็นซูม่านลี จึงรีบเช็ดน้ำตาบนหน้าออกไป แล้วขานเรียก : “แม่คะ”
ซูม่านลีได้เดินมาอยู่ตรงหน้าโซฟาอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงข้าง ๆ เจียงหยุนเอ๋อ
เห็นใบหน้าเจียงหยุนเอ๋อมีคราบน้ำตาที่ยังเช็ดออกไม่หมด จึงยื่นมือไปเช็ดให้เธอ : “เด็กโง่ ร้องไห้ยังแอบแม่ร้อง คิดว่าแม่ดูไม่ออกหรือไง?”
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าไม่พูดอะไร เธอกลัวว่าซูม่านลีจะเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แม่รู้ว่าลูกกังวลใจ” ซูม่านลีเอ่ยพูดเสียงเบาปลอบใจลูกสาว “จุนถิงต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้าขึ้น มองไปทางซูม่านลีด้วยดวงตาที่แดงก่ำ : “แต่แม่คะ หนูกลัว……”
ซูม่านลีรีบขัดเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้ : “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตอนนี้สิ่งที่ลูกต้องทำก็คือดูแลตัวเองให้ดี อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด แม่เห็นด้วยและสนับสนุนที่ลูกทำงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่ก็ต้องระวังสุขภาพไว้ด้วย ต่อให้ลูกไม่รักไม่ทะนุถนอมตัวเอง ยังไงก็ต้องรักและทะนุถนอมลูกในท้องหน่อยนะ ลูกไม่จำเป็นต้องคิดมาก ดูแลตัวเองให้ดี ถึงจะเป็นการช่วยจุนถิงได้มากที่สุด”
เจียงหยุนเอ๋อทำจมูกฟุดฟิด แล้วพยักหน้า
เจียงหยุนเอ๋อเข้าใจเหตุผลทั้งหมดดี แต่บางครั้งก็ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่
“เอาล่ะ พูดเรื่องสนุก ๆ กับแม่หน่อยดีกว่า” ซูม่านลีโอบไหล่เจียงหยุนเอ๋อ ให้หัวเธอมาซบบนไหล่ของตัวเอง “วันนี้แม่ฝึกทำอาหารอร่อย ๆ อีกอย่างแล้วล่ะ พรุ่งนี้แม่จะทำให้ลูกทานนะ……”
ซูม่านลีลองเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อดึงความสนใจของเจียงหยุนเอ๋อ
ส่วนท่านปู่ลี่ก็กำลังปวดหัวอยู่กับเรื่องบริษัท
กว่าจะแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าเรียกร้องขอหยุดความร่วมมือได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็ดันมีปัญหาจุกจิกอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย
เมื่อลี่จุนถิงไม่อยู่ ปัญหาก่อนหน้านี้ที่แอบซ่อนมาตลอดโดยไม่กล้าเปิดเผยของบริษัท ก็โผล่ออกมาเต็มไปหมด
ตอนนี้ท่านปู่ลี่อายุมากแล้ว ความจำและสุขภาพไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน หลาย ๆ เรื่องจึงทำออกมาได้ไม่ดีพอ สุดท้ายเมื่อหมดหนทาง ท่านปู่ลี่จึงต้องเรียกนักธุรกิจจำนวนหนึ่งที่สนิทสนมกันและลูกน้องฝีมือดีของตัวเองในเมื่อก่อนกลับมา
เป็นเพราะลี่จุนถิงเข้ารับตำแหน่ง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก
ลูกน้องของท่านปู่ลี่ต่างก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านปู่ลี่ ดังนั้นส่วนมากจึงเกษียณกันหมดแล้ว เกรงว่าตอนนี้มีเพียงคนที่เคยเก่งกาจพวกนี้เท่านั้น ที่สามารถช่วยตัวเองพยุงบริษัทเอาไว้ได้
เดิมทีท่านปู่ลี่ก็ไม่อยากทำอย่างนี้ เพราะเป็นคนเย่อหยิ่งโอหังคนหนึ่ง ตอนนี้ตัวเองคุมบริษัทไว้ไม่อยู่แล้ว การเรียกพวกเขากลับมายังไงก็เสียหน้าอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมใช้วิธีนี้อย่างจนใจ
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้เรื่องที่ลี่จุนถิงหายตัวไปกันแล้ว
คนในบริษัทก็รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อมาดูแลบริษัทแทน
ถึงแม้ท่านปู่ลี่พูดว่าตัวเองเป็นคนดูแลบริษัท แต่พวกเขากลับเห็นท่านปู่ลี่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ฉะนั้นจึงคิดว่าท่านปู่ลี่ดูแลบริษัทเพียงในนามเท่านั้น ส่วนในความเป็นจริงคือให้ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อมาควบคุมดูแลแทน
เมื่อคิดว่าบริษัทใหญ่ขนาดนี้แต่กลับมอบหมายให้ผู้หญิงสองคนมาดูแล พวกคนที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองในบริษัทก็รู้สึกไม่ค่อยเชื่อมั่นขึ้นมา คิดว่าผู้หญิงไม่สามารถรับผิดชอบภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ได้
“นายว่าท่านปู่ลี่คิดอะไรอยู่กันแน่?” กัวซ่วยที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ในห้องน้ำชา เกิดคำถามนี้ขึ้นมาในหัว
ฟู่จื้อฉีใส่น้ำตาลหนึ่งก้อนลงไปในแก้ว : “ฉันว่าคงเป็นเพราะท่านปู่ลี่แก่แล้ว ดูแลบริษัทไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เลยให้ผู้หญิงสองคนมาดูแลแทนไปก่อน”
“แต่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือไง” กัวซ่วยลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง “นายคิดดูสิ ต่อให้เป็นลี่หยูนห่วนก็ยังดีนะ ยังไงก็เป็นคนในตระกูลลี่ อีกอย่างเขาเองก็มีบริษัทที่ดูแลอยู่ไม่ใช่หรือไง? ได้ยินมาว่าดูแลได้ไม่เลวเลยนะ”
“นายเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าตระกูลลี่เป็นยังไง?” ฟู่จื้อฉีสีหน้าจริงจัง “ตระกูลลี่เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองจิ่งเฉิง ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาน่ะ ให้ความสำคัญกับเรื่องสายเลือดมากที่สุดแล้ว ลี่หยูนห่วนนั่นเกิดในครอบครัวลูกคนรอง อีกอย่างนายไม่สังเกตเหรอว่าปกติคุณชายลี่ทำเหมือนกับเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาต? นายคิดว่าท่านปู่ลี่จะทำเรื่องแบบนั้นหรือไง?”
กัวซ่วยลูบคางไปมา : “ที่นายพูดก็มีเหตุผล แต่ก็มีลี่หุยอีกคนไม่ใช่เหรอ”
กัวซ่วยและฟู่จื้อฉีเห็นลี่หุยตั้งแต่เข้ามาทำงานในบริษัท จากนั้นก็เห็นลี่หุยได้โครงการมาทำมากมาย ประสบความสำเร็จมาตลอด หลังจากนั้นถึงแม้ว่าลี่เจี้ยนหวาถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่ตอนนี้ลี่หุยก็มีหุ้นอยู่ตั้งมากมาย
“ก็จริง ถึงแม้ลี่หุยเป็นลูกนอกสมรส แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นลูกชายคนหนึ่ง ถ้ามีความสามารถอีกหน่อย ก็คงดูแลบริษัทได้” ที่จริงฟู่จื้อฉีค่อนข้างชื่นชมลี่หุย ยังไงก็ตามสามารถทำได้อย่างนี้ต่อหน้าลี่จุนถิงก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“จริงด้วย นายดูตอนนี้สิ ในบริษัทพวกเรานอกจากพวกหัวหน้าระดับสูง ก็น่าจะเป็นลี่หุยนี่แหละที่ค่อนข้างมีหน้ามีตา” กัวซ่วยนึกถึงหุ้นมากมายที่ลี่หุยถืออยู่ ก็รู้สึกอิจฉา
ถ้าหากเขาสามารถมีหุ้นของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมากมายขนาดนั้นล่ะก็ คงไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้
“ดูตอนนี้สิให้ผู้หญิงสองคนมาดูแลบริษัท บริษัทมีสภาพเป็นยังไง ฉันรู้สึกได้ว่าผลประกอบการของบริษัทพวกเราในเดือนนี้ต้องถดถอยแน่ ๆ” ฟู่จื้อฉีพูดพลางถอนหายใจ “โบนัสของเดือนนี้ไม่รู้ว่าจะยังได้รับหรือเปล่า”
“เฮ้อ ก็จริงอย่างที่นายพูด หรือว่าพวกเรา……” กัวซ่วยหรี่ตามองฟู่จื้อฉี แววตาเต็มไปด้วยแผนร้าย
ดูเหมือนว่าฟู่จื้อฉีจะเข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มมุมปากออกมา สบสายตากับกัวซ่วย
“กัวซ่วย ฟู่จื้อฉี พวกนายก็มาดื่มกาแฟเหรอ” ทันใดนั้นก็มีเสียงจากคนข้าง ๆ ดังขึ้น จนทำให้พวกเขาตกใจ
ขณะที่หันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นลี่หุย
“ผู้จัดการลี่ บังเอิญจริง ๆ มาครับมา รีบมานั่ง” ฟู่จื้อฉีรีบลุกขึ้นยืน แล้วลากเก้าอี้ของตัวเองออกห่างจากตัวเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก ฉันยืนดีกว่า” ลี่หุยยิ้ม แล้วยกแก้วกาแฟในมือขึ้นมา