Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 53 ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
บทที่53 ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
“อ่า……”ทันใดนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็ละสายตาแล้วพูดอย่างอึดอัด“เปล่า อืม……ฉันเห็นว่าคุณกินใกล้หมดแล้ว ฉันจะเก็บ ดึกขนาดนี้แล้วคุณจะกลับแล้วใช่ไหม?”
ที่จริงลี่จุนถิงวางตะเกียบลงไปแล้ว พอได้ยินว่าเจียงหยุนเอ๋อเร่งให้ตัวเองกลับก็ยกตะเกียบขึ้นมาทันที:“เปล่า ผมยังทานไม่เสร็จเลย”
“แต่ว่าเห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้คุณ……วางตะเกียบลงแล้ว”เจียงหยุนเอ๋อมองลี่จุนถิงอย่างแปลกใจหน่อยๆรู้สึกว่ายิ่งไม่เข้าใจเขา
ลี่จุนถิงหยิบตะเกียบมาคีบอาหารอย่างไม่รู้สึกรู้สาพร้อมกับพูด:“ทำไม?ใครเป็นคนกำหนดว่าวางตะเกียบลงหมายความว่าไม่กินแล้วเหรอ?”
“โอเค งั้นคุณกินต่อเถอะ”เห็นแบบนี้แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่สนเขาอีก เอาชามตะเกียบที่ตัวเองใช้เสร็จแล้วไปเก็บ
ลี่จุนถิงกินข้าวมื้อนี้ไปอย่างเนิบๆเพราะอยากยืดเวลาไว้แต่ว่าพอกินข้าวเสร็จ เขาก็คิดข้ออ้างอื่นๆเพื่อจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อีก
ตอนนี้เองห้องนอนของถวนจื่อก็เปิดออกมา ถวนจื่อที่งัวเงียๆก็ออกมาจากด้านใน
“เอ๋ แม่ ทำไมแม่ยังไม่นอนอีกล่ะครับ?พ่อก็ยังอยู่!”ถวนจื่อเข้าไปอย่างตื่นเต้น จับมือของลี่จุนถิงไว้แล้วพูด“พ่อ วันนี้พ่อก็อยู่นี่กับถวนจื่อสิดีไหม?”
ลี่จุนถิงใจเต้น ประโยคนี้ของถวนจื่อคือโอกาสที่ไม่น่าสงสัยสำหรับเขา เขาว่าจะทำเป็นตอบอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ข้างๆกลับมองไปที่ถวนจื่ออย่างเคร่งขรึม
“ถวนจื่อพูดอะไรไร้สาระน่ะลูก?อย่าพูดอะไรมั่วซั่วสิ คุณอาลี่จะนอนนี่อะไรล่ะ?”
เจียงหยุนเอ๋อจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้ตัวเองดูมีอำนาจขึ้นมาหน่อย อย่างไรก็ตามมีแค่เธอที่รู้ว่าตอนที่ถวนจื่อพูดประโยคนั้นออกมาเมื่อกี้ทำให้เธอกังวลสุดๆ
“แต่ว่า……ผมอยากให้พ่ออยู่นี่จริงๆนี่”ถวนจื่อเบะปากอย่างน้อยใจ
แม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทางแบบนี้ของถวนจื่อแล้วจะใจอ่อน แต่เธอก็หมดหนทางที่จะยอมให้ลี่จุนถิงนอนที่นี่จริงๆอีกอย่าง……จิตใต้สำนึกเธอก็ตระหนักได้ว่าลี่จุนถิงไม่มีทางอยู่แน่
“ถวนจื่อเป็นเด็กดีนะ ให้คุณอาลี่กลับไปพักผ่อนก่อน โอเคไหม?”
“ก็ได้ครับ”ถวนจื่อพยักหน้า ในที่สุดก็ตอบไป
ตอนนี้เองลี่จุนถิงก็รู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อที่นี่แล้ว ดังนั้นเลยพูดกับเจียงหยุนเอ๋อ:“พรุ่งนี้ผมไปเยี่ยมแม่คุณกับคุณละกัน คุณไม่ได้บอกเหรอว่าแม่คุณมีความสุขโรคนั้นก็จะดีขึ้นไวๆ?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าและตอบรับไป:“โอเค”
ทั้งสองพูดอีกไม่กี่ประโยค สุดท้ายลี่จุนถิงก็ออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ปิดประตูเสร็จ ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็แดงขึ้นและยังรู้สึกว่าสวีทอย่างแปลกๆ
พอส่งลี่จุนถิงเสร็จเจียงหยุนเอ๋อก็ไปที่ครัวเก็บถ้วยชามตะเกียบเสร็จ ตอนนี้เองเธอกลับได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอกอีกครั้ง
เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วเบาๆ ดึกขนาดนี้แล้วน่าจะไม่มีใครมาได้ หรือว่าลี่จุนถิงลืมอะไรไว้นะ?
เจียงหยุนเอ๋อเดินไปเปิดประตู พอจะเปิดปากถามลี่จุนถิงว่าลืมอะไร กลับเห็นว่าคนด้านนอกไม่ใช่ลี่จุนถิง แต่ว่า……คนๆนี้เกี่ยวข้องกับลี่จุนถิง
คือส้งหวั่นหวั่น
ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อที่มีรอยยิ้มอยู่นั้นพอเห็นส้งหวั่นหวั่นหน้าก็นิ่งขึ้นมาทันที แต่ว่ายังคงมีมารยาทถามไปว่า:“คุณส้ง ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าคุณมาเพราะ……”
ส้งหวั่นหวั่นยิ้มนิดๆมองท่าทางของเจียงหยุนเอ๋อแล้วถาม:“ทำไม?ไม่ต้อนรับฉันเหรอคะ?”
พอส้งหวั่นหวั่นพูดขนาดนี้แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็รีบถอยหลังให้เข้ามา จากนั้นก็พูดกับส้งหวั่นหวั่น:“เชิญเข้ามาค่ะ”
ก้าวแรกที่เข้ามาในบ้านส้งหวั่นหวั่นก็เริ่มสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง ดูจากสายตาเธอแล้วก็เห็นว่าไม่ชอบที่พักของเจียงหยุนเอ๋อสุดๆ แต่ว่าไม่แสดงออกมา
“แม่ครับ ป้าคนนี้คือใคร?”ถวนจื่อยังยืนอยู่ที่ห้องรับแขกไม่ได้กลับห้อง ในเวลานี้ก็ไม่ได้งัวเงียแล้ว มองไปที่ส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกไม่ดีแปลกๆ
สายตาของส้งหวั่นหวั่นมองไปที่ถวนจื่อ ทีแรกก็ประหลาดใจหน่อยๆแต่แปปนึงก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนสืบเจอว่าเจียงหยุนเอ๋อมีลูกแล้วเธอมองถวนจื่ออย่างล้อเล่นแต่แปปนึงก็ปิดบังไว้
โดนส้งหวั่นหวั่นจ้องแบบนั้นถวนจื่อเลยรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยพูดกับเจียงหยุนเอ๋อ:“แม่ครับ ผมไปนอนก่อนนะ”
“จ้ะ รีบไปนอนเถอะ”เจียงหยุนเอ๋อรีบตอบรับ
เห็นส้งหวั่นหวั่นเข้ามาในบ้านตัวเองและยังสำรวจรอบๆ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกแปลกๆ
เธอเดาไม่ออกว่าคุณหนูส้งหวั่นหวั่นมหาเศรษฐีจะมาบ้านตัวเองในเวลาดึกขนาดนี้ทำไม
อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับที่เจียงหยุนเอ๋อจินตนาการไว้ก็คือส้งหวั่นหวั่นกลับไม่แสดงความก้าวร้าวอะไรแค่พูดว่า:“ฉันได้ยินว่าคุณเพิ่งกลับมาไม่นานและยังไม่มีงานจริงๆจังๆ พอดีฉันมีช่องทางหน่อยๆก็เลยอยากแนะนำงานให้ค่ะ”
“อ่าห์……นี่……ขอบคุณน้ำใจนะคะ แต่ว่าไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เจียงหยุนเอ๋อรีบบ่ายมือ คิดว่าจุดประสงค์ของส้งหวั่นหวั่นน่าจะมีมากกว่านั้น
แม้เจียงหยุนเอ๋อจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ส้งหวั่นหวั่นยังไม่ยอมแพ้พูดต่อไปว่า:“ไม่เป็นไร ไม่ลำบากอะไรทั้งนั้น ตอนนี้คุณต้องเลี้ยงลูกอย่างลำบากและยังมีแม่ที่ป่วย ฉันเลยอยากช่วยจริงๆ”
พูดไปส้งหวั่นหวั่นก็ยังจับมือของเจียงหยุนเอ๋อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ
“งั้น……ก็ขอบคุณนะคะ”สุดท้ายเจียงหยุนเอ๋อก็ได้แต่ตอบรับไป
ส้งหวั่นหวั่นคุยเรื่องนี้กับเจียงหยุนเอ๋อพักนึง สุดท้ายจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า:“คุณเจียง พูดตามตรงนะคะ ที่จริงเมื่อก่อนฉันกับจุนถิงเคยหมั้นไว้ แต่ว่าเพราะความเข้าใจผิดเลยถูกยกเลิก……”
พูดถึงตรงนี้ในใจของเจียงหยุนเอ๋อจู่ๆก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดี ส่วนส้งหวั่นหวั่นก็พูดอย่างเศร้าๆต่อไปว่า:“แต่ว่าหลายปีมานี้แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยเลิกชอบจุนถิงเลย และก็เชื่อว่าในไม่ช้าเขาจะยอมรับฉันได้ คุณเจียงคุณน่าจะเข้าใจความหมายของฉันนะคะ?”
เจียงหยุนเอ๋อฝืนยิ้มเป็นตอบรับไป ตอนนั้นเองในใจก็สับสนและคิดคำปลอบเธอไม่ได้
“แค่เพื่อจุนถิงฉันยอมทิ้งทุกอย่าง ตอนนั้นฉันก็ทิ้งโอกาสไปเรียนต่างประเทศเพื่อเขา ตอนนี้ก็ยังทิ้งอาชีพในต่างประเทศแล้วมาตามรอยเขาก็เพื่อเขา ฉันว่าทุกอย่างนี้มันคุ้มค่า”ส้งหวั่นหวั่นพึมพำเบาๆ
ได้ยินส้งหวั่นหวั่นพูดแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็หดหู่ขึ้นมา แม้ว่าจะพยายามควบคุมแล้วแต่ท่าทางก็ยังดูแย่